บทที่ 2 ว่าที่คู่หมั้นผู้เกลียดชัง
ฉันนั่งนิ่งอยู่บนเตียง พยายามทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ไม่สิ…มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ! ฉันแค่ข้ามถนนอยู่ดี ๆ ทำไมถึงต้องมาติดอยู่ในร่างของ “ลินนา” คนนี้ด้วย!
แต่เอาเถอะ…ตอนนี้สิ่งสำคัญกว่าคือการหาทางเอาตัวรอด
“คุณหนูคะ?”
เสียงของกอหญ้าเรียกให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ฉันหันไปมองสาวใช้วัยรุ่นที่ยังคงยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าลังเลราวกับมีอะไรจะพูดแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“อะไร?” ฉันถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“คือ…คุณหนูไม่สบายหรือเปล่าคะ? ปกติคุณหนูไม่เคยถามแบบนี้…”
ฉันชะงักไปเล็กน้อย ก็ใช่สิ ลินนาตัวจริงคงไม่ได้มานั่งทำหน้าสับสนเหมือนฉันตอนนี้หรอก
“ฉันแค่…ยังมึน ๆ อยู่” ฉันตอบส่ง ๆ ไปก่อน “เธอบอกว่าต้องไปบ้านตระกูลของสุธาใช่ไหม?”
“ค่ะ คุณหญิงโทรมาย้ำตั้งแต่เช้าเลยนะคะ บอกให้คุณหนูไปให้ตรงเวลา ไม่อย่างนั้น…”
กอหญ้าหยุดพูด แต่ฉันพอจะเดาออกจากสีหน้ากังวลของเธอได้ ว่าที่แม่สามีของลินนา คงไม่ใช่คนใจดีนักสินะ
ฉันถอนหายใจอย่างปลงตก แล้วลุกขึ้นยืน “ก็ได้ ๆ ฉันไปก็ได้ ว่าแต่…มีชุดอื่นให้เปลี่ยนไหม? ฉันไม่ชอบสีแดง”
“เอ๊ะ?” กอหญ้าทำหน้าตกใจ “แต่คุณหนูชอบสีแดงที่สุดเลยนะคะ…”
“ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ฉันตอบเสียงหนักแน่น “ไปหาอะไรที่มันเรียบ ๆ กว่านี้มาให้ฉันเถอะ”
กอหญ้าดูแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรอีก เธอรีบไปเตรียมชุดให้ฉันเปลี่ยน ส่วนฉันก็เดินไปส่องกระจกอีกครั้ง
ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกยังคงเป็นของลินนา หญิงสาวที่มีดวงตากลมโต จมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากสีแดงสด แม้จะสวยก็เถอะ…แต่ฉันไม่ใช่เธอ
“เฮ้อ…” ฉันถอนหายใจ นี่ฉันต้องใช้ชีวิตเป็นลินนาไปถึงเมื่อไหร่กัน?
รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลของสุธา ฉันมองผ่านกระจกรถ เห็นตัวคฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนหลุดออกมาจากละครหลังข่าว
“ถึงแล้วค่ะคุณหนู”
กอหญ้ากระซิบบอกเบา ๆ ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ พร้อมปรับสีหน้าให้ดูสงบที่สุด
พอเดินเข้าไปในตัวบ้าน ฉันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือก ทุกสายตาของคนรับใช้ในบ้านต่างจับจ้องมาที่ฉัน ราวกับกำลังมอง ‘ตัวปัญหา’
ไม่นานนัก หญิงวัยกลางคนในชุดหรูหรา ก็เดินออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ได้เป็นมิตรนัก
“มาถึงช้ากว่าที่นัดไว้นะลินนา” น้ำเสียงของเธอเย็นชา
ฉันจำได้ทันที…นี่คงเป็น “คุณหญิงศรีสุดา” แม่ของสุธา คนที่คงจะเป็นแม่สามีของลินนาในอนาคต
“ขอโทษค่ะ ฉัน…” ฉันพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกสายตาเย็นชาของเธอตัดบท
“ช่างเถอะ เข้าไปได้แล้ว สุธารออยู่”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอ แล้วเดินตามคุณหญิงเข้าไปในห้องรับแขก ที่นั่น…
ร่างสูงในชุดสูทสีดำกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหรู ใบหน้าหล่อเหลาแต่กลับไร้รอยยิ้ม เมื่อเห็นฉันเข้ามา เขาเพียงแค่เหลือบตามอง ก่อนจะขยับริมฝีปากเอ่ยคำพูดแรกที่มีต่อฉัน
“เธอยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา และแฝงไปด้วยความเกลียดชัง
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมา แล้วเอ่ยตอบกลับไป
“ทำไมฉันจะมาไม่ได้ ในเมื่อฉันคือคู่หมั้นของนาย…ว่าที่สามีของฉัน”
คำพูดของฉันทำให้ดวงตาของสุธาวาววับขึ้นมาอย่างอันตราย
เกมนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง…
สุธามองฉันด้วยสายตาเย็นชาและแฝงไปด้วยความดูถูกอย่างไม่คิดปิดบัง ฉันรับรู้ได้ทันทีว่า ‘ลินนา’ ตัวจริงคงไม่ได้เป็นที่รักของเขาสักเท่าไหร่
“คู่หมั้นงั้นเหรอ?” เขาหัวเราะเยาะในลำคอ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักโซฟา ท่าทางเหมือนไม่แม้แต่จะอยากมองหน้าฉัน “เธอแน่ใจเหรอว่าตัวเองยังคู่ควรกับตำแหน่งนั้น?”
ฉันเลิกคิ้ว “ทำไมฉันจะไม่แน่ใจ ในเมื่อพ่อแม่ของเราสองคนตกลงกันไว้แล้ว”
“หึ…” สุธากระตุกยิ้มเย็น ก่อนจะวางแก้วน้ำในมือลงกับโต๊ะเสียงดัง กึก “เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ หลังจากสิ่งที่เธอทำกับไอรีน”
ฉันเม้มปากแน่น นี่มันเรื่องยุ่งยากกว่าที่คิดแฮะ
“ฉันไม่คิดจะเสียเวลาทำตัวเป็นคู่หมั้นกับเธอหรอกลินนา” สุธาโน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาส่งแรงกดดันมหาศาล “ฉันจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่พยายามกำจัดคนอื่นเพราะความอิจฉา”
โอ้โห นี่ฉันโดนกล่าวหาขนาดนี้เลยเหรอ!?
ฉันกะพริบตาปริบ ๆ พยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น เท่าที่ฟังจากกอหญ้ามา ลินนาน่าจะถูกกล่าวหาว่าผลัก ‘ไอรีน’ ผู้หญิงอีกคนตกบันได และจากที่สุธาพูด…ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นจะสำคัญกับเขามากพอสมควร
ฉันค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้า นี่ไม่ใช่โลกของฉัน และฉันก็ไม่ได้เป็นลินนาตัวจริง ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือ ‘เอาตัวรอด’
“นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉันถามออกไปตรง ๆ
สุธาขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนไม่คิดว่าฉันจะถามอะไรแบบนี้ออกมา
“ตั้งแต่แรกแล้วลินนา ฉันไม่เคยรักเธอ และไม่มีวันรักได้” เขาตอบเสียงเรียบ
โอเค เจ็บแฮะ ถึงฉันจะไม่ได้เป็นลินนาตัวจริงแต่การโดนพูดใส่หน้าแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก
“งั้นนายอยากให้ฉันทำยังไง? ยกเลิกงานหมั้นงั้นเหรอ?” ฉันถามกลับ
สุธามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากเขาจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา
“เธอพูดเองนะ”
เดี๋ยวนะ… ฉันแค่โยนหินถามทางเฉย ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเดินไปถึงจุดนั้นจริง ๆ สักหน่อย!?
ฉันรีบปรับสีหน้าให้สงบนิ่งก่อนจะตอบกลับไป “ก็แค่ถามดู แต่ถ้าจะให้ยกเลิกง่าย ๆ ฉันก็ต้องได้อะไรตอบแทนบ้าง ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบ”
สุธาดูเหมือนจะไม่คาดคิดกับคำตอบของฉัน ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังพิจารณาว่าฉันกำลังเล่นตลกอะไรอยู่
“เธอเปลี่ยนไป…” เขาพูดช้า ๆ
ฉันยักไหล่ “คนเราก็ต้องเปลี่ยนกันบ้างล่ะ”
บรรยากาศในห้องเงียบลงชั่วครู่ ก่อนที่เสียงกระแอมเบา ๆ ของคุณหญิงศรีสุดาจะดังขึ้น
“เอาล่ะ ๆ พอได้แล้ว พวกเธอจะทะเลาะกันไปถึงไหน นี่แค่ทานข้าวร่วมกันนะ ไม่ใช่ศึกประลองยุทธ์”
ฉันหันไปยิ้มแหย ๆ ให้คุณหญิงก่อนจะหันกลับมามองสุธา “ยังไงซะ วันนี้เรามาทานข้าวกัน ฉันไม่อยากทำให้คุณหญิงไม่พอใจ”
สุธายังคงมองฉันอย่างจับผิด แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและหันหน้าหนีไปอีกทาง “ทำตามที่เธออยากก็แล้วกัน”
ถึงแม้สถานการณ์จะยังตึงเครียดอยู่ แต่ฉันก็แอบถอนหายใจโล่งอกในใจ นี่ขนาดเพิ่งเริ่มต้นนะ ฉันยังต้องรับมือกับว่าที่คู่หมั้นผู้เกลียดขี้หน้าฉันขนาดนี้
ให้ตายเถอะ… นี่มันชีวิตนางร้ายชัด ๆ!