ตอนที่ 9 มีคนจ่ายให้แล้ว

1241 คำ
ถึงจะปวดยอกไปทั้งตัวรู้สึกเสียดขัดเวลาเดินเพราะจุดนั้นของเธอมันคงระบมไม่น้อย แต่พิมพ์พลอยก็ไม่คิดจะนอนอยู่บนเตียงเพื่อทำเอ็มวีหรือรอให้คิณณ์ณภัทรกลับมากระแทกเธอซ้ำ เพราะเธอยังมีเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ เรื่องสำคัญที่ว่าก็คือการโทรศัพท์ไปยกเลิกนัดลูกค้าพร้อมกับขอโทษลูกค้าที่ต้องผิดนัด ซึ่งก็เป็นโชคดีของเธอมากที่ลูกค้าเข้าใจไม่ได้โกรธเคืองหรือว่าโวยวายกลับมา ส่วนเรื่องสำคัญอีกเรื่องก็คือเรื่องรถของมนปรียาที่เธอยืมมาใช้ชั่วคราวแล้วขับมันไปชนตูดรถคันอื่นจนพังยับเยินตอนนี้ก็ถูกลากไปที่อู่เรียบร้อย กว่าจะซ่อมเสร็จก็คงใช้เวลานานพอสมควร ค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถก็น่าจะทำให้เงินฝากในบัญชีธนาคารของเธอสั่นคลอนไม่น้อย หลังจากที่ออกจากเพนต์เฮาส์หรูของคิณณ์ณภัทรพิมพ์พลอยก็ตรงกลับมาที่บ้านเช่าหลังน้อยของเธอทันที เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่เธอกับมนปรียาเช่าอยู่ด้วยกันเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่เรียนจบและได้งานทำ ก็อย่างที่รู้ว่าพิมพ์พลอยต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน ตอนสมัยเรียนเธอก็เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนคนอื่นๆมากนัก เธอก็เลยไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ พอเรียนจบก็เลยไม่ได้ติดต่อใครอีกเลย มีแค่มนปรียาซึ่งเป็นเพื่อนต่างคณะที่รู้จักกันตอนทำงานพาร์ทไทม์ที่พิมพ์พลอยสนิทด้วยและคบหากันมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อกลับมาถึงบ้านเช่าคนที่โทรไปยกเลิกนัดลูกค้าก็จัดการหุงข้าวทำอาหารเย็นไว้รอมนปรียาที่กำลังเดินทางกลับมาจากที่ทำงาน เธอกับมนปรียาทำงานเป็นเซลขายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง งานของพวกเธอจะอยู่ที่โรงพยาบาลหรือไม่ก็บริษัทลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ ในหนึ่งสัปดาห์จะมีเพียงหนึ่งหรือสองวันเท่านั้นที่พวกเธอสองคนจะได้เข้าออฟฟิศเพื่อพรีเซนต์ความคืบหน้าของงานให้กับหัวหน้าทีมรับรู้... ดูจากเวลาแล้วก็คงอีกไม่นานมนปรียาก็น่าจะถึงบ้าน ครึ่งชั่วโมงต่อมาไม่ขาดไม่เกินคนที่พิมพ์พลอยตั้งหน้าตั้งตารอก็กลับมาถึงบ้านในสภาพหัวฟูใบหน้ามันวับต่างจากตอนเช้าที่ออกจากบ้านราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน “อ้ะ ดื่มน้ำก่อนจะได้หายเหนื่อย” ยื่นขวดน้ำดื่มให้ รอจนกระทั่งอีกฝ่ายดื่มน้ำเสร็จจึงได้เริ่มพูดในเรื่องที่เตรียมไว้ “มิว... กูขอโทษนะที่ขับรถมึงไปชน กูขอโทษจริงๆ มึงจะโกรธกูก็ได้แต่มึงอย่าเลิกคบกับกูนะ” เธอรู้ดีว่ามนปรียารักรถคันนี้มาก ใช้งานอย่างทะนุถนอมมาตลอด เธอรู้สึกผิดจริงๆที่ทำรถเพื่อนพัง “หยุดเลยพริ้ง กูบอกแล้วไงว่าไม่ต้องขอโทษ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นซะหน่อย แค่มึงปลอดภัยกูก็ดีใจตายห่าแล้ว” มนปรียาว่าเสียงดุที่เพื่อนเอาแต่ขอโทษขอโพยไม่หยุด ตอนคุยโทรศัพท์กันพิมพ์พลอยก็ขอโทษเธอไปแล้วหลายครั้งจนเธอต้องสั่งห้ามให้หยุดขอโทษ เจอหน้ากันยังจะมาขอโทษเธออีก ก็ยอมรับแหละว่าก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันที่รถคันแรกที่เธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงต้องเข้าอู่เพื่อโมดิฟายชุดใหญ่ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเธอเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนมากกว่าเรื่องรถ ที่กังวลตอนนี้ก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะตามมา รถเธอไม่มีประกัน ถ้ามีค่าใช้จ่ายหรือว่าทางคู่กรณีเรียกร้องค่าเสียหายมาก็ต้องออกเองทั้งหมด “แล้วนี่มึงต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือว่าต้องจ่ายค่าซ่อมรถให้ฝ่ายโน้นหรือเปล่า อย่าลืมนะว่ารถกูไม่มีประกัน” เธอรู้ว่าพิมพ์พลอยพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่นั่นมันก็คือเงินเก็บไง เป็นเงินที่เพื่อนของเธอตั้งใจเก็บเอาไว้เป็นทุนสร้างบ้านหลังเล็กๆ พิมพ์พลอยฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ที่ขยันทำงานหนักก็เพราะอยากจะทำตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จ “อืม ทางโน้นเขาเรียกร้องให้จ่ายเงิน” “เท่าไหร่? เยอะหรือเปล่า?” “ก็เยอะอยู่เหมือนกัน” พิมพ์พลอยพยักหน้าเศร้า เธออาจจะพอมีเงินเก็บอยู่บ้างทว่ามันก็ยังไม่มากพอที่จะจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดได้ในครั้งเดียว “เท่าไหร่?” “ห้าแสน” “ห๊า! ห้าแสน! เรียกเยอะขนาดนั้นทำไมเขาไม่บอกให้มึงซื้อรถคันใหม่ให้เลยวะ เงินตั้งห้าแสนกูกับมึงไม่ต้องประกาศขายไตเลยเหรอวะพริ้ง” “เขาก็เรียกเยอะจริงแหละ แต่รถเขาก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” พิมพ์พลอยยิ้มเจื่อนเมื่อนึกถึงยี่ห้อรถหรูที่ตนขับชน ซึ่งรอยยิ้มเจื่อนของเธอทำให้มนปรียาเข้าใจอะไรได้มากขึ้น ถ้ารถคันที่เธอขับไปจูบตูดเป็นรถที่เห็นขับกันเกลื่อนถนน เงินจำนวนห้าแสนบาทที่ถูกอีกฝ่ายเรียกก็ถือว่าเยอะมาก แต่เธอดันโชคไม่ดีที่จูบตูดรถนำเข้าราคาหลายล้านที่อะไหล่แต่ละชิ้นราคาแพงกว่าทองคำ “อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนั้น แล้วทางโน้นเขาให้จ่ายยังไง เขาให้มึงจ่ายครั้งเดียวหรือว่าผ่อนจ่ายเป็นงวดได้?” มนปรียาเริ่มเครียดแทน ภาวนาให้ผ่อนเป็นงวดได้ เพราะถ้าฝ่ายคู่กรณีให้จ่ายครั้งเดียวห้าแสนบาทพิมพ์พลอยอาจจะได้ประกาศขายไตจริงๆอย่างที่เธอว่า อาชีพเซลได้เงินจากค่าคอมมิชชั่นต่อเดือนเยอะก็จริง แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากจนถึงขั้นมีเงินเก็บสี่แสนห้าแสนภายในเวลาเพียงสองปี ที่สำคัญในแต่ละเดือนพวกเธอก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องกินต้องใช้ ไม่ใช่หาเงินได้เท่าไหร่แล้วจะต้องเก็บหมด ถ้าเป็นแบบนั้นอย่าว่าแต่เงินห้าแสนเลย “เขาให้จ่ายครั้งเดียว แต่มีคนจ่ายให้แล้ว” “ใคร?” มนปรียาเลิกคิ้วถาม เอียงหน้ามองด้วยสายตาสงสัย เงินตั้งห้าแสนบาทเชียวนะใครมันจะเป็นบ้าใจดีจ่ายให้กันง่ายๆ ถ้าเป็นเงินหลักร้อยหลักพันก็ว่าไปอย่าง ที่พอเอ่ยปากขอยืมก็โอนให้กันได้ทันที หรือว่าพิมพ์พลอยมีเพื่อนเป็นเศรษฐีบ่อน้ำมันแล้วลืมเล่าให้เธอฟัง? “คิณณ์” คิณณ์ไหน? พิมพ์พลอยมีเพื่อนชื่อคิณณ์ด้วยเหรอ? มนปรียาพยายามคิดตาม ก่อนจะตาโตให้กับชื่อชื่อหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว เป็นชื่อต้องห้ามที่เธอพยายามไม่พูดถึงและไม่ได้ยินมาเนิ่นนานเกือบสองปี อย่าบอกนะว่าคนๆนั้นคือ... คิณณ์ณภัทร? 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม