ตอนที่ 12
ไม่นานนัก อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี สำหรับเมนูอาหารค่ำที่อาเธอร์สั่ง เป็นสเต๊กเนื้อสันในระดับมีเดียมแรร์ เสิร์ฟพร้อมซอสไวน์แดงเข้มข้น และหน่อไม้ฝรั่งย่าง ส่วนมุกดารินทร์เลือกเธอสั่งพาสต้าคาโบนาร่า สูตรต้นตำรับทีอาเธอร์แนะนำว่าอร่อย
“เราทานกันเลยมั้ย”
“ก็ได้ค่ะ” เด็กสาวมองเส้นพาสต้าคลุกเคล้ากับซอสครีมไข่และเบคอนรมควันชิ้นพอดีคำ โรยหน้าด้วยชีสพาร์เมซานที่ขูดฝอยอย่างสวยงามจนยั่วน้ำลาย ก่อนจะตักเส้นพาสต้าเข้าปาก
“เป็นไง อร่อยมั้ย” อาเธอร์ก็ถามขึ้นอย่างเอาใจ
“อร่อยค่ะ ไม่ผิดหวังเลย”
“เส้นพาสต้าที่นี่เค้าอร่อยอยู่แล้ว...เหนียวนุ่มกว่าเจ้าอื่นเยอะเลย”
หลังทานอาหารใกล้หมด เมนูเครื่องดื่มก็ยกตามมาเสิร์ฟต่อจากนั้น..เป็นกาแฟดำร้อนกลิ่นหอมเข้มข้น ส่วนของมุกดารินทร์เป็นช็อกโกแลตเย็นตามที่เธอสั่ง มีวิปปิ้งครีมฟูฟ่องด้านบนพร้อมผงโกโก้โรยหน้าเป็นลวดลายสวยงาม
พอทั้งสองคนเริ่มอิ่มท้องกันบ้างแล้ว อาเธอร์ก็เอ่ยถามเด็กสาวราวกับเป็นผู้ปกครองของเธอ
“ไหน....เอาการบ้านมาดูสิ” มุกดารินทร์ที่ได้ยินก็รีบหยิบสมุดคณิตศาสตร์ของเธอออกมาจากกระเป๋านักเรียนอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“คือ…หนูไม่ค่อยเข้าใจวิชาคณิตเลยค่ะ อาจารย์เค้าสอนเร็วมาก” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่เจือความท้อแท้
“เด็กที่นี่ส่วนใหญ่จะเรียนพิเศษมา อาจารย์ก็เลยสอนเร็ว ต่อไปเธอต้องเรียนพิเศษรู้มั้ย”
อาเธอร์พูดจบก็พลางเปิดสมุดการบ้านของมุกดารินทร์
“ไม่เข้าใจตรงไหน” เขาถามสั้นๆ แต่แววตาจริงจัง พลางเลื่อนสมุดดู
“ทุกตรงเลยค่ะ เหมือนมุกไม่มีพื้นฐานเลย”
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวฉันจะปูพื้นฐานให้”
“ใจจริงมุกอยากเรียนศิลป์ภาษาด้วยซ้ำ แต่ตอน ม.4 แม่ไม่ยอม ก็เลยจำใจเรียนวิทย์”
“อีกแค่เทอมเดียวก็ขึ้นม. 6 แล้ว คิดได้ตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ” อาเธอร์รีบบอก
“ค่ะ”
“อย่ากลัว เดี๋ยวถ้าไม่ได้จริง ๆ ฉันจะหาที่เรียนพิเศษให้” เขารับปากกับเธอ ทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
หลังจากอาเธอร์รู้ว่ามุกดารินทร์ยังไม่เข้าใจเนื้อหาของคณิตศาสตร์ ม.5 เขาก็เริ่มอธิบายเนื้อหาคร่าว ๆ ทันที อาเธอร์อธิบายอย่างใจเย็น เขาไม่ได้ดุและก็ไม่ได้เร่งรัดเธอ แต่ค่อยๆ อธิบายไปทีละขั้นตอนอย่างละเอียด พร้อมกับยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้เด็กสาวเห็นภาพ
มุกดารินทร์ตั้งใจฟังทุกคำพูดของเขา บางครั้งเธอก็เผลอเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังตั้งใจอธิบาย ดวงตาคมกริบของเขาที่เคยดูเย็นชาตอนนี้กลับฉายแววอ่อนโยนเธอชอบให้เขาเป็นแบบนี้มากกว่าที่เจอวันแรกเสียอีก
“มาถึงตรงนี้เข้าใจไหม?” อาเธอร์ถามเมื่ออธิบายจบ มุกดารินทร์พยักหน้าช้าๆ
“พอเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะพี่อาเธอร์” มุกดารินทร์รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก ที่เขาอดทนสอนเธอได้นานขนาดนี้ จนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่า
“ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้นะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” อาเธอร์ยิ้มมุมปากเล็กน้อยหลังพูดจบ พร้อมกับเลื่อนปากกามาวางไว้บนสมุดของเธอ เพื่อให้เด็กสาวลองทำแบบฝึกหัดดูต่อหน้า
เด็กสาวทำโจทย์ที่เขาฝึกให้ทำ เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งให้เขาตรวจ หลังจากตรวจเสร็จอาเธอร์เลื่อนสมุดคณิตศาสตร์ของมุกดารินทร์กลับคืนให้เธอ
“พอทำได้บ้างแล้วล่ะ แต่ต้องฝึกทำโจทย์ให้ยากกว่านี้” เขายกกาแฟขึ้นจิบช้าๆ หลังพูดจบ พลางมองใบหน้าหวานใสที่พยักหน้าหงึกหงักอย่างตั้งใจ
“คณิตศาสตร์ต้องตีโจทย์ให้ออก ถ้าอยากเก่งต้องฝึกทำโจทย์บ่อยๆ รู้ไหม” อาเธอร์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบของเขากลับจับจ้องไปที่ดวงตากลมโตของเธอ ราวกับพยายามส่งผ่านความตั้งใจบางอย่าง
“ค่ะ” มุกดารินทร์ตอบรับสั้น ๆ เธอรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ ที่อดทนสอนเธอได้อย่างใจเย็น ไม่เหมือนอาจารย์ที่โรงเรียนเลยสักนิด
“เดี๋ยวคืนนี้ไปเอาหนังสือที่ห้องฉันนะ”
“พอดีเก็บไว้หลายเล่ม ช่วงที่เรียนมัธยม เป็นของติวเตอร์ดังๆ ทั้งนั้น มันจะมีวิธีลัดเยอะ” มุกดารินทร์เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ
“ขอบคุณค่ะ พี่อาเธอร์!” มุกดารินทร์เอ่ยเสียงใสซื่อ ความรู้สึกซาบซึ้งใจเอ่อท่วมจนลืมสังเกตว่าคำเชิญชวนให้ไปที่ห้องของเขานั้น มีความหมายแอบแฝงอยู่
“ไปกันเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเรียบๆ หลังจากเห็นเด็กสาวเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเรียบร้อย อาเธอร์ลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือมาจับมือเรียวเล็กของมุกดารินทร์เอาไว้ โดยไม่รอคำตอบใดๆ ก่อนจะออกแรงจูงมือเธอเบาๆ ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ช่วยเธอถือกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายไว้บนไหล่