“เข้าไปด้านในเถอะครับ ผมจะยกกระเป๋าให้สองเอง”
ภามว่าและเดินไปหลังรถเพื่อทำตามคำที่พูด สรัลชนาก็ยิ้มหวานให้แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ใบหน้าของเจ้าหล่อนนั้นยังกระหยิ่มยิ้มย่องราวกับนางพญา
กีรกานกัดกลีบปากล่างแน่น พลันสาวเท้าวตรงไปหาภามที่หลังรถพร้อมกับตั้งคำถาม
“ห้องนอนมีแค่สองห้อง จะให้คุณสองนอนห้องไหนคะ หรือจะต้องให้กั้งย้ายไปนอนที่อื่น”
ท้ายประโยคมีแต่ความน้อยใจและตัดพ้อ เขาไม่ได้บอกหล่อนสักคำว่าจะพาสรัลชนามาด้วย และอยากรู้เสียจริงว่าเขาจะตอบเรื่องนี้อย่างไร
เธอเชื่อว่าเขาคงจะไม่มีทางนอนห้องเดียวกับเธอแน่ ในเมื่อตลอดมาชายหนุ่มไม่เคยทำมัน และอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไล่เธอไปนอนที่อื่นหรือไม่
“มีแค่สองห้องก็นอนได้”
เขาตอบเสียงเข้มและรู้อยู่แล้วว่าการมาของสรัลชนาจะสร้างรอยร้าวในใจให้กีรกาน แต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้ใครอีกคนหนึ่งมาแทน ก่อนจะยกกระเป๋าลงจากรถและเอาเข้าไปในบ้าน
แม้จะได้คำตอบแล้วแต่กีรกานก็ไม่กระจ่างแก่หัวใจอยู่ดี
ใช่ มีสองห้องก็นอนได้ แล้วเขาจะนอนห้องไหนล่ะ ห้องของเธอหรือผู้หญิงคนนั้น เขาจะรู้ไหมว่าในตอนนี้หล่อนรู้สึกอึดอัดและรู้สึกปวดแปลบไปทั่วอก แต่รู้ว่าภามก็คงจะไม่ไยดีมัน
กีรกานตัดสินใจเดินตามเข้าไปในบ้าน เพราะตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่หล่อนโหยหามากที่สุด
“กั้งขอลูกของกั้งค่ะ” บอกกับสรัลชนาที่ยังอุ้มลูกสาว และในตอนนี้หนูน้อยก็ตื่นขึ้นมาแล้วและกำลังส่งยิ้มหวานมาให้
“หา…แม่…กัง…หา ๆ” ลักษณ์นารายิ้มตาหยีที่ได้เจอมารดาแถมยังตบมือแปะ ๆ อย่างดีใจ ก่อนจะชูมือขึ้นทั้งสองข้าง ร้องจะไปหามารดา
สรัลชนาจำต้องส่งลักษณ์นาราไปให้ ทั้งที่จริงแล้วยังอยากจะอุ้มและดูแลต่อ เนื่องจากตนจะได้รับความใส่ใจและเป็นที่สนใจจากภาม
หญิงสาวหอมแก้มยุ้ยของลูกทั้งซ้ายและขวาด้วยความคิดถึง
“คิดถึงแม่ไหมคะยัยหนู”
“ถึง ๆ แม่กัง” คำตอบมันทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวพองโตขึ้นมาได้ แต่ชั่วครู่ต่อมากีรกานก็ต้องหันไปมองต้นเสียงที่พูดออกมา
“สองครับ ผมจะพาขึ้นไปดูห้องนอนของสองครับ”
“ได้ค่ะ สองขอตัวขึ้นไปบนห้องนอนกับคุณภามก่อนนะคะ” สรัลชนาพูดออกมาอย่างจงใจก่อนจะเดินตามภามขึ้นไปบนห้อง แต่ก็มิวายส่งสายตาหยามหยันให้กีรกาน