ตอนที่ 3 ไม่อยากถูกมองในแง่ร้าย

1743 คำ
เสียงร่วมรักดังขึ้นอย่างหยาบโลน หญิงสาวร่างบางนอนแอ่นอัดอกอวบอิ่มเข้าหาคนด้านบน ยามถูกเอวสอบโถมเข้าใส่รูสีหวานถี่ระรัว เรียวขาเกาะเกี่ยวเอวหนาเอาไว้ วงแขนโอบลำคอชายหนุ่ม ขณะที่ร่างกายกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ “ชานขา อื้อ แรงอีก” สาวเจ้าแผดเสียงครางดังระงมด้วยความเสียวกระสัน หมุดใหญ่ตอกใส่เต็มแรงอย่างดุดัน ท่ามกลางเสียงหอบหายใจเหนื่อยของทั้งคู่ เม็ดเหงื่อผุดพรายซึมตามกรอบใบหน้าคมคาย เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อใกล้จะหลั่ง กระทั่งหญิงสาวใต้ร่างกระตุกเกร็งหนักสองสามที หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นก็พวยพุ่งออกมาจากส่วนปลายใส่ถุงยางที่สวมอยู่ ดวงตาคู่คมหลุบมองจุดอ่อนไหวของหญิงสาว ก่อนมือหนาจะถอดถอนแก่นกายออกจากช่องทางรัก รูดถุงยางออกแล้วโยนมันลงข้างเตียง มือคว้าทิชชู่หัวเตียงมาเช็ดทำความสะอาดแล้วหยิบกางเกงบ็อกเซอร์บนพื้นขึ้นมาสวมใส่ “วันนี้พลอยขออยู่ห้องชานได้มั้ย ขอทั้งวันเลย ไม่รู้จะไปไหน” “ไม่ได้” ชานชวินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พลางยืนมองวิวจากระเบียงห้องแล้วหันกลับมามองหญิงคู่นอนที่นอนคว่ำทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ “ทำไมอะ” “มีธุระ” “ที่ห้องเหรอ” “ใช่” คู่สนทนามุ่ยปากเชิงน้อยใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะเขาให้สถานะชัดเจนว่าเป็นได้แค่คู่นอน หากจะให้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของคงยากสำหรับคนที่กลัวการผูกมัดอย่างชานชวินทร์ ร่างสูงเดินไปหยิบถุงกระดาษ ด้านหน้าสลักชื่อแบรนด์หรูเด่นหราเอาไว้ เขาหยิบมันไปวางไว้ให้คนบนเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางคีบบุหรี่สูบแล้วพ่นควันสีเทาไปด้วย “ให้พลอยเหรอ” คนบนเตียงยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า “ใช่ อยากได้ไม่ใช่เหรอ” “แต่มันแพงมากเลยนะ ชานซื้อให้พลอยจริง ๆ เหรอเนี่ย” คนที่ได้กระเป๋าใบละเกือบแสนยิ้มกว้าง พลันหุบยิ้มลงเล็กน้อยที่รู้ว่านี่คงเป็นของขวัญชื้นสุดท้าย แทนคำบอกลาจากปากชานชวินทร์ เธอลูบไล้กระเป๋าในมือตาละห้อย คงน่าเสียดายไม่น้อยที่จะไม่มีโอกาสได้เล่นจ้ำจี้บนเตียงกับเขาอีก เพราะอีกฝ่ายดันเป็นคนเบื่อง่ายเสียด้วย “แบบนี้แปลว่าพลอยคงไม่ต้องมาเจอชานอีกแล้วใช่มั้ย” “อืม” “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ พลอยชอบมากเลย” ใครที่ได้ขึ้นเป็นผู้หญิงของเขาต่างก็รู้ทั้งนั้น ว่าชานชวินทร์ดูแลผู้หญิงข้างกายเป็นอย่างดี แค่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่เจ้าตัวสร้างขึ้น ไม่ล้ำเส้นกันเท่านั้นเอง “ถ้างั้นเดี๋ยวพลอยไปอาบน้ำก่อนนะคะ” “อย่าลืมเก็บของไปให้หมด” “ได้สิคะชาน พลอยจะเก็บให้หมดเลยค่ะ” ดวงตาคู่คมปรายมองคนบนเตียงที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับมามองวิวทิวทัศน์ด้านนอก พร้อมกับอัดควันเข้าปอดแล้วพ่นออกมาด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น บนใบหน้าคมคายนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม ในขณะที่หัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเผลอกระตุกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าร้ายลึก เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่เจอกันเมื่อวานก่อน ในนัยน์ตาสีเข้มเป็นประกายวาบหวาม ราวกับเสือร้ายที่ตื่นเต้นกับการได้ล่าเหยื่อที่ไร้ทางสู้ คงได้เล่นสนุกกับเธออีกนานเลย.. เสียงเคาะประตูดังขึ้นในช่วงสายของวัน คนที่นั่งเตรียมหนังสืออยู่บนโต๊ะเลยละสายตาหันไปให้ความสนใจต้นตอของเสียงแทน เจ้าของห้องลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้ ก่อนจะพบเข้ากับเจ้าของดวงตาสุกใส ยืนทำหน้าไร้เดียงสาอยู่ตรงหน้าพอดี “น้ำอิงล่ะ” สุ้มเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม พลันขมวดคิ้วแล้วกวาดสายตามองหาไปด้วย คนตัวเล็กมุ่ยริมฝีปากแทนคำตอบ พลางลอบถอนหายใจหลุบมองพื้นตาละห้อย “น้ำอิงไม่มาด้วยเหรอ” “ตอนจ้าวมาถึงที่นี่ น้ำอิงก็โทรมาบอกว่าติดธุระที่โรงพยาบาลค่ะ” ชานชวินทร์พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้สายตาไล่สำรวจคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน เธอยืนจับกระเป๋าสะพายด้วยสีหน้าวิตกกังวล ปลายเท้าเขี่ยพื้นไปมาเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น พี่ยังไม่ได้ดุอะไรเธอเลยนะ” จันจ้าวขยับสายตามองเขา แต่ปลายเท้ายังไม่ขยับไปไหน “เริ่มติวเลยดีมั้ย พี่เตรียมของไว้ให้หมดแล้ว” ชานชวินทร์เลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายที่ยืนทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่กลับทำให้เขาเผลอหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะขยับตัวเบี่ยงหลบให้เธอเดินเข้ามาในห้อง “เข้ามาก่อนสิ” “คะ” “เข้ามาสิครับ” จันจ้าวกลอกตาไปมาด้วยความลังเล เธอลอบระบายลมหายใจของความประหม่าทิ้งไป จนสุดท้ายก็เดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าห้องไปอยู่ดี ร่างสูงเดินนำไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันกลับมามองที่เธออีกครั้ง “เธอกลัวพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” “จ้าวไม่ได้กลัวพี่ชานนะคะ” “ทำไมอะ หรือพี่ชอบทำหน้าดุ” คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ เขายังไม่ได้ทำหน้าดุเลยสักนิด แต่เป็นเธอเองต่างหากที่ประหม่าจนใจสั่นรัวไปหมด ถึงแม้ใบหน้าหล่อเหลาจะเคลือบด้วยรอยยิ้มหวานล้ำ แต่จันจ้าวกลับรู้สึกได้ถึงรังสีความดุดันที่แพร่กระจายออกมาจากตัวเขา ราวกับรอยยิ้มนั้นมันปลอมเปลือกไปเสียหมด “กินมาการองมั้ย” “มาการองเหรอคะ” “ยิ้มได้แล้วนี่” คนที่เผลอยิ้มออกมาหุบยิ้มฉับทันที ทำเอาชานชวินทร์ถึงกับแค่นเสียงในลำคอ “ถ้าได้ของหวาน น่าจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อย” พูดจบเขาก็เดินไปหยิบขนมหวานจากในตู้เย็นมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับนั่งลงบนพื้นแล้วส่งสายตาเชิงให้อีกฝ่ายมานั่งข้างกัน จันจ้าวทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ คนอายุมากกว่า พลางกวาดสายตามองกองหนังสืออย่างสนใจ “นี่ดีนะที่พี่ยังไม่ทิ้งหนังสือพวกนี้” “พี่ชานอ่านทั้งหมดนี่แล้วเหรอคะ” “ใช่ แต่มันต้องรื้อฟื้นความทรงจำหน่อย” เธอพยักหน้ารับคำทันที ในแววตาเริ่มผ่อนคลายความกังวล เมื่อได้สัมผัสหนังสือของรุ่นพี่ที่ผ่านการอาบน้ำร้อนแห่งบททดสอบมาก่อน “ทำไมพี่ถึงสนใจวิชาพวกนี้เยอะจังคะ พี่เรียนบริหารนี่” “พี่เคยอยากเรียนหมอมาก่อน แต่คิดว่าไม่น่าไหว ก็เลยไปสายอื่นแทน” “เก่งแบบพี่ชาน จ้าวว่าเรียนหมอได้สบายเลยนะ” “จริงเหรอ” “จริงค่ะ” เจ้าของใบหน้าคมคายหลุบสายตามองพวงแก้มขาว ทั้งอมชมพูมีเลือดฝาดแล้วก็ดูนุ่มนิ่มน่าฟัด พลันลอบยิ้มบนมุมปากที่เห็นว่าเธอเริ่มขยับเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมจากตัวหญิงสาวลอยมาแตะปลายจมูกชายหนุ่ม ส่งผลให้แรงโน้มถ่วงจากตัวชานชวินทร์โถมเข้าหาเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ มือบางพลิกหน้าหนังสืออ่านด้วยความสนใจ ก่อนจะหันหน้ามองชานชวินทร์แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง วินาทีที่เงยหน้าขึ้นมองแล้วพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายห่างกันไม่ถึงคืบ ส่งผลให้คนตัวเล็กนิ่งงันไปในทันที ดวงตากลมโตเบิกโพลงเล็กน้อยที่เห็นเขาในระยะประชิดขนาดนี้ ผิวหน้าของเขาเนียนละเอียด ทั้งริมฝีปากยังอมชมพูระเรื่อ องค์ประกอบโดยรวมของใบหน้าเรียกได้ว่าลูกรักของพระเจ้า ใจของเธอมันสั่นอีกแล้ว “ทำไมหล่อ..” “หือ” “เอ่อ” ชานชวินทร์สบสายตาเธอไม่ละไปไหน บนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากสวย ทำเอาใจดวงน้อยเต้นล่ำไม่เป็นส่ำจนเธอเป็นฝ่ายผละตัวออกก่อน ร่างขาวแสร้งเบนสายตาไปทางอื่นด้วยความทำตัวไม่ถูก กระทั่งเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ฉุดดึงความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมอง “เดี๋ยวพี่มานะ ลองอ่านดูก่อน” สิ้นประโยคนั้นคนตัวสูงก็ลุกเดินออกไป เหลือทิ้งไว้แค่จันจ้าวที่นั่งเปิดอ่านหนังสือไปพลาง เธอชะเง้อหน้ามองเพราะคิดว่าเป็นน้ำอิง แต่กลับเห็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวยเดินเข้ามาในห้องแทน “ขอโทษทีนะชาน พอดีพลอยลืมกำไลไว้อะ” “ตรงไหน” “เดี๋ยวพลอยหยิบเอง ไม่รบกวนนานหรอก” จันจ้าวมองตามผู้หญิงคนนั้นที่เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะขยับมองชานชวินทร์ที่เดินหน้านิ่งตามหลังเข้ามา เขามองหน้าเธอเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็หันไปจูงมือผู้หญิงที่ชื่อพลอยให้ออกจากห้องแทน ใบหน้าสวยหวานกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด พลันอ้าปากเหวอที่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่ามันเป็นมาอย่างไร หลายวันก่อนเพิ่งทะเลาะกับผู้หญิงอีกคน มาวันนี้มีผู้หญิงคนใหม่เข้าห้องซะงั้น ดูได้ไม่ยากเท่าไหร่พวกเจ้าชู้ประตูดิน หลังจากเสียงปิดประตูดังขึ้น จันจ้าวก็รีบหันหน้ามาให้ความสนใจเนื้อหาในหนังสือ พลางสะบัดศีรษะไล่ความคิดที่ไม่เข้าท่าออกไป ไม่นานชานชวินทร์ก็เดินกลับมานั่งลงที่เดิม ท่ามกลางความเงียบที่ทำให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมา แม้ว่าจะไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยให้ได้ยิน “น้องจ้าวครับ” “คะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก พลันมุ่นคิ้วเข้าหากันที่เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูไม่ดีเลยสักนิด “ทำไงดี เธอคงมองพี่ในแง่ร้ายไปหมดแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม