ตอนที่ 10
มุกดารินทร์ยังคงพยายามจะเอื้อมไปคว้าสมุดในมือของพี่ชาย ขณะที่อาเธอร์กลับยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย เขาไม่ได้ปล่อยสมุดให้เธอ แต่กลับกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบร่างเธอให้แน่นขึ้นอีกนิด ปล่อยให้ความอบอุ่นจากกายของเขาส่งผ่านไปถึงเธอ ราวกับต้องการจะบอกเป็นนัยว่า ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันได้สมุดเล่มนั้นคืน และยิ่งจะเปลืองตัวไปเรื่อย ๆ
“หวงจังเลย...ในสมุดเล่มนี้มีอะไรที่เป็นความลับงั้นเหรอ?” อาเธอร์ถามขึ้น น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย แต่แววตาฉายความสงสัยพร้อม ๆ กับรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“เปล่าค่ะ...ไม่มีอะไร มันเป็นสมุดเฟรนด์ชิพที่เพื่อนโรงเรียนเก่าเขียนให้มุก” มุกดารินทร์ตอบตะกุกตะกัก และพยายามบ่ายเบี่ยง
“เด็กสมัยนี้ยังเขียนสมุดเฟรนด์ชิพกันอยู่อีกเหรอ” เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพุด
“ก็มีบ้างค่ะ แต่สมัยนี้เค้าไม่เขียนเล่มใหญ่กันแล้ว มีแค่อัลบั้มรูปเพื่อนที่ถ่ายด้วยกันเฉย ๆ”
“แน่ใจนะว่า สมุดเล่มนี้เป็นแค่เฟรนด์ชิพ”
“มันก็มีเขียนเรื่องทั่วไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ พี่อาเธอร์อย่าอ่านเลยนะคะ” อาเธอร์เปิดสมุดบันทึกออกช้าๆ ด้วยมือเพียงข้างเดียว หน้าแรกเป็นลายมือสวยงามเขียนข้อความตัวโต ๆ
“บันทึกความทรงจำของมุกดารินทร์” เขาอ่านเสร็จก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ไหนบอกเป็นสมุดเฟรนด์ชิพไง เขียนเอาไว้ชัดขนาดนั้น...ว่าเป็นบันทึกความทรงจำ”
“มันก็คล้าย ๆ กันไงคะ ส่วนใหญ่มุกจะเอารูปที่ถ่ายกับเพื่อน ๆ มาติดไว้ แล้วก็เขียนเอาไว้ว่าเราไปที่ไหนกันมาบ้าง”
“ทำไมไม่เล่นโซเซีียลละ บันทึกลงไอจีก็สิ้นเรื่อง พวกรูปถ่าย”
“ก็มุกไม่ได้ค่อยมีเงินจ่ายค่าเน็ตนี่คะ ก็เลยไม่ค่อยเล่นโซเซี่ยล พี่อย่าอ่านต่อเลยนะคะ มุกขอร้อง!!!” แววตาอ้อนวอน สีหน้าคล้ายคนจะร้องไห้นั้น..ทำให้อาเธอร์หยุดแกล้งเธอ
“อ๊ะ..ไม่อ่านแล้วก็ได้ แต่จำไว้อย่างหนึ่งนะ...คุณแม่ฝากให้ฉันดูแลเธอ” อาเธอร์เงยหน้าขึ้นสบตากับมุกดารินทร์ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความท้าทายและแฝงไว้ซึ่งสิทธิ์อันชอบธรรม
“เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เธอห้ามมีความลับกับฉัน?” มุกดารินทร์อึ้งไป เมื่อได้ยินประโยคนี้ แต่เธอก็ยอมให้เขาเปิดอ่านไม่ได้จริง ๆ
“แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนคะ” มุกดารินทร์ประท้วง เสียงหวานแข็งขึ้นเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องวางอำนาจกับเธอถึงขนาดนี้
“เกี่ยวสิ!!!” อาเธอร์เสียงเข้ม
“ในเมื่อเธออยู่ในความดูแลของฉัน ทุกเรื่องของเธอ ฉันจำเป็นต้องรู้...”
เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของมุกดารินทร์ แววตาที่เต็มไปด้วยอำนาจทำให้เด็กสาวต้องหลบสายตา อาเธอร์ปิดสมุดบันทึกแล้วยัดใส่กระเป๋าเป้ของเธอ ก่อนจะรูดซิปปิดกระเป๋าเหมือนเดิม
มุกดารินทร์ก้มหน้าหลบสายตา ไม่กล้าเงยขึ้นมอง เธอรู้ดีว่ามันเป็นสมุดไดอารี่ ที่เธอเขียนบรรยายความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ มันเป็นความรู้สึกตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่กับครอบครัวของเขา และความรู้สึกแปลกๆ ที่เธอมีต่อเขา ที่เพิ่งจะเขียนบรรยายลงไปเมื่อคืนนี้ แล้วจะกล้าให้เขาอ่านมันได้อย่างไร!
“พี่อาเธอร์ รถเคลื่อนตัวแล้วค่ะ” มุกดารินทร์รีบบอก อาเธอร์เหลือบมองถนนที่รถราเริ่มขยับกันไปข้างหน้า ก่อนจะละสายตาจากการจ้องใบหน้าสวยของน้องสาวแล้วกลับมาสนใจการขับรถ มุกดารินทร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ได้กระเป๋าคืน เธอกระชับมันไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจแย่งมันไปอีกครั้ง
เสียงเครื่องยนต์คำรามเบาๆ ขณะที่รถสปอร์ตคันหรูค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าหลังจากติดขัดมานานแสนนาน
“วันนี้พี่อาเธอร์ต้องไปซ้อมดนตรีกับเพื่อนไหมคะ” มุกดารินทร์ตัดสินใจถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจหากต้องเอาเธอไปด้วย อาเธอร์หันมามองน้องสาวนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ไม่ละ”
“ทำไมคะ” มุกดารินทร์ถามต่อด้วยความสงสัย
“แล้วเธออยากรู้ไปทำไม” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องมองมา ทำให้มุกดารินทร์ถึงกับเม้มปาก พยายามหาเหตุผล
“คือมุกเกรงใจค่ะ ถ้าพี่อาเธอร์มีธุระ...” เธอตอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ก็สัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่างจากตัวเขา
อาเธอร์หัวเราะหึๆ ในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นฟังดูทุ้มต่ำและแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย มุกดารินทร์รู้สึกเช่นนั้น
“ฉันซ้อมเลิกดึกนะ เธอจะรอไหวเหรอ”
“ไหวค่ะ” มุกดารินทร์รีบตอบทันควัน เธอไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเธอเป็นภาระ
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเอาไว้วันหลัง” อาเธอร์พูดตัดบท
“ค่ะ” มุกดารินทร์ตอบรับเสียงอ่อยๆ