เสียงร่วมรักดังขึ้นอย่างหยาบโลน หญิงสาวร่างบางนอนแอ่นอัดอกอวบอิ่มเข้าหาคนด้านบน ยามถูกเอวสอบโถมเข้าใส่รูสีหวานถี่ระรัว
เรียวขาเกาะเกี่ยวเอวหนาเอาไว้ วงแขนโอบลำคอชายหนุ่ม ขณะที่ร่างกายกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ
“ชานขา อื้อ แรงอีก”
สาวเจ้าแผดเสียงครางดังระงมด้วยความเสียวกระสัน หมุดใหญ่ตอกใส่เต็มแรงอย่างดุดัน ท่ามกลางเสียงหอบหายใจเหนื่อยของทั้งคู่
เม็ดเหงื่อผุดพรายซึมตามกรอบใบหน้าคมคาย เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อใกล้จะหลั่ง
กระทั่งหญิงสาวใต้ร่างกระตุกเกร็งหนักสองสามที หยาดน้ำรักสีขาวขุ่นก็พวยพุ่งออกมาจากส่วนปลายใส่ถุงยางที่สวมอยู่
ดวงตาคู่คมหลุบมองจุดอ่อนไหวของหญิงสาว ก่อนมือหนาจะถอดถอนแก่นกายออกจากช่องทางรัก รูดถุงยางออกแล้วโยนมันลงข้างเตียง มือคว้าทิชชู่หัวเตียงมาเช็ดทำความสะอาดแล้วหยิบกางเกงบ็อกเซอร์บนพื้นขึ้นมาสวมใส่
“วันนี้พลอยขออยู่ห้องชานได้มั้ย ขอทั้งวันเลย ไม่รู้จะไปไหน”
“ไม่ได้”
ชานชวินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พลางยืนมองวิวจากระเบียงห้องแล้วหันกลับมามองหญิงคู่นอนที่นอนคว่ำทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่
“ทำไมอะ”
“มีธุระ”
“ที่ห้องเหรอ”
“ใช่”
คู่สนทนามุ่ยปากเชิงน้อยใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะเขาให้สถานะชัดเจนว่าเป็นได้แค่คู่นอน หากจะให้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของคงยากสำหรับคนที่กลัวการผูกมัดอย่างชานชวินทร์
ร่างสูงเดินไปหยิบถุงกระดาษ ด้านหน้าสลักชื่อแบรนด์หรูเด่นหราเอาไว้ เขาหยิบมันไปวางไว้ให้คนบนเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางคีบบุหรี่สูบแล้วพ่นควันสีเทาไปด้วย
“ให้พลอยเหรอ” คนบนเตียงยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า
“ใช่ อยากได้ไม่ใช่เหรอ”
“แต่มันแพงมากเลยนะ ชานซื้อให้พลอยจริง ๆ เหรอเนี่ย”
คนที่ได้กระเป๋าใบละเกือบแสนยิ้มกว้าง พลันหุบยิ้มลงเล็กน้อยที่รู้ว่านี่คงเป็นของขวัญชื้นสุดท้าย แทนคำบอกลาจากปากชานชวินทร์
เธอลูบไล้กระเป๋าในมือตาละห้อย คงน่าเสียดายไม่น้อยที่จะไม่มีโอกาสได้เล่นจ้ำจี้บนเตียงกับเขาอีก เพราะอีกฝ่ายดันเป็นคนเบื่อง่ายเสียด้วย
“แบบนี้แปลว่าพลอยคงไม่ต้องมาเจอชานอีกแล้วใช่มั้ย”
“อืม”
“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ พลอยชอบมากเลย”
ใครที่ได้ขึ้นเป็นผู้หญิงของเขาต่างก็รู้ทั้งนั้น ว่าชานชวินทร์ดูแลผู้หญิงข้างกายเป็นอย่างดี แค่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่เจ้าตัวสร้างขึ้น ไม่ล้ำเส้นกันเท่านั้นเอง
“ถ้างั้นเดี๋ยวพลอยไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“อย่าลืมเก็บของไปให้หมด”
“ได้สิคะชาน พลอยจะเก็บให้หมดเลยค่ะ”
ดวงตาคู่คมปรายมองคนบนเตียงที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับมามองวิวทิวทัศน์ด้านนอก พร้อมกับอัดควันเข้าปอดแล้วพ่นออกมาด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น
บนใบหน้าคมคายนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ร่วม ในขณะที่หัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเผลอกระตุกยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าร้ายลึก เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่เจอกันเมื่อวานก่อน
ในนัยน์ตาสีเข้มเป็นประกายวาบหวาม ราวกับเสือร้ายที่ตื่นเต้นกับการได้ล่าเหยื่อที่ไร้ทางสู้
คงได้เล่นสนุกกับเธออีกนานเลย..
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในช่วงสายของวัน คนที่นั่งเตรียมหนังสืออยู่บนโต๊ะเลยละสายตาหันไปให้ความสนใจต้นตอของเสียงแทน
เจ้าของห้องลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้ ก่อนจะพบเข้ากับเจ้าของดวงตาสุกใส ยืนทำหน้าไร้เดียงสาอยู่ตรงหน้าพอดี
“น้ำอิงล่ะ” สุ้มเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม พลันขมวดคิ้วแล้วกวาดสายตามองหาไปด้วย
คนตัวเล็กมุ่ยริมฝีปากแทนคำตอบ พลางลอบถอนหายใจหลุบมองพื้นตาละห้อย
“น้ำอิงไม่มาด้วยเหรอ”
“ตอนจ้าวมาถึงที่นี่ น้ำอิงก็โทรมาบอกว่าติดธุระที่โรงพยาบาลค่ะ”
ชานชวินทร์พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้สายตาไล่สำรวจคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
เธอยืนจับกระเป๋าสะพายด้วยสีหน้าวิตกกังวล ปลายเท้าเขี่ยพื้นไปมาเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น พี่ยังไม่ได้ดุอะไรเธอเลยนะ”
จันจ้าวขยับสายตามองเขา แต่ปลายเท้ายังไม่ขยับไปไหน
“เริ่มติวเลยดีมั้ย พี่เตรียมของไว้ให้หมดแล้ว”
ชานชวินทร์เลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายที่ยืนทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่กลับทำให้เขาเผลอหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะขยับตัวเบี่ยงหลบให้เธอเดินเข้ามาในห้อง
“เข้ามาก่อนสิ”
“คะ”
“เข้ามาสิครับ”
จันจ้าวกลอกตาไปมาด้วยความลังเล เธอลอบระบายลมหายใจของความประหม่าทิ้งไป จนสุดท้ายก็เดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าห้องไปอยู่ดี
ร่างสูงเดินนำไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันกลับมามองที่เธออีกครั้ง
“เธอกลัวพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“จ้าวไม่ได้กลัวพี่ชานนะคะ”
“ทำไมอะ หรือพี่ชอบทำหน้าดุ”
คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ เขายังไม่ได้ทำหน้าดุเลยสักนิด แต่เป็นเธอเองต่างหากที่ประหม่าจนใจสั่นรัวไปหมด
ถึงแม้ใบหน้าหล่อเหลาจะเคลือบด้วยรอยยิ้มหวานล้ำ แต่จันจ้าวกลับรู้สึกได้ถึงรังสีความดุดันที่แพร่กระจายออกมาจากตัวเขา
ราวกับรอยยิ้มนั้นมันปลอมเปลือกไปเสียหมด
“กินมาการองมั้ย”
“มาการองเหรอคะ”
“ยิ้มได้แล้วนี่”
คนที่เผลอยิ้มออกมาหุบยิ้มฉับทันที ทำเอาชานชวินทร์ถึงกับแค่นเสียงในลำคอ
“ถ้าได้ของหวาน น่าจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อย”
พูดจบเขาก็เดินไปหยิบขนมหวานจากในตู้เย็นมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับนั่งลงบนพื้นแล้วส่งสายตาเชิงให้อีกฝ่ายมานั่งข้างกัน
จันจ้าวทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ คนอายุมากกว่า พลางกวาดสายตามองกองหนังสืออย่างสนใจ
“นี่ดีนะที่พี่ยังไม่ทิ้งหนังสือพวกนี้”
“พี่ชานอ่านทั้งหมดนี่แล้วเหรอคะ”
“ใช่ แต่มันต้องรื้อฟื้นความทรงจำหน่อย”
เธอพยักหน้ารับคำทันที ในแววตาเริ่มผ่อนคลายความกังวล เมื่อได้สัมผัสหนังสือของรุ่นพี่ที่ผ่านการอาบน้ำร้อนแห่งบททดสอบมาก่อน
“ทำไมพี่ถึงสนใจวิชาพวกนี้เยอะจังคะ พี่เรียนบริหารนี่”
“พี่เคยอยากเรียนหมอมาก่อน แต่คิดว่าไม่น่าไหว ก็เลยไปสายอื่นแทน”
“เก่งแบบพี่ชาน จ้าวว่าเรียนหมอได้สบายเลยนะ”
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ”
เจ้าของใบหน้าคมคายหลุบสายตามองพวงแก้มขาว ทั้งอมชมพูมีเลือดฝาดแล้วก็ดูนุ่มนิ่มน่าฟัด พลันลอบยิ้มบนมุมปากที่เห็นว่าเธอเริ่มขยับเข้ามาใกล้
กลิ่นหอมจากตัวหญิงสาวลอยมาแตะปลายจมูกชายหนุ่ม ส่งผลให้แรงโน้มถ่วงจากตัวชานชวินทร์โถมเข้าหาเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
มือบางพลิกหน้าหนังสืออ่านด้วยความสนใจ ก่อนจะหันหน้ามองชานชวินทร์แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง
วินาทีที่เงยหน้าขึ้นมองแล้วพบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายห่างกันไม่ถึงคืบ ส่งผลให้คนตัวเล็กนิ่งงันไปในทันที
ดวงตากลมโตเบิกโพลงเล็กน้อยที่เห็นเขาในระยะประชิดขนาดนี้ ผิวหน้าของเขาเนียนละเอียด ทั้งริมฝีปากยังอมชมพูระเรื่อ องค์ประกอบโดยรวมของใบหน้าเรียกได้ว่าลูกรักของพระเจ้า
ใจของเธอมันสั่นอีกแล้ว
“ทำไมหล่อ..”
“หือ”
“เอ่อ”
ชานชวินทร์สบสายตาเธอไม่ละไปไหน บนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากสวย ทำเอาใจดวงน้อยเต้นล่ำไม่เป็นส่ำจนเธอเป็นฝ่ายผละตัวออกก่อน
ร่างขาวแสร้งเบนสายตาไปทางอื่นด้วยความทำตัวไม่ถูก กระทั่งเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ฉุดดึงความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมอง
“เดี๋ยวพี่มานะ ลองอ่านดูก่อน”
สิ้นประโยคนั้นคนตัวสูงก็ลุกเดินออกไป เหลือทิ้งไว้แค่จันจ้าวที่นั่งเปิดอ่านหนังสือไปพลาง
เธอชะเง้อหน้ามองเพราะคิดว่าเป็นน้ำอิง แต่กลับเห็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวยเดินเข้ามาในห้องแทน
“ขอโทษทีนะชาน พอดีพลอยลืมกำไลไว้อะ”
“ตรงไหน”
“เดี๋ยวพลอยหยิบเอง ไม่รบกวนนานหรอก”
จันจ้าวมองตามผู้หญิงคนนั้นที่เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะขยับมองชานชวินทร์ที่เดินหน้านิ่งตามหลังเข้ามา
เขามองหน้าเธอเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็หันไปจูงมือผู้หญิงที่ชื่อพลอยให้ออกจากห้องแทน
ใบหน้าสวยหวานกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด พลันอ้าปากเหวอที่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่ามันเป็นมาอย่างไร
หลายวันก่อนเพิ่งทะเลาะกับผู้หญิงอีกคน มาวันนี้มีผู้หญิงคนใหม่เข้าห้องซะงั้น
ดูได้ไม่ยากเท่าไหร่พวกเจ้าชู้ประตูดิน
หลังจากเสียงปิดประตูดังขึ้น จันจ้าวก็รีบหันหน้ามาให้ความสนใจเนื้อหาในหนังสือ พลางสะบัดศีรษะไล่ความคิดที่ไม่เข้าท่าออกไป
ไม่นานชานชวินทร์ก็เดินกลับมานั่งลงที่เดิม ท่ามกลางความเงียบที่ทำให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมา แม้ว่าจะไม่มีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยให้ได้ยิน
“น้องจ้าวครับ”
“คะ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก พลันมุ่นคิ้วเข้าหากันที่เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูไม่ดีเลยสักนิด
“ทำไงดี เธอคงมองพี่ในแง่ร้ายไปหมดแล้ว”