ตอนที่ 8
เช้าวันต่อมา
บรรยากาศในห้องทำงานของแพรไหม ผู้บริหารสาวราวกับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความเคร่งเครียด แสงแดดยามเช้าที่เคยสดใส กลับดูอึมครึมเมื่อสาดส่องลงบนโต๊ะทำงานไม้สีอ่อนที่บัดนี้เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารหนาเตอะ และตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่วางเรียงรายอย่างไม่เป็นระเบียบ
แพรไหมนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้หนังสีขาวตัวโปรด ดวงตากลมโตคู่สวยที่ปกติจะเปล่งประกายความมั่นใจ กลับทอประกายแห่งความกังวลเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาที่หนักอึ้งอยู่ในใจ
มือเรียวสวยข้างหนึ่งวางอยู่บนเอกสารสำคัญ ขณะที่อีกข้างยกขึ้นมานวดคลึงขมับเบาๆ ร่องรอยความเหนื่อยล้าปรากฏชัดบนใบหน้าหวานที่ปกติจะสดใสอยู่เสมอ ความเงียบภายในห้องมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานเบาๆ เป็นเพื่อน ราวกับกำลังรอคอยการตัดสินใจครั้งสำคัญจากผู้หญิงเก่งที่กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายบางอย่าง
“สวัสดีค่ะ คุณแพรไหม” เสียงหวานใสของตังตังเอ่ยทักทายเจ้านายสาวอย่างสดใส ขณะเด็กสาวเดินมาถึงโต๊ะทำงานของเธอ แพรไหมเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ดวงตากลมโตคู่สวยจับจ้องมาที่นักศึกษาฝึกงานคนใหม่อย่างจริงจังจนตังตังอดสงสัยไม่ได้
“คุณแพรไหม เรียกให้หนูมาหา มีอะไรให้หนูช่วยเหรอเปล่าคะ?” เธอถามด้วยความกระตือรือร้น แพรไหมถอนหายใจแผ่วเบา มองหน้าเด็กฝึกงานสาวด้วยแววตาที่จริงจังจนตังตังใจเต้นแรง
“พี่มีเรื่องอยากจะให้น้องช่วย… เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เองน่ะ” ตังตังขมวดคิ้วเล็กน้อย ความสงสัยฉายชัดบนใบหน้า แต่ก็รีบพยักหน้าตอบรับอย่างเต็มใจ
“ค่ะ..คุณแพรไหม”
“ไม่ต้องเรียกพี่ชื่อเต็ม ๆ ก็ได้ เรียกแค่พี่แพรก็พอ” แพรไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนล้า
“ค่ะ พี่แพร บอกหนูมาได้เลยค่ะ” ตังตังตอบรับคำอย่างตั้งใจ
“คือ… เรื่องเมื่อวานที่ไปถ่ายโฆษณากับคุณแซนดี้… หนูไปกับสามีพี่ด้วยใช่มั้ย?” แพรไหมเริ่มด้วยน้ำเสียงที่ลดต่ำลง ราวกับกำลังกระซิบความลับ
“ค่ะ…” เด็กสาวตอบสั้น ๆ หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
“วันนี้พี่อยากให้น้องช่วยสังเกตพฤติกรรมของพี่กรเค้าหน่อย” แพรไหมเอ่ยเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องมาเด็กสาวอย่างคาดหวัง ตังตังเบิกตากว้างเล็กน้อยด้วยความตกใจราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
“เอ่อ… สังเกตพี่กร… สังเกตเรื่องอะไรเหรอคะ?” คำถามติดขัดอยู่ในลำคอ
“เราชื่อเล่นว่าอะไร พี่ไม่อยากเรียกชื่อจริง” แพรไหมเปลี่ยนเรื่องถาม ราวกับต้องการดึงสติของเด็กฝึกงานสาว
“หนูชื่อตังตังค่ะ” เด็กสาวตอบเสียงสั่นเล็กน้อย พยายามซ่อนความประหลาดใจไว้ภายใต้รอยยิ้มเจื่อน ๆ
“ตังตัง...ตังตังฟังพี่ให้ดีนะ” แพรไหมโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงจริงจังขึ้น
“คือพี่แค่อยากรู้ว่า… สามีพี่เค้ามีท่าทีอะไรที่สนิทสนมกับคุณแซนดี้เป็นพิเศษหรือเปล่า… ตังตังแค่คอยสังเกต… แล้วมาบอกพี่ก็พอ” แพรไหมอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่สวยวอนขอความช่วยเหลือ
“พี่ไว้ใจตังตังนะ… และพี่อยากให้ตังตังช่วยเป็นหูเป็นตาให้พี่หน่อย… แล้วเรื่องนี้ก็ห้ามบอกใคร… รู้มั้ย?” น้ำเสียงของแพรไหมหนักแน่นขึ้น ราวกับกำลังมอบภารกิจลับที่สำคัญ
“ค่ะ…” เด็กสาวรับคำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในใจราวกับพายุ ทั้งความประหลาดใจที่ถูกขอให้สอดส่องเจ้านาย ความสงสัยในสิ่งที่แพรไหมต้องการรู้ และความรู้สึกผิดลึก ๆ ที่ต้องมาทำเรื่องลับลมคมในเช่นนี้ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและอ่อนล้าของแพรไหม เธอก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอนี้ได้
“ตังตังตอบพี่เหมือนไม่มั่นใจเลย” แพรไหมจับจ้องสีหน้าของน้องฝึกงานอย่างละเอียด
“ค่ะพี่แพร… หนูจะช่วยสังเกตให้ค่ะ” คราวนี้เธอรับคำอย่างหนักแน่น น้ำเสียงหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย
“ขอบใจมากจ้ะ” แพรไหมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ราวกับยกภูเขาออกจากอก ความตึงเครียดบนใบหน้าคลายลงเล็กน้อย
แพรไหมเพียงต้องการความแน่ใจในความรักของสามี เพราะความงามเฉิดฉายของ แซนดี้ ราวกับยาพิษเคลือบน้ำตาลที่อาจล่อลวงชายใดให้หลงใหลได้ง่ายดาย ยิ่งแพรไหมรับรู้ถึงความปรารถนาที่เก็บกดอยู่ภายในใจของกรกฎมากเท่าไหร่ ความกังวลก็ยิ่งทวีคูณเป็นเงาตามตัว และในช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนล้าจากความเจ็บปวดของประจำเดือน ความเปราะบางในจิตใจก็ยิ่งเปิดช่องให้ความหวาดระแวงกัดกินหัวใจของเธอมากขึ้นเท่านั้น