เฟิ่งซีกับเฟิ่งถงเป็นฝาแฝดเรือนร่างสูงใหญ่กำยำอย่างนักรบ พวกเขาถูกพาเข้ามาอยู่ในสกุลหนิงตั้งแต่อายุได้เพียงหกขวบปี อยู่รับใช้นายท่านกับนายหญิงสกุลหนิงจนนายท่านทั้งสองลาโลกไปเพราะถูกไฟคลอกอย่างเป็นปริศนาในบ้านพักตากอากาศชานเมือง ขณะนั้นพวกเขาอายุสิบห้าปี นายหญิงน้อยอายุเพียงห้าขวบ แม้ยังเด็กไม่ประสาแต่นางก็เข้มแข็งพอจะรู้ว่าท่านพ่อท่านแม่ได้จากไปแล้ว
นายหญิงน้อยหนิงเซียนหยาเติบโตขึ้นท่ามกลางความเอาใจใส่ ทั้งรักใคร่และเอ็นดูตามใจนางอย่างน้องสาวคนเล็ก
หากจะกล่าวว่าเฟิ่งซีกับเฟิ่งถงนับเป็นบ่าวรับใช้ก็ไม่ถูกนัก หากแต่บิดามารดาของนายหญิงน้อยนำมาชุบเลี้ยงเพราะบิดามารดาเป็นเพื่อนรักกัน บิดามารดาของสองแฝดสกุลเฟิ่งพบจุดจบอนาถอนาถาเพราะถูกฆ่าตายคาขบวนคุ้มภัย
สกุลเฟิ่งทำกิจการคุ้มภัยมีชื่อเสียงทั่วเมืองหลวง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โจรชั่วกลุ่มใหญ่ฝีมือร้ายกาจโจมตีขบวนคุ้มภัยอย่างกะทันหัน สังหารสิ้นทั้งหัวหน้าขบวนพร้อมฮูหยินหรือแม้แต่แม่ครัวลามไปถึงบ่าวรับใช้ชายอายุไม่ถึงสิบขวบ
เมื่อนายใหญ่สกุลเฟิ่งเสียชีวิต นายท่านสกุลหนิงจึงรับพวกเขามาชุบเลี้ยงให้การศึกษาอย่างไม่เคยดูถูกดูแคลน ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีในจวนสกุลหนิง นายท่านสกุลหนิงเลี้ยงดูสองฝาแฝดอย่างบุตรชาย ให้การศึกษา อาภรณ์ชั้นสูง ส่งให้เรียนสำนักยุทธมีชื่อจนทั้งสองเติบโตอย่างแกร่งกล้า ความหล่อเหลาสง่างามมิเป็นรองบุรุษใด
นายท่านสกุลหนิงอายุราวห้าสิบกว่า ด้วยความแก่ชราจึงทำให้มีบุตรยาก พยายามอยู่หลายปีจนเกือบท้อ ท้ายที่สุดก็ได้นายหญิงน้อยมาอุ้มชูสมใจ นายหญิงน้อยยังมิทันเติบใหญ่ บิดามารดาก็ตายในกองเพลิงอย่างทรมาน ทิ้งรอยแผลเป็นไว้กลางใจเด็กสาวผู้ยังเยาว์นัก
เมื่อนายหญิงน้อยเกิดมา เฟิ่งซีกับเฟิ่งถงจ้องมองนางอย่างไม่วางตา ความรักใคร่ท่วมท้นส่งไปให้เด็กหญิง เมื่อพวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูนายหญิงน้อยใกล้ ๆ
ฮูหยินใหญ่สกุลหนิงอายุราวสามสิบห้าปี งดงามเฉลียวฉลาด ความงามดั่งนางเซียนของนางนั้นทำให้นายท่านหนิงเล่อแทบล่ามโซ่ภรรยาไว้ในเรือน แม้แต่ผ้าผ่อนแพรพรรณก็สั่งให้ร้านค้ามาเสนอถึงในจวน ร้านเครื่องประดับก็เช่นกันเข้าออกจวนสกุลหนิงเป็นว่าเล่นทุกสัปดาห์
ดวงตากลมโตของสองแฝดจ้องมองเด็กหญิงตัวจ้อยในห่อผ้าสีแดง ดวงหน้าจิ้มลิ้มขาวผ่องเป็นยองใย จมูกเล็กน่ารัก ขนตายาวเป็นแพสองฝาแฝดเห็นเด็กทารกหญิงหลับพริ้มหลังดื่มนมจากอ้อมอกมารดา
"พวกเจ้าอยากเข้ามาดูน้องรึ" นางยิ้ม ทอดสายตามองเฟิ่งซีกับเฟิ่งถง
"นายหญิงให้พวกข้าเข้าไปดูน้องน้อยได้หรือไม่"
"มาเถิด มาดูน้องใกล้ ๆ"
เด็กชายวัยราวสิบขวบเดินเข้าหานายหญิงใหญ่ นายท่านสกุลหนิงจ้องมองพวกเขาค่อยเอื้อมมือแตะไปบนมือกะจิริดของเด็กหญิงในห่อผ้าสีแดงชาดปักดิ้นทองคำลายหงส์ฟ้า
"พวกเจ้าต้องดูแลน้องหญิงให้ดี อย่าให้ภัยใดมากล้ำกรายให้นางหลั่งน้ำตา"
"ขอรับนายท่าน" เด็กชายท่าทางองอาจทั้งสองรับคำพร้อมกัน
"เรียกท่านอาเถิด บอกกี่ครั้งยังมิรู้ความ" นายท่านหนิงเล่อกล่าวคล้ายตำหนิ
"ขอรับท่านอา" พวกเขาได้แต่รับคำ ยามเผลอคราใดก็ลืมตัวเรียกนายท่านทุกครั้งไป
หนิงเซียนหยาเติบโตขึ้นโดยมีมือแกร่งของสองบุรุษคอยจับจูง ไม่ว่านางย่างเท้าไปที่ใด สายตารักใคร่เทิดทูนของสองแฝดมักติดตามนางเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นหิ่งห้อยบนท้องฟ้า
ผีเสื้อราตรีสีม่วงที่นางชื่นชอบ
การแอบฝึกยุทธยามค่ำคืน
ผลท้อน้ำค้างแสนหวานบนยอดเขา
หรือสมุนไพรหายากที่ต้องบุกป่าฝ่าดงไปเอามา
พวกเขาหาให้นางทุกสิ่ง
มีเพียงความเงียบไร้เสียงกล่าวขาน เมื่อพวกเขามองนางน้ำตาปริ่มขอบตาจนเกือบล้นไหล
เมื่อเห็นนางเจ็บ พวกเขาเจ็บยิ่งกว่า
"นายหญิงจะทำอย่างไรต่อ"
"เรากลับหอแดงกันเถิด" นางเอ่ยแผ่วเบา
"อยากให้พวกข้าสังหารสาวใช้แพศยานางนั้นหรือไม่" เฟิ่งซีเอ่ยถาม
"จะมีประโยชน์อันใด"
"ท่านจะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่"
"ไม่มีวัน" หนิงเซียนหยาใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นยอดไม้นำหน้าไปทางหอแดง
ความรู้สึกของสองแฝดเพียงมองตาก็รู้ใจ พวกเขาเก็บซ่อนความดีใจไว้อย่างแนบเนียน แม้เห็นเพียงดวงตาทั้งสองสามารถสื่อความหมายว่ารู้สึกยินดีมากเพียงใดเมื่อนางเอ่ยปากว่าจะไม่กลับมาหาสามีอีก
ใบหน้าหล่อเหลาใต้หน้ากากดุนลายอินทรีย์ยกยิ้มขึ้นพร้อมกัน
ร่างกำยำสะกิดปลายเท้าตามนางไปอย่างแผ่วพลิ้วราวสายลม
หากกล่าวถึงความรู้สึกคือรักนางอย่างท่วมท้น ไม่ว่ารักนั้นคือรักแบบใด พวกเขาเทดวงใจให้นางจนหมดสิ้นนับตั้งแต่เห็นนางในห่อผ้าทารก
สองหัวใจเกิดมาเพื่อรับใช้หนึ่งสตรี
ทั้งสามคนกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังหอแดง...