คนที่อยู่ข้างๆ

1349 คำ
มนสิชารอไม่นานนักนายแพทย์ท่านหนึ่งก็ออกมาแจ้งอาการของผู้ป่วย “หมอคะ ยายของฉันเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามด้วยความร้อนใจ “ยายของคุณมีอาการน้ำท่วมปอดอาจจะต้องให้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาขับปัสสาวะจากนั้นก็ต้องประเมินดูอีกทีหนึ่งว่าหัวใจเป็นยังไงบ้าง” “แล้วเรื่องที่จะต้องทำบอลลูนล่ะคะ” “เรื่องนั้นเราค่อยดูกันอีกทีครับ ตอนนี้เราต้องรีบรักษาภาวะหัวใจวายเฉียบพลันก่อน เดี๋ยวเราจะย้ายยายของคุณไปนอนบนวอร์ดก่อนเพื่อรักษาอาการต่อครับ” “หมอคะยายจะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ” “หมอยังให้คำตอบไม่ได้เพราะร่างกายของคนไข้ค่อนข้างอ่อนแออีกครั้งโรคต่างๆ ก็รุมเร้าตอนนี้ท่านยังตรวจเจอเบาหวานอีกด้วย” “อะไรนะคะ ยายเป็นเบาหวานเหรอคะ” มนสิชาตกใจเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย “ครับระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก คงต้องตรวจละเอียดอีกครั้งถึงจะรู้ ระหว่างนี้จนถึงเช้าอย่าเพิ่งให้ยายคุณทานอะไรนะครับ จนกว่าจะเจาะเลือดในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้” “ได้ค่ะคุณหมอ แล้วมันจะอันตรายมากไหมคะ” “ผมไม่รู้ว่าท่านเป็นมานานหรือยังนะ” “ยายไม่เคยบอกเลยค่ะว่าเป็นเบาหวาน” “แต่เท่าที่ตรวจวันนี้ระดับน้ำตาลในเลือกสูงมาก และถ้าระดับน้ำตาลสูงมากๆ มันก็อาจจะทำให้ท่านหมดสติได้ ถ้าตรวจแล้วท่านเป็นโรคเบาหวานจริงๆ พยาบาลจะให้คำแนะนำคุณเองว่าควรดูแลท่านยังไงบ้าง” “ค่ะ คุณหมอ ขอบคุณมากๆ นะคะ” ถ้ามนสิชารู้สึกว่าตัวเองนั้นผิดมากที่ทิ้งให้ยายของตนเองอยู่ตามลำพัง เธอคิดว่าถ้าอยู่ดูแลยายที่นี่อย่างใกล้ชิด สุขภาพของยายคงไม่แย่ขนาดนี้ หลังจากแพทย์เจ้าของไข้ออกไปแล้วพยาบาลกับพนักงานก็เข็นร่างของยายที่ยังหลับสนิทออกมาจากห้องฉุกเฉิน มนสิชารีบเดินเข้าไปหาทันที “เดี๋ยวญาติเดินตามมาทางนี้นะคะ เราจะคนไข้ไปวอร์ดอายุรกรรมค่ะ” “ขอโทษนะคะ ที่นี่มีห้องพิเศษไหมคะ” มนสิชาถามพยาบาล “มีค่ะ แต่อาการของคนไข้ยังไม่คงที่หมอเลยอยากให้อยู่ห้องผู้ป่วยรวมไปก่อนค่ะ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือทันค่ะ” พยาบาลประจำห้องฉุกเฉินบอกกับมนสิชา เมื่อมาถึงวอร์ดพยาบาลก็แจ้งระเบียบการสำหรับการเฝ้าผู้ป่วยและการเยี่ยมให้กับมนสิชาและพ่อเลี้ยงทิศเหนือที่ขอเดินตามมาด้วยทราบ “เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงถึงจะหมดเวลาเยี่ยม ผมว่าคุณไปทานข้าวและเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับมานอนเฝ้ายายดีกว่าไหม” “ฉันห่วงยาย ถ้าท่านตื่นมาแล้วไม่เจอฉันกลัวท่านเสียใจ” “ผมจะอยู่เป็นเพื่อนท่านเอง หมอก็บอกแล้วว่าท่านอาจจะหลับถึงเช้าเพราะยาที่ท่านได้จะทำให้ท่านได้นอนพักอย่างเต็มที่” “คุณจะกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันจะโทรตามน้าสายหยุดมาเอง” “คุณจะเฝ้าเองหรือให้น้าสายหยุดเฝ้าล่ะครับ” “ฉันจะเฝ้าเองค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องให้น้าสายหยุดมาหรอก กว่าจะมาถึงก็หมดเวลาเยี่ยมกันพอดี คุณรีบไปเถอะ” “ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยง ฉันไปไม่นานฝากยายด้วยนะคะ ถ้ามีอะไรด่วนคุณต้องรีบโทรหาฉันนะคะ” หญิงสาวจึงรีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับการนอนเฝ้าและของใช้สำหรับยายช่อเอื้องซึ่งพยาบาลบอกแล้วว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง เธอกลับมาถึงโรงพยาบาลก็เกือบจะสองทุ่ม “ผมขอตัวกลับก่อนนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาตามผมได้ตลอด” พ่อเลี้ยงทิศเหนือบอกกับมนสิชาที่ดูแล้วยังวิตกกังวลกับอาการป่วยของยายช่อเอื้องจนเห็นได้ชัด “แค่นี้ฉันก็เกรงใจคุณมากแล้ว ถ้าไม่ได้คุณไม่รู้ว่ายายจะเป็นยังไงบ้าง” “อย่าคิดมากเลยตอนนี้ยายคุณก็อยู่ใกล้หมอแล้ว อย่าลืมนะ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอด” “ค่ะ พ่อเลี้ยง” พ่อเลี้ยงทิศเหนือออกจากโรงพยาบาลแล้วก็แวะทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งด้านหน้าโรงพยาบาลก่อนตรงกลับบ้านของตนเอง พอมาถึงแม่เลี้ยงบุปผาที่นั่งดูทีวีอยู่ก็รีบถามถึงการไปทานอาหารกับมนสิชาทันที “เป็นยังไงบ้าง หนูน้ำปิงน่ารักไหม คุยสนุกหรือเปล่า แม่ว่าเราคงไม่ทำเฉยชาใส่เธอนะ แล้วนัดครั้งต่อไปเมื่อไหร่ล่ะ” “ใจเย็นสิครับแม่” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นมารดา “แม่อยากรู้ว่าเรากับหนูน้ำปิงพอจะมีโอกาสได้คบหาดูใจกันไหม” “ผมว่าเรื่องนั้นเธอคงยังไม่คิดกรอกครับ” “อ้าว! ทำไม หรือลูกทำให้เธอไม่พอใจอะไรหรือเปล่า” “ที่ผมบอกว่าเธอคงยังไม่คิดอะไรเพราะตอนนี้เธอมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะครับ ยายช่อเอื้องเพิ่งจะเข้าโรงพยาบาลเมื่อกี้นี้เอง” “ตายจริง แล้วยายแกเป็นอะไรเยอะไหม หมอว่ายังไงบ้าง” “หมอว่ายายมีน้ำท่วมปอดจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน แล้วก็ระดับน้ำตาลในเลือดสูงครับ” “อยู่โรงพยาบาลไหน พรุ่งนี้แม่จะได้ไปเยี่ยมแต่เช้า” “โรงพยาบาลให้เข้าเยี่ยมได้แค่เที่ยงบ่ายโมงแล้วก็หกโมงเย็นถึงสองทุ่มครับแม่” “ทำไมเยี่ยมได้นิดเดียว” “มันเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลนะครับแม่ เขาต้องกำหนดเวลา” “หนูน้ำปิงเฝ้าคุณยายเองหรือให้สายหยุดเฝ้าล่ะ” “เธอเฝ้าเองครับ” “เธอคงลำบากแน่เลยนะ แม่เคยไปเฝ้าพ่อของเราอยู่เป็นเดือนต้องปูเสื่อนอนตรงพื้นระหว่างเตียงปวดเนื้อปวดตัวไปหมดเลยแหละ ถ้ายังไงแม่ว่าหนูน้ำปิงคงต้องหาคนมาเปลี่ยนเธอเฝ้าบ้าง” “พรุ่งนี้แม่ก็ลองคุยกับเธอสิครับ” “เหนือจะไปกับแม่ไหม” “ถ้าว่างก็จะไปครับ” เขาตั้งใจจะไปอยู่แล้วเพราะรู้สึกเห็นใจมนสิชา แต่ถ้าตอบมารดาไปก็ไม่วายว่ามารดาจะรีบจับคู่ให้เขากับเธอซึ่งเขายังไม่คิดกับเธอไกลขนาดนั้น “ว่างไม่ว่างก็ควรจะไปนะ หนูน้ำปิงกับยายช่อเอื้องไม่มีญาติที่ไหนเลย เราควรไปเยี่ยมนะ เธอคงกำลังเสียขวัญ” “แล้วญาติคนอื่นๆ ละครับ ผมว่าเธอคงแจ้งข่าวไปทั่วแล้ว” “เท่าที่แม่รู้ยายช่อเอื้องไม่เหลือญาติที่ไหนแล้วล่ะ เธอมีกันแค่สองคน ตั้งแต่เธอย้ายมาทำงานเป็นครูที่นี่ก็ไม่เคยเห็นเธอติดต่อกับใครอื่นเลย” แม่เลี้ยงบุปผาเล่าเรื่องในอดีตของยายช่อเอื้องที่ย้ายมาทำงานเป็นครูที่นี่เมื่อ 26 ปีก่อน เธอมาพร้อมกับลูกสาวที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่เคยมีใครเห็นว่าสามีของลูกสาวเป็นใคร พอชาวบ้านถามเธอก็บอกว่าพ่อของเด็กในท้องตายไปแล้ว และหลังจากคลอดลูกสาวได้ไม่กี่วันแม่ของมนสิชาก็กินยาฆ่าตัวตาย จากนั้นยายช่อเอื้องก็เลี้ยงหลานมาตามลำพัง พอได้ฟังเรื่องครอบครัวของหญิงสาวความเห็นใจที่มีต่อมนสิชาก็มีมากขึ้นก็มากขึ้น “ถ้างั้นผมจะเคลียร์งานให้เสร็จแล้วเราไปเยี่ยมด้วยกันตอนเที่ยงก็ได้” “แม่จะทำอาหารไปให้ยายช่อเอื้องด้วย” “ไม่ต้องหรอกครับแม่ ผมว่ายายไม่น่าจะทานอาหารปกติได้” “งั้นเราเอาไปให้หนูน้ำปิงก็ได้” “แล้วแต่แม่เลยครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม