ความสัมพันธ์เริ่มแปรเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอเขา..
การตัดสินใจที่จะเปิดใจในครั้งนั้น ทำให้ชีวิตของเธอได้พบกับโลกใบใหม่
ตั้งแต่รู้จักผู้ชายที่ชื่อชานชวินทร์ ชีวิตของจันจ้าวก็แลดูจะเปลี่ยนไป จากคนที่เก็บตัวเงียบก็ได้ออกไปเจอผู้คนเยอะขึ้น มากกว่าตอนที่หมกตัวซุ่มอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จันจ้าวได้ทั้งความรู้ที่อัดแน่นจากชานชวินทร์ รวมถึงได้ทำความรู้จักรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนของเขาด้วย
จากเข้าสังคมไม่เก่งก็เริ่มเปิดใจได้บ้างแล้ว..
ช่วงเที่ยงของวันหลังจากนั่งติวหนังสือกันยาวนานหลายชั่วโมง ชานชวินทร์ก็อาสาเป็นฝ่ายเข้าครัวลงมือทำอาหารให้สองสาวด้วยตัวเอง
ใช้เวลาไม่นานกลิ่นของอาหารก็หอมคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วครัว ข้าวสวยหอมกรุ่นลอยมาแตะปลายจมูก เรียกน้ำย่อยคนที่นั่งรอได้เป็นอย่างดี
“พี่ชานทำกับข้าวอร่อยมากเลยนะคะเนี่ย” เสียงใสของน้ำอิงเอ่ยชมไม่หยุด ขณะซดน้ำซุปต้มจืดสาหร่ายรสอร่อยเข้าปาก พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ชานชวินทร์ที่ยืนยิ้มอย่างพึงพอใจ
ร่างสูงยืนมองเจ้าของใบหน้าสวยหวานตักอาหารจ่อที่ริมฝีปาก สีหน้าและแววตาดูคาดหวังว่ารสชาติมันจะออกมาถูกปากเธอ
“ระวังร้อนนะ”
“อื้อ”
“เป่าก่อน”
จันจ้าวเป่าอาหารตามที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะอ้าปากลิ้มรสแล้วทำตาโตขึ้นมาทันที
“อร่อยมั้ย”
“อร่อยค่ะ”
พอได้รับคำชมชานชวินทร์ก็อมยิ้มกรุ้มกริ่ม มือก็ดันชามต้มจืดเข้าหาจันจ้าว คล้ายว่าบอกเป็นนัยน์ให้เธอกินได้เต็มที่
“ทำให้สาวกินบ่อยเหรอคะ ถึงได้ช่ำชองขนาดนี้” สุ้มเสียงเชิงหยอกเย้าเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นท่าทางดูใส่ใจเกินเหตุของรุ่นพี่ที่มีต่อเพื่อนของเธอ
เจ้าของใบหน้าคมคายเลิกคิ้วสูง พร้อมกระตุกยิ้มบนมุมปากแสร้งว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ทั้งหล่อ ทั้งเก่งแบบพี่ชาน คงมีสาวเยอะน่าดู” น้ำอิงว่า พลางเอียงคอรอคำตอบด้วยความสงสัย
“ไม่มีหรอก พี่แค่โตมาตัวคนเดียว ก็เลยทำกินเองจนชิน”
“อย่าโกหกเลยค่ะ บอกมาเถอะว่าทำให้แฟนกินบ่อย”
จันจ้าวนั่งเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ก่อนขยับสายตามองทั้งคู่สลับกันไปมา
พอพูดถึงเรื่องแฟนเธอก็แอบหูผึ่งด้วยความอยากรู้เหมือนกัน ว่าผู้ชายที่เก่งรอบด้านอย่างเขาจะมีหวานใจตัวจริงเป็นของตัวเองหรือยัง
ถึงมีก็ไม่แปลกใจอะไร แต่ถ้าจะไม่มีเลยก็ดูแปลกอยู่ดี
“พี่ไม่มีแฟนครับ” เขาตอบกลับด้วยท่าทีเป็นกันเอง ก่อนจะเหลือบสายตามองจันจ้าวแล้วยิ้มให้
คนที่รู้ตัวว่าถูกมองแสร้งเบนสายตาไปทางอื่น ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาโดยฉับพลัน เมื่อหันกลับมาแล้วพบว่าอีกฝ่ายยังไม่หยุดมอง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะเนี่ย ว่าคนอย่างพี่ชานจะไม่มีแฟน”
“เชื่อพี่เถอะ เห็นพี่เป็นคนชอบโกหกหรือไง”
“ก็เปล่า แค่ไม่อยากเชื่อเท่านั้นเองค่ะ เนอะจ้าว”
พูดจบน้ำอิงก็หันมาเพยิดหน้าหาเพื่อนช่วยสมทบ ทำเอาเจ้าตัวชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก ได้แต่ละล่ำละลักอ้าปากพูดไม่ทันกับความคิดที่ตีกันในหัว
ชานชวินทร์ป้องปากหลุดขำออกมา ก่อนจะมองหน้าจันจ้าวแล้วส่งสายตาคาดคั้นรอคำตอบ
“แล้วเธอล่ะ”
“คะ”
“คิดว่าพี่ชอบโกหกเหรอ”
คนที่ถูกถามหน้าเหวอไปชั่วขณะ ดวงตากลมโตหลุกหลิกไปมา พลางส่ายหัวด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยมั่นใจ
“จ้าวเองก็คิดว่าพี่ชานมีแฟนแล้ว” เธอว่าเสียงค่อย ทำเอาน้ำอิงตาโตอยากรู้ขึ้นมาด้วยทันที
“ทำไมคิดแบบนั้น”
“ก็วันนั้น.. จ้าวเห็นพี่ชานยืนทะเลาะกับผู้หญิงคนนึง”
ชานชวินทร์มีท่าทีนิ่งสุขุมไม่ตื่นตระหนกกับคำพูดของอีกฝ่าย แม้จะถูกจับได้คาตาจนยากที่จะปฏิเสธก็ตาม โดยที่มีน้ำอิงนั่งรอคำตอบจนลุ้นตัวโก่งไปพร้อมกัน
แต่เอาเข้าจริงเธอก็อยากได้ยินจากปากเขาเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาจันจ้าวไม่เคยล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวของเขาเลย บางทีอาจจะมีหลายอย่างที่เธอเข้าใจผิดคิดไปเองก็ได้
“แค่คนเคยคุย”
“คนคุยเหรอ”
“ใช่ครับ ไม่ได้มีสถานะแบบคนรัก แล้วเราก็จบความสัมพันธ์นี้ไปแล้วด้วย”
น้ำอิงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับกับความชัดเจน แต่ไม่วายหรี่ตาอย่างจับผิดพิรุธหนุ่มรุ่นพี่อยู่ดี เพราะสิ่งที่ได้ยินมาหนาหูเลยก็คือความเพลย์บอยของชานชวินทร์
ควงสาวระดับตัวท็อปทั้งนั้น..
เขาเป็นถึงลูกชายบุญธรรมของท่านดนัย เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเอ็มอาร์กรุ๊ป ที่จะตกทอดถึงเขาอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ แถมเรื่องผู้หญิงก็มีเข้ามามากเช่นกัน
“แต่ฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพี่มาเยอะเลยนะ” น้ำอิงว่าแล้วนั่งเท้าคางใส่ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มรับอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร
“แล้วน้องอิงอยากเลือกเชื่อแบบไหนล่ะครับ”
“ไม่รู้สิคะ ฟังหูไว้หูเหมือนกัน”
“หรือพี่ดูเป็นคนไม่ดี”
“ก็เปล่าค่ะ”
สิ้นประโยคนั้นน้ำอิงก็ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพราะเท่าที่สัมผัสมากับตัว ชานชวินทร์เป็นผู้ชายที่เอาใจใส่คนรอบข้างเก่งก็เท่านั้นเอง ไม่แปลกอะไรหากจะมีผู้หญิงมากมายอยากเข้าหาเขา
แต่เหมือนจะมีหนึ่งคนที่พิเศษกว่าคนอื่น..
ตาวิเศษมองเห็นการกระทำที่มากกว่าพี่น้องมาสักพักแล้ว
“ทานให้หมดนะจ้าว พี่อุตส่าห์ตั้งใจทำให้”
“ได้ค่ะ พี่ชานก็นั่งทานด้วยกันสิคะ”
“พี่สั่งมาการองมาให้เธอด้วย รสโปรดเธอ”
“จริงเหรอคะ เกรงใจจัง แต่ก็ขอบคุณนะคะพี่ชาน”
น้ำอิงที่นั่งสังเกตการกระทำและสายตาของชานชวินทร์พลันลอบยิ้มออกมา ทั้งคู่นั่งข้างกันในขณะที่ผลัดกันตักอาหารใส่ชามของอีกฝ่าย ชวนคุยกระหนุงกระหนิงหัวเราะคิกคักอยู่สองคน โดยที่เธอแทบจะกลายเป็นส่วนเกินอยู่แล้ว
จันจ้าวคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอยิ้มออกมามากกว่าปกติเวลาอยู่กับเขา อีกทั้งชานชวินทร์ยังแสดงออกชัดเจนว่าปฏิบัติตัวกับเธอต่างจากคนรอบกาย
นี่แหละพิเศษกว่าคนอื่นของจริง..
หลังจากหนุ่มรุ่นพี่อาสาขับรถมาส่งคอนโดเหมือนทุกวัน น้ำอิงก็ขอติดรถมาติวที่ห้องจันจ้าวด้วย สองสาวนั่งช่วยกันทบทวนหนังสืออยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวนอนแบหลาหันหัวชนกันอยู่บนเตียง
ดวงหน้าหมดจดดูอ่อนเพลีย หน้ามืดตาลายจนแทบจะอ้วกออกมาเป็นตัวหนังสือ ยิ่งใกล้ถึงวันสอบจริงเธอก็อยากทำมันให้ออกมาดีที่สุด
“ทำไมวันนี้แกต้องจี้ถามพี่เขาแบบนั้นด้วยอิง” จันจ้าวเอ่ยถามกับสิ่งที่ติดอยู่ในใจ พลางเหลือบสายตามองคนที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่
“แบบไหนอะ”
“ก็เรื่องผู้หญิง”
สิ้นประโยคนั้นน้ำอิงก็ลดมือถือลง ก่อนจะหันมองจันจ้าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นเสือผู้หญิง แต่เขาพูดเรื่องจริงที่ไม่ได้ให้สถานะกับคนไหนเป็นพิเศษ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา ทำไมแกต้องไปจับผิดพี่เขาด้วย”
“ก็ต้องจับผิดสิ ดูก็รู้ว่าพี่ชานกำลังสนใจแก”
ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงด้วยความตกใจ ตรงกันข้ามกับน้ำอิงที่คลี่ยิ้มเชิงหยอกเย้าออกมา
“พูดอะไรของแกเนี่ยน้ำอิง” จันจ้าวกลอกตาไปมาอย่างเลิ่กลั่ก พลันข้างแก้มก็เห่อร้อนขึ้นมาแต่ต้องเก็บซ่อนอาการไว้ กลัวอีกฝ่ายจะแซวไม่หยุด
“ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันบอก การกระทำของเขาก็ออกตัวชัดเจนอยู่” น้ำอิงยืนกรานเสียงหนักแน่นตามความรู้สึกแล้วก็สิ่งที่ได้เห็น
พวกที่คิดเกินเลยกว่าคำว่าพี่น้อง
มองจากนอกโลกก็ดูออก..
“แกคิดมากแล้ว ไม่ใช่หรอก”
“ช่วงนี้แกกับพี่เขาตัวติดกันเหมือนตังเมเลยนะ”
“ก็เขาเป็นพี่ติวนี่”
ใช่ พวกเขาทั้งคู่เป็นแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องก็เท่านั้น อีกอย่างมันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ผู้ชายอย่างเขาจะมาสนใจในตัวผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นอย่างเธอ
เขาก็แสนดีกับทุกคนนั่นแหละ..
“แต่ไปดูหนังด้วยกัน”
“ก็..”
“กินข้าวด้วยกัน”
“คือ..”
“แสดงความเป็นห่วงกันออกนอกหน้าอีก แบบนี้มันไม่ผิดปกติไปหน่อยเหรอ”
จันจ้าวอ้าปากค้างเถียงไม่ทัน เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาดันเป็นความจริงทั้งหมด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเธอที่ผ่านมา ได้ชานชวินทร์เข้ามาช่วยประคองจนทำให้เธอเลิกไขว้เขว จากที่ไม่มั่นใจในตัวเองก็เริ่มกลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง
น้ำอิงพลิกตัวนอนคว่ำ ก่อนจะเท้าคางมองหน้าเพื่อนสนิท พร้อมกับจ้องตาอย่างจับผิดพิรุธคนที่โกหกไม่เก่ง
“พนันได้เลยว่าพี่ชานเขาสนใจแก”
“น้ำอิง”
“แล้วแกล่ะ คิดยังไงกับพี่เขาเหรอจ้าว”