“ไม่จริง เมื่อคืนตอนที่หนูโทรบอกพี่ว่าไม่สบายแล้วพอวางสายก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา คงไม่ต้องบอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น หนูขอถามพี่กันต์หน่อยนะว่าทำแบบนี้กับหนูทำไม”
“พี่ก็แค่อยากให้เอริได้เจอกับเสี่ย”
“อยากให้เอริเจอกับเสี่ยหรือเอาเอริไปขายให้กับเสี่ยกันแน่คะ” ญาณิศาที่นั่งฟังอยู่อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา
“เธอเป็นคนนอกอย่ามายุ่ง” เขาหันมามองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“ถึงณิจะเป็นคนนอกแต่ณิก็ไม่เคยเอาเพื่อนไปขาย” ญาณิศาตอกกลับ
“พี่ไม่ได้เอาไปขายนะ พี่อยากให้เอริไปคุยกับเสี่ยแต่พี่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่ขอโทษนะเอริ” ชายหนุ่มยืนยันเสียงแข็ง
“ขอโทษไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกค่ะ ถ้าพี่ไม่เอายาให้หนูกินเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอกค่ะ ให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะหนูไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว ต่อไปพี่กับหนูถือว่าเราไม่เคยรู้จักกัน”
“เอริจะเลิกกับพี่เหรอ”
“ค่ะ หนูว่าพี่กันต์ก็คงไม่อยากเป็นแฟนกับหนูแล้วเหมือนกัน หนูไปนอนกับคนอื่นมาแล้ว”
“พี่ไม่สนใจเรื่องนั้นเลยนะเอริ”
“แต่หนูสนใจค่ะ เพราะฉะนั้นจากนี้พี่อย่ามายุ่งกับหนูอีก”
“วันนี้เอริอาจจะยังไม่พร้อมที่จะคุยกับพี่ เอาไว้ให้ใจเย็นกว่านี้เราค่อยคุยกันก็ได้นะ ยังไงพี่ก็ไม่เลิกกับเอริหรอกนะ พี่ไม่ถือเลยที่เอริจะนอนกับใครมา” กันต์ธีร์ยังต้องพาเอริญาไปให้เสี่ยสมานให้ได้เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไม่โดนแค่ซ้อมเหมือนอย่างวันนี้
“พี่กันต์อาจจะมองว่าหนูหัวอ่อนเชื่อทุกอย่างที่พี่พูดมาตลอด แต่มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะคะ ตอนนี้หนูไม่ใช่เอริคนเดิมแล้วค่ะ เราจบกันเถอะนะคะ” หญิงสาวพูดแล้วเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“เธอไปพูดอะไรกับเอริ เธอถึงได้จะเลิกกับพี่”
“พี่กันต์ทำตัวเองแล้วยังจะมาโทษคนอื่น เอริใจดีไม่แจ้งความพี่ก็บุญแล้ว”
“จะแจ้งความพี่เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่พี่เอายาให้กินแล้วส่งไปให้ผู้ชายไงล่ะ”
“พี่ถามจริงนะณิ เมื่อคืนเอริไปนอนกับผู้ชายมาจริงเหรอ”
“เราสองคนจะโกหกพี่ทำไมล่ะ”
“แต่เสี่ยสมานเขาก็บอกว่าไม่ได้เจอกับเอริจริงๆ นะ” เขาถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“เรื่องนั้นณิก็ไม่รู้ พี่ก็ลองไปสืบเอาเองแต่ณิขอร้องว่าพี่เลิกยุ่งกับเอริเถอะค่ะ”
“พี่ไม่เชื่อหรอกว่าเอริจะเลิกกับพี่” เขายังมั่นใจว่าเอริญาไม่มีทางจะเลิกกับเขา
“พี่ไม่เชื่อก็แล้วแต่พี่เถอะค่ะ” ญาณิศาพูดแล้วก็รีบถือตะกร้าผ้าขึ้นไปบนหอพัก เมื่อเปิดเข้าไปก็เห็นเพื่อนนั่งซึมอยู่บนโซฟา
“พี่กันต์เขาไปแล้วใช่ไหมณิ”
“อือ ไปแล้ว แกเชื่อที่พี่กันต์พูดไหมเอริ”
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
“แต่หน้าแกดูเหมือนลังเล แกคงไม่ใจอ่อนกับเขาหรอกนะเอริ”
“ที่ฉันลังเลไม่ใช่เพราะใจอ่อนหรอกนะณิ แต่ถ้าพี่กันต์พูดความจริงแล้วคนที่ฉันนอนด้วยเป็นใคร”
“แกจำหน้าเขาได้ไหม ขอโทษนะฉันไม่น่าทำให้แกกลับไปคิดเรื่องเมื่อคืนอีก”
“เท่าที่จำได้เขาไม่น่าจะใช่คนไทย น่าจะเป็นลูกครึ่งเพราะเขาพูดภาษาไทยได้แต่อย่างอื่นฉันก็ไม่รู้อะไรอีกเลย มันมืดและฉันก็ไม่มีสติเท่าไหร่”
“แกอยากตามหาเขาไหม จะได้ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ล่ะ ฉันอยากให้ทุกอย่างมันจบ ฉันคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าจะไม่เจอกันอีก ฉันจะได้ลืมเรื่องนี้ได้ไวๆ”
“อือ ฉันว่าเดี๋ยวแกก็คงลืมได้”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ ฉันอยากก้าวไปข้างหน้า เราไปห้างกันเถอะ”
“ไม่พักเหรอ”
“ไม่ล่ะ ฉันอยากรู้ว่าเช็คนั้นมันจริงหรือปลอม ฉันเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเพราะฉะนั้นฉันก็จะใช้สิ่งตอบแทนนี้ทำให้ความฝันของฉันเป็นจริง” เอริญาพูดอย่างมุ่งมั่น เธอไม่อยากจมอยู่กับความเสียใจอีกต่อไปแล้ว
เอริญากับเพื่อนมายังศูนย์การค้าจากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารเพื่อเอาเช็คที่ได้มาไปขึ้นเงิน
“เช็คเป็นของจริงใช่ไหมคะ” ญาณิศาถามเมื่อพนักงานรับเช็คไปตรวจสอบได้ครู่ใหญ่
“ของจริงคะ คุณจะรับเป็นเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีคะ”
“โอนเข้าบัญชีค่ะ”
“ถ้างั้นโอนเข้าบัญชีนี้ทั้งหมดเลยนะคะ”
เมื่อจัดการธุระเสร็จแล้วเอริญาและเพื่อนก็เดินดูของไปเรื่อยระหว่างนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาอยู่ตลอด
“ณิ ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม”
“ใครเหรอ” ญาณิศามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใคร
“ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกแปลกๆ นะ”
“คิดมากไปหรือเปล่าแก วันนี้คนเยอะเขาอาจจะมองคนอื่นก็ได้นะ”
“คงงั้นมั้ง” ถึงจะตอบเพื่อนไปอย่างนั้นแต่เอริญาก็ยังรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ดี หญิงสาวไม่สบายใจเท่าไหร่ เธอกับเพื่อนจึงรีบไปซื้อของจากนั้นก็กลับมายังหอพัก
เอริญญานอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงในสมองคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิม กว่าจะหลับก็ผ่านไปหลายชั่วโมง
เช้าวันอาทิตย์เอริญาตื่นมาด้วยความไม่สดชื่นเธอกินยาคุมฉุกเฉินที่เหลืออีกหนึ่งเม็ดจากนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะวันนี้เธอต้องไปทำงานพิเศษที่คาเฟ่แห่งหนึ่งหน้ามาหาวิทยาลัย
“แกมีเงินตั้งเยอะแล้วยังจะไปทำงานพิเศษอีกเหรอ พักหน่อยดีไหม”
“ถึงฉันจะมีเงินแล้วแต่ฉันยังไม่มีประสบการณ์ ฉันว่าถ้าว่างๆ จะแอบถามพี่เจ้าของร้านว่าต้องเตรียมตัวยังไงและมีเงินทุนเท่าไหร่ถึงจะเปิดร้านได้”
“แกจะเปิดร้านเบเกอรี่อย่างเดียวหรือร้านกาแฟด้วยล่ะ”
“ฉันไม่เก่งเรื่องเครื่องดื่มเลย อาจจะขายแค่ขนมก็ได้แต่ก็ไม่รู้ว่าเงินหนึ่งล้านจะพอไหม”
“ฉันว่าน่าจะพอนะ แต่ต้องหาสถานที่ด้วย”
“นั่นแหละปัญหาเลย ถ้าฝีมือเราดีแต่ทำเลไม่ดีก็คงยากที่จะมีคนเห็น ถ้าแกขับรถผ่านที่ไหนมีที่ให้เช่าทำร้านก็ถ่ายรูปมาด้วยนะ”
“ได้สิ วันนี้ฉันอาจจะกลับค่ำหน่อยนะ แกเลิกงานแล้วก็รีบกลับห้องเลยนะ ถ้าพี่กันต์เขามายุ่งอีกแกก็บอกยามให้ช่วยไล่เขาไปนะ” ญาณิศาพูดด้วยความเป็นห่วงแต่วันนี้เขามีนัดทานข้าวกับครอบครัวจึงต้องกลับมาหอพักในช่วงดึก
“อือ ฉันว่าจะสั่งยามไว้ ฉันรู้สึกว่าเขาดูเป็นคนอันตรายยังไงก็ไม่รู้”
“ฉันก็คิดแบบนั้น แกระวังตัวด้วยมีเรื่องด่วนรีบโทรแจ้งตำรวจนะ”
“อือ ฉันไปก่อนนะ”
เอริญาเดินลงมาจากหอพักก็มองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นรถของกันต์ธีร์ก็รู้สึกโลกใจ หญิงสาวเดินไปรอรถเมล์จากนั้นก็ตรงไปยังคาเฟ่ที่เธอมาทำงานพาร์ทไทม์ตั้งแต่ขึ้นปีสอง