ต อ น ที่ 3
ฝันร้าย
วัลดัสขับรถออกมาจากบริษัทด้วยความเร็วเกือบมิดไมล์ จุดหมายปลายทางคือกลับไปที่คอนโดของโรแซนเลขาสาวของตัวเอง
ใช้เวลาไม่นานเขาก็กลับมาที่คอนโดของเธออีกครั้ง วัลดัสยืนกดออดอยู่หน้าห้องของโรแซนอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่มีใครเดินออกมาเปิดประตู ทำให้เขาตัดสินใจใช้คีย์การ์ดที่มีเปิดเข้าไปภายในห้องของเธออย่างถือวิสาสะ
มาเฟียหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ด้วยสายตาราบเรียบ เมื่อไม่เห็นโรแซนจึงเดินเข้าไปดูในห้องนอนก่อนจะเห็นร่างบางนอนซมอยู่บนเตียงนอนสีชมพูอ่อนด้วยสีหน้าอิดโรย
ทว่าแทนที่เขาจะสนใจกับใบหน้าอิดโรยของหญิงสาว เขากลับสนใจแต่ต้นขาอ่อนที่โผล่พ้นชุดนอนตัวบางด้วยสายตาหื่นกระหาย ลำกายใหญ่ในกางเกงแบรนด์ดังคับแน่นจนรู้สึกอึดอัด
แกร๊ก~
เสียงเข็มขัดหนังราคาแพงถูกปลดออกพร้อมกับมือหนาของวัลดัสที่ดึงเอาลำกายใหญ่เกินขนาดมาชักรูดขณะที่สายตาคมยังคงจับจ้องไปที่ส่วนเว้าส่วนโค้งของเลขาสาวด้วยสายตาหื่นกระหาย
โรแซนที่รู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างบริเวณต้นขาเรียวค่อยๆ สะลึมสะลือลืมตาขึ้นมามองด้วยความงุนงง พร้อมกับหัวสมองที่หนักอึ้ง เธอเห็นเพียงใบหน้าของเจ้านายหนุ่มรางๆ เท่านั้น
“บอสเหรอคะ” โรแซนพึมพำเบาๆ เพราะพิษไข้ทำให้เธอมีสติสัมปชัญญะที่ไม่ครบถ้วนเท่าไหร่ในตอนนี้
“...” วัลดัสมองร่างบางที่สะลึมสะลือมองเขาเงียบๆ โดยไม่ตอบอะไรกลับไป
ร่างหนาตามขึ้นมาจับเรียวขาอ่อนแรงของเลขาสาวแยกออกจากกัน เผยให้เห็นเนินสามเหลี่ยมอวบนูนภายใต้แพนตี้ลูกไม้ตัวบางที่แทบจะปกปิดอะไรไม่มิด
“อื้อ~ บอส” โรแซนที่พยายามรวบรวมสติมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต้นแรง ความรู้สึกรุนแรงที่ได้รับจากเขาทำให้เธอรู้สึกเสียววาบบริเวณท้องน้อย แต่เพราะพิษไข้ทำให้เธอคิดว่านี่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น
โรแซนหลับตาลงอีกครั้ง เพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เธอต้องการที่จะพักผ่อนและข่มตานอนอีกครั้ง แต่แล้วความเจ็บปวดก็เข้าเล่นงานเธออีก
ปึก!
“อึก!” ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันจนห้อเลือด เมื่อช่องทางรักฝืดเคืองถูกบางอย่างรุกล้ำเข้ามาอย่างอุกอาจ เธอพยายามดึงตัวเองออกจากความฝันที่ทรมานนี้ แต่ดูเหมือนมันกำลังตอกย้ำว่านี่...ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป
แรงกระแทกกระทั้นจากวัลดัสปลุกสติสัมปชัญญะของโรแซนให้ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เปลือกตาบางก้มมองแก่นกายใหญ่ที่เชื่อมต่ออยู่ตรงใจกลางความเป็นสาวของเธอสลับกับใบหน้าคมคายของมาเฟียหนุ่มด้วยสายตาสับสนไม่น้อย
“อึก...บอส!” ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“อ่า!” วัลดัสเชิดหน้าคำรามด้วยความพึงพอใจ ความรู้สึกที่เขาปรารถนามาทั้งวันอยู่เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น
“บอส! แซนเจ็บ!” โรแซนพยายามขืนตัวออกจากความป่าเถื่อนของชายหนุ่มด้วยความทุรนทุราย ช่องทางรักที่ฉีกขาดเป็นทุนเดิมทำให้เธอยิ่งรู้สึกเจ็บแสบยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
วัลดัสไม่ได้สนใจกับคำร้องขอของหญิงสาวใต้ร่างเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขามีเพียงอารมณ์กระสันที่ต้องการระบายมันออกมา
“บอส แซนเจ็บ หยุดนะ!”
“เธอกล้าออกคำสั่งกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่” วัลดัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“อึก! แซนเจ็บ!” มือเรียวทุบตีหน้าท้องแกร่งด้วยความทรมาน ตอนนี้หัวสมองของเธอมันตื้อจนไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป เพียงแค่ต้องการให้ความป่าเถื่อนนี้สิ้นสุดลงเสียที
ปึก! ปึก! ปึก!
วัลดัสอัดกระแทกกระทั้นแก่นกายใหญ่เข้าไปในกายสาวอย่างหนักหน่วง ยิ่งได้เห็นสีหน้าทรมานของเธออารมณ์ดิบเถื่อนในกายก็ยิ่งพลุ่งพล่านยากที่จะดับลง
“อึก!...บอส”
“อ๊าสสสสสสสสส” ใบหน้าคมคายเชิดหน้าเปล่งเสียงคำรามลั่น เมื่อร่างกายกระตุกเกร็งปลดปล่อยสายธารน้ำรักออกมาบนหน้าท้องแบนราบทุกหยาดหยด
โรแซนรวบรวมแรงขยับตัวหนีจากร่างหนาของมาเฟียหนุ่มทันทีที่เขายอมปล่อยให้ร่างกายของเธอเป็นอิสระ
“บอสรู้ตัวไหมคะว่าทำอะไรลงไป ครั้งก่อนเป็นอุบัติเหตุแซนยังพอเข้าใจได้ แต่นี่มันห้องของแซนนะคะ จะบอกว่าเมามามันคงไม่ใช่” โรแซนเอ่ยถามเสียงเรียบ พร้อมทั้งพยายามหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างกายที่ไม่เรียบร้อยของตัวเองเอาไว้
“อยากได้เท่าไหร่บอกมาฉันจะจัดการให้”
“แซนบอกแล้วไงคะ ว่าแซนไม่ต้องการอะไร เพราะแซนไม่ถือสาเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว จะนับว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือวันไนต์สแตนด์ก็แล้วแต่ แต่บอสทำแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” โรแซนตอบเสียงเรียบ “และแซนก็ไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นที่บอสนอนด้วย แซนขอลาออกค่ะ”
คำตอบที่หยิ่งยโสของโรแซนทำให้วัลดัสรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเธอทำตัวดีๆ เขาสามารถให้เงินเธอได้มหาศาลให้คุ้มกับสิ่งที่ต้องแลกมา
“ฉันไม่ให้เธอลาออก”
“แต่แซนจะลาออกค่ะ”
“อย่าขัดคำสั่งฉัน” วัลดัสบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“แซนทำงานกับบอสแลกเงินเดือนค่ะ ไม่ได้นอนกับบอสแลกเงิน ถ้าจะนอนแลกเงินไม่จำเป็นต้องนอนกับบอสก็ได้ค่ะ” โรแซนบอกด้วยท่าทางหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง
“โรแซน!” วัลดัสตรงเข้ามากระชากแขนเลขาสาวด้วยแววตาดุดัน
“แซนพูดอะไรให้บอสไม่พอใจคะ บอสเองก็นอนกับผู้หญิงคนเดิมได้แค่ไม่กี่ทีหรอกค่ะ เดี๋ยวบอสก็เบื่อ แซนไม่อยากลดคุณค่าของตัวเองโดยการเป็นเลขาที่นอนกับเจ้านายตัวเองหรอกนะคะ หวังว่าบอสจะเข้าใจ เพราะนี่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงที่เราทำงานร่วมกัน” โรแซนจ้องมองลึกไปในดวงตาดุดันอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะพยายามแกะมือหนาที่บีบรัดข้อมือเธอไว้ออกด้วยเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิด “ปล่อยแซนได้แล้วค่ะ แซนรู้ว่าบอสมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะหาผู้หญิงมาสมยอมให้นอนด้วย อย่าทำแบบนี้อีกเลยดีกว่าค่ะ”
“ทำงานกับฉันมานาน ไม่รู้เหรอว่าฉันชอบเอาชนะ”
“แล้วบอสไม่รู้เหรอคะ ว่าแซนไม่ชอบเล่นเกม”
ดวงตากลมโตจ้องมองวัลดัสอย่างไม่เกรงกลัว เพราะกว่าจะตัดสินใจมาเป็นเลขามาเฟียได้ เธอก็รวบรวมความกล้าและเตรียมพร้อมมาแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาไม่ใช่คนที่เธอจะต้องกลัว แม้สถานะของเธอจะเป็นรองเขาก็ตาม
“เธอกำลังท้าทายฉันนะโรแซน คิดว่าความดื้อดึงของเธอจะเอาชนะฉันได้อย่างนั้นเหรอ” วัลดัสบอกด้วยสายตาคาดโทษ ราวกับต้องการเตือนให้โรแซนรู้ตัวว่าควรทำตัวยังไง
“แซนยังยืนยันคำเดิมที่จะไม่กลับไปทำงานกับบอสค่ะ แต่ถ้าบอสจะให้กลับ เราก็ต้องไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยแบบนี้เกิดขึ้น บอสควรจะให้เกียรติแซนมากกว่านี้นะคะ”
“มีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกนะที่บอกให้ฉันให้เกียรติ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไฮโซที่ทำตัวเย่อหยิ่ง แต่สุดท้ายแล้วก็นอนอ้าขาให้ฉันอยู่ดี เธอเองก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง”
“ถ้าบอสคิดสักนิดบอสน่าจะรู้นะคะว่าครั้งแรกบอสขืนใจแซนเพราะบอสเมา เพราะฉะนั้นแซนจึงนับว่ามันเป็นอุบัติเหตุเพราะบอสไม่ได้ตั้งใจ แต่ครั้งนี้แซนขอไม่นับว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นแซนจึงต้องขอปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองโดยการลาออกค่ะ”
“ที่ฉันเลือกเธอมาเป็นเลขาของฉันก็เพราะความหยิ่งทะนงและความหัวรั้นของเธอ ไม่คิดว่าวันนี้เธอจะเอามันกลับมาต่อกรกับฉันนะ”
“แซนตั้งใจทำงานให้สมกับความไว้ใจและเม็ดเงินที่บอสยอมจ่ายให้แซนมาตลอดค่ะ แซนไม่เคยคิดจะทรยศหรือแข็งข้อกับบอส แบบที่บอสกล่าวหา”
“ถ้าเธอลาออก เธอก็อย่าหวังว่าจะได้ไปทำงานที่ไหนอีก” วัลดัสเหยียดยิ้มร้ายกาจ
“เงินเก็บที่แซนทำงานกับบอสมามันมากพอที่จะทำให้แซนไม่ต้องทำงานไปอีกพักใหญ่เลยค่ะ ถ้าบอสคิดจะใช้วิธีนี้บีบแซน แซนคงต้องหาผู้ชายรวยๆ เลี้ยงแทนทำงานแล้วละค่ะ” โรแซนตอบด้วยถ้อยคำประชดประชัน สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับคนฟังอย่างวัลดัสไม่น้อย
“ไหนว่ารักศักดิ์ศรีมากไง ถ้าจะต้องไปขายตัวเพื่อแลกเงิน เธอขายให้ฉันก็ได้นี่” วัลดัสบอกด้วยน้ำเสียงดูถูก
“ถึงคราวจนตรอกศักดิ์ศรีมันก็กินไม่ได้นี่คะ บอสเองก็เป็นคนบีบบังคับให้แซนต้องทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะและต่อให้แซนต้องทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อเอาตัวรอด ยังไงผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่บอสแน่ๆ ค่ะ”
“ทำไม ฉันเอาเธอไม่ถึงใจเหรอ”
“แซนว่าบอสกลับไปได้แล้วค่ะ เราคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก”
“ศักดิ์ศรีที่เธอว่าเธอขายเท่าไหร่ ฉันจะเป็นคนซื้อเอง”
“อยากได้มากเลยเหรอคะ อยากได้ถึงขนาดต้องมานั่งยื่นข้อเสนอกับเลขาตัวเองเนี่ยนะ” โรแซนเหยียดยิ้มด้วยความสมเพช
“ถ้าฉันตอบว่าอยากได้มาก เธอจะขายเท่าไหร่ล่ะ”
“บอสสามารถเลี้ยงดูแซนได้ตลอดชีวิตไหมล่ะคะ สามารถนอนกับแซนแค่คนเดียวได้รึเปล่า ถ้าบอสทำสองข้อนี้ได้ แซนก็จะยอมกลับไปเป็นเลขาที่พ่วงด้วยสถานะนางบำเรอให้บอสด้วย แต่ถ้าเมื่อไหร่บอสนอนกับคนอื่นข้อตกลงของเราจะสิ้นสุดลงทันที” โรแซนบอกข้อเสนอของตัวเองด้วยความมั่นใจว่ายังไงวัลดัสก็ไม่มีทางรับข้อเสนอนี้แน่นอนเพราะเขาขี้เบื่อขนาดไหนเธอรู้ดี
“ได้ แต่ยื่นข้อเสนอมาแบบนี้มั่นใจแล้วเหรอว่าเธอจะรับไหว” วัลดัสยื่นมือมาบีบปลายคางมนพร้อมกับใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยกลีบปากอวบอิ่มอย่างแรง
“…” โรแซนนิ่งเงียบไปด้วยความตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆ ออกไป เพราะยังไงวัลดัสก็คงทำตามข้อตกลงได้ไม่นาน เธอก็แค่กอบโกยจากเขาให้ได้มากพอกับสิ่งที่เธอแลกเปลี่ยนกับเขา
“ทำไมนิ่งแบบนั้นล่ะ กลัวขึ้นมารึไง”
“วันนี้แซนไม่สบายค่ะ อยากพักผ่อนถ้าบอสตกลงรับข้อเสนอของแซน พรุ่งนี้แซนจะกลับไปทำงานให้ค่ะ แต่ตอนนี้บอสช่วยกลับไปก่อนได้ไหมคะ”
“เก็บของ เธอจะต้องย้ายไปอยู่กับฉัน”
“บอสว่าอะไรนะคะ”
“ก็เธอบอกว่าฉันต้องเลี้ยงดูเธอตลอดชีวิต แล้วก็ต้องนอนกับเธอแค่คนเดียวไม่ใช่รึไง เพราะฉะนั้นเธอก็ควรจะต้องย้ายไปอยู่กับฉันสิ ฉันอยากเอาเธอตอนไหนก็จะได้เอาเลย” วัลดัสกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างถือวิสาสะ
โรแซนนั่งมองแผ่นหลังกว้างของมาเฟียหนุ่มที่หายออกไปด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างกายอ่อนแรงของตัวเองไปเก็บของตามคำสั่งของเขา
โรแซนลากกระเป๋าเดินทางที่บรรจุเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นเดินตามหลังวัลดัสไปตามทางเดินเพื่อไปที่รถของเขาด้วยร่างกายที่อ่อนแรงเต็มที เพราะตั้งแต่เช้าเธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย บวกกับความรุนแรงของเขาที่ตอกย้ำให้ร่างกายของเธอบอบช้ำยิ่งกว่าเดิม
“บอสคะ” โรแซนเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังยืนอยู่ภายในลิฟต์
วัลดัสปรายตามองโรแซนเป็นเชิงคำถาม ทำให้เขาพึ่งสังเกตเห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอชัดๆ เป็นครั้งแรก
“แวะทานข้าวก่อนได้ไหมคะ แซนหิวข้าว” โรแซนบอกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เพราะถ้าฝืนต่อไปร่างกายเธอคงจะไปต่อไม่ไหว
“หน้าเธอเป็นอะไร ทำไมดูซีดๆ”
“พึ่งเห็นเหรอคะ” โรแซนประชดประชันแบบขอไปที วัลดัสเหลือบมองเลขาสาวด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากมนเบาๆ ทำให้สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายของเธอที่สูงจนตัวร้อน
“ไม่สบายนี่ แล้วทำไมตั้งนานไม่บอก”
“นอนซมอยู่ขนาดนั้นบอสยังไม่สนใจ บอกไปบอสจะสนใจเหรอคะ” โรแซนบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ “แซนดูแลตัวเองได้ค่ะ แค่แวะให้ทานข้าวทานยาหน่อยก็พอค่ะ”
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกนิสัยอวดดีกับฉันสักที”
“การดูแลพึ่งพาตัวเองถือเป็นการอวดดีด้วยเหรอคะ”
“เป็นผู้หญิงของฉันควรทำตัวว่านอนสอนง่ายเข้าไว้นะ จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ”
“แซนจะอยากอยู่เป็นนางบำเรอของบอสไปนานๆ เพื่ออะไรคะ อีกอย่างแซนเป็นของแซนแบบนี้มาตั้งนานแล้วค่ะ ยังไม่ชินอีกเหรอคะ หรือพอสถานะของแซนเพิ่มขึ้น แซนเลยต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อเอาใจบอสเหรอคะ”
โรแซนตอบแบบขอไปที เพราะเธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับความสัมพันธ์ของวัลดัสอยู่แล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่เธอเผลอคาดหวัง เธอจะไม่สามารถเดินออกไปจากวังวนของเขาได้เลย เหมือนที่ผู้หญิงหลายคนที่อยากจะกลับมาสานสัมพันธ์กับเขาต่อ เพราะความกระเป๋าหนักของเขา แต่เธอใกล้ชิดกับเขามากกว่าผู้หญิงพวกนั้น ทำให้ได้เห็นมุมที่ใครหลายคนไม่เคยเห็นจากมาเฟียที่ภาพลักษณ์ดูดิบเถื่อนคนนี้