“ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองหรือไงฮะ ถึงเลือกเองไม่ได้” ทันทีที่ได้รับคำตอบจากกลีบปากหยักของกีรกาน ใบหน้าของภามก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แถมน้ำเสียงก็ขุ่นคลั่กพร้อมกับมองกีรกานอย่างไม่พึงพอใจ
“อย่ามาขึ้นเสียงกับคนของฉันนะตาภาม” ขวัญเกล้ากล่าวเสียงดังพร้อมสีหน้าเอาเรื่องเช่นกัน ไม่มีทางปล่อยให้หลานชายทำเรื่องผิด ๆ อีกแน่
การโต้เถียงของย่าหลานทำให้หนูน้อยลักษณ์นาราตกใจจนเบ้ปากร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว น้ำตาไหลหยดลงมาจากดวงตาคู่เล็ก
“แงง กลัวป้อพำ”
“ไม่ร้องนะคะหนูกี้ ไม่ร้องนะคะ”
ผู้เป็นแม่รีบปลอบทันทีและน้ำตาก็พานจะไหล ไม่มีพ่อแม่คนไหนชอบเห็นลูกร้องไห้หรอก ก่อนจะหันไปมองคนใจยักษ์ที่เป็นต้นเหตุให้ลูกสาวร้องไห้อย่างตัดพ้อ และเธอเคารพการตัดสินใจของคุณท่าน ซึ่งรู้ว่าท่านไม่เคยหวังร้ายเหมือนเขา
“ฉันจะให้แม่กั้งหย่า แล้วแกสองคนจะคบกันก็เรื่องของแก”
เจ้าของไร่ก็หน้าเสียเมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้และขยับเท้าหวังจะเข้าไปปลุกปลอบ แต่ก็ต้องหยุดฝีเท้า
“อย่าเข้ามาใกล้ลูกของกั้ง” ไม่พอหญิงสาวยังขยับตัวหนี แต่มีหรือที่คำห้ามของกีรกานจะใช้ได้ผล เขาห่วงลูกและอยากจะเช็ดน้ำตาให้ลูกน้อย แต่คราวนี้ยังโดนรั้งเอาไว้
“ภามคะ ขอโอกาสสองได้ไหมคะ” เว้าวอนขออีกหน และไม่พอในครั้งนี้เจ้าหล่อนยังสวมกอดชายหนุ่มไว้แน่น โอกาสมันมาถึงมือแล้ว จะไม่มีทางปล่อยให้มันหลุดไป แม้ว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนก็ตาม
ภามแทบจะไม่ได้สนใจคำพูดของสรัลชนา ดวงตาคู่คมมองตามทั้งสามคนไป ในแววตานอกจากความโกรธแล้วมันยังมีความรู้สึกหนึ่งปรากฏขึ้นมาเด่นชัด มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะหยิบขึ้นมาแสดงให้ใครรู้ได้
เขาต้องคิดหนักในบางเรื่อง มากไปกว่านั้น หากเขายังไม่ต้องการจะหย่า ก็ไม่มีใครหน้าไหนทำให้เขาหย่าได้
ด้านขวัญเกล้าขับรถออกมาได้ประมาณเกือบสิบนาทีแล้ว เธอพยายามทำอารมณ์ให้เย็นลงแต่ก็เกือบหลายนาทีเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมหลานชายถึงร้ายและเย็นชาได้ถึงขนาดนี้ กล้าพาผู้หญิงคนอื่นมาเหยียบย่ำหัวใจของภรรยาตัวเองได้อย่างไร ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าสรัลชนาคิดอย่างไร
แต่ก็หันไปมองกีรกานอยู่เป็นระยะ เพียงได้เห็นสายตาที่อมโศกและปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตา ทว่าก็เห็นหลายครั้งที่มือบางเช็ดมันออก
กีรกานคงไม่อยากจะร้องไห้ให้ลูกเห็น และก็รู้ว่าผู้หญิงข้างกายเข้มแข็งไม่ใช่น้อย อดทนมาได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะสองเหตุผลคือรักและอยากจะชดใช้ แต่ในเวลานี้มันสมควรจะพอแล้ว
“ฉันขอโทษจริง ๆ แม่กั้งที่ทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ถึงสามปี ฉันไม่น่าดันทุรังให้เธอแต่งงานกับตาภามเลย” ในเวลานั้นเธอคิดถึงแต่ความถูกต้อง และคิดว่ากีรกานจะสามารถลบแผลในใจที่เกิดจากไฟแค้นได้ แต่เธอคิดผิด พร้อมกับดวงตาที่เศร้าลงเพราะความรู้สึกผิด
“คุณท่านไม่ผิดหรอกค่ะ คนที่ผิดคือกั้งกับแม่เอง”
หญิงสาวไม่เคยที่จะโทษใครเลย นอกจากเธอและมารดา แม้แต่ภามเอง หล่อนก็ไม่เคยคิดจะโทษ เนื่องจากทุกเรื่องจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีจุดเริ่มต้นที่มารดาของเธอ
“คนผิดคือตาภามไม่ใช่เธอ มันคิดได้ไงที่เอาความแค้นมาลงกับเธอถึงทำกับเธอแบบนั้น” ผู้อาวุธโสว่าเสียงแข็งและยังมีแต่ความขุ่นเคือง ก่อนจะร้องถามบางสิ่งเพื่อให้แน่ใจ “มั่นใจแล้วใช่ไหมที่จะตัดใจ”
“กั้งมั่นใจค่ะ”
เพราะในเมื่อมันไม่มีประโยชน์ที่จะยื้อรัก หล่อนก็สมควรจะปล่อยมือจากเขาแล้วทำเพื่อตัวของเธอและเขาเอง
การที่พันธะหมดสิ้นลงเขาอาจจะสบายใจขึ้น และอาจจะให้อภัยเธอและแม่บ้าง ก่อนจะก้มลงไปมองบุตรสาวที่อยู่บนตักพร้อมกับคิดหนัก เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตลูกสาวจะโกรธหรือไม่ที่เลือกตัดสินใจแบบนี้ แต่ก็หวังว่าลูกสาวจะเข้าใจเธอ
“ต่อไปนี้ฉันจะดูแลเธอกับเหลนเอง” ขวัญเกล้าบอกอย่างแน่วแน่ เพราะรักทั้งสองคนมาก แม้กีรกานจะไม่ใช่ลูกหลานของตน และเป็นเพียงลูกสาวของสาวใช้ในบ้าน แต่การที่ได้อยู่ร่วมชายคากันมาเกือบจะสิบปี มันก็ทำให้ได้รู้ถึงนิสัยและรู้ว่ากีรกานเป็นคนดี
สำหรับเรื่องมารดาของกีรกาน เธอก็ไม่ได้พาลเอามันมาเกี่ยวกันเหมือนหลานชาย
“ถ้าตาภามโทร.หา ไม่ต้องรับ ถ้าจะตัดต้องตัดให้ขาด” ท่านสั่ง
“ค่ะ”
กีรกานก็รับคำ เพราะมันจริงอย่างท่านว่า ถ้าจะตัดก็ต้องให้ขาดเหมือนตัดบัวอย่าให้เหลือใย แม้จะบอกตัวเองแบบนี้แต่หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่
เนื่องจากที่ผ่านมาก็พยายามที่จะรักเขาให้น้อยลงเพื่อที่ใจจะได้ไม่ต้องเจ็บ แต่ก็ไม่เคยที่จะทำได้เลย
สรัลชนารีบคว้าโอกาสพร้อมกับรั้งข้อมือของภามเอาไว้และวอนขอทางสายตา เธออยากจะให้ชายหนุ่มเห็นใจในความรักและความหวังดีที่เธอมีให้มาโดยตลอดบ้าง
“สอง ผม..” ไม่ทันที่ภามจะได้ตอบคำถามของสรัลชนา ซึ่งคำตอบของเขามันชัดเจนมาโดยตลอดและพยายามทำให้อีกฝ่ายรู้ แต่กีรกานก็พูดสวนขึ้นมาก่อน ทำให้คำตอบนั้นหายไปในลำคอ
“กั้งจะหย่าค่ะ”
แม้ดวงตาจะแน่วแน่ แต่น้ำเสียงกลับสั่นและไม่สบตากับสามีสักนิด ในเมื่อเกลียดกันก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องทนอยู่ด้วยกันอีก เพราะในเวลานี้หล่อนมองไม่เห็นหนทางที่จะพบแสงสว่างเลย เช่นนั้นตนก็ขอยุติมัน
มือทั้งสองข้างของภามกำแน่นดังกร๊อบเพราะไม่พอใจกับคำตอบของกีรกาน พร้อมกับก้าวเท้า หวังจะเข้าไปหาคนพูดด้วยท่าทางที่ขึงขัง แต่มือเรียวของสรัลชนาก็ยังไม่คลายออก แถมเจ้าหล่อนยังจับแน่นกว่าเก่า
“ไปกับฉันแม่กั้ง ไม่ต้องเก็บของ ฉันจะพาเธอไปอยู่กรุงเทพฯ” ในเมื่อหลานชายยังยืนนิ่งให้สรัลชนาจับแขนอยู่ได้ โดยที่ไม่ได้โต้เถียงอะไรออกมา เธอก็ไม่จำเป็นต้องฟังหรือต้องการคำตอบอะไรอีกแล้ว
ดวงตาของขวัญเกล้ามีแต่ความผิดหวังและตำหนิ
“สองขอโอกาสนะคะภาม”