“ใช่สิ อย่าลืมว่าเธอคือแม่และฉันคือพ่อหรือเธอกลัวที่จะนอนห้องเดียวกับฉัน”
“ใครกลัวกันล่ะคะ ก็แค่นอนด้วยกันคุณคงไม่คิดทำอย่างอื่นใช่ไหม”
“ทำอย่างอื่นหมายถึงเหมือนเมื่อคืนเหรอ แต่เมื่อคืนเธอขอร้องให้ฉันช่วยเธอเองนะ หรือจำไม่ได้”
“จำได้สิ ฉันจำได้ทุกอย่าง” นฤดาตอบเขาอย่างมั่นใจเธอจำได้ว่าเขาพามาในห้องนอนและเธอขอร้องให้เขาช่วยจากนั้นก็จำเรื่องที่เหลือไม่ได้ แต่คิดแล้วว่าตอนนี้ตัวเองคงเสียความบริสุทธิ์ให้กับเขาไปแล้ว แม้จะอดแปลกใจที่ตื่นเช้ามาผ้าปูที่นอนไม่มีเลือด ไม่รู้สึกเจ็บจนเดินแทบไม่ได้เหมือนนิยายที่อ่านแต่เธอเปลือยกายล่อนจ้อนต่อหน้าเขาแบบนั้นคงไม่มีผู้ชายคนไหนปล่อยให้เธอนอนอยู่เฉยๆ เป็นแน่
หรือที่เธอไม่เจ็บไม่มีเลือดเพราะขนาดของเขามันเล็กมากก็เป็นได้ นฤดาหัวเราะคิกๆ เมื่อนึกไปถึงขนาดน้องชายของเขา
“เธอหัวเราะแบบนี้หมายความว่ายังไงไม่เสียใจเลยเหรอ”
“เสียใจสิคะ เป็นใครก็ต้องเสียใจด้วยกันทั้งนั้น แต่มันก็เรียกร้องอะไรคืนมาไม่ได้ อีกอย่างผู้ชายสมัยนี้เขาก็ไม่สนใจกันหรอกค่ะว่าผู้หญิงจะยังบริสุทธิ์ไหม เขาสนแค่ลีลาบนเตียงแค่นั้นอง”
“ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน” เขามองเธออย่างผิดหวังเพราะไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่ไม่ประสีประสากับการจูบจะคิดแบบนี้
“มีคนบอกหวานมาค่ะ หวานถึงไม่เสียใจเท่าไหร่ที่นอนกับคุณเป็นคนแรก แต่แปลกนะคะ” เธอพูดแล้วก็กลั้นขำ
“อะไรที่แปลกแล้วจะหัวเราะทำไม”
“หวานไม่อยากพูดหรอกค่ะกลัวคุณเสียใจ” นฤดาตะแคงข้างให้เขาและทำท่าจะหลับตาลง
“เธอต้องพูดนะ หันมาพูดกับฉันก่อน” เขาจับแขนเธออย่างแรงเพื่อให้หันมาพูด
“โอ๊ย หวานเจ็บนะ”
“เบาๆ หน่อยสิเดี๋ยวลูกตื่น”
“ก็หวานเจ็บนี่”
“เธอจะเจ็บกว่านี้ถ้ายังไม่บอกว่าหัวเราะอะไร”
“เอาสิ ถ้าคุณทำหวานเจ็บหวานจะตะโกนจนจัสมินตื่น” เธอต่อรองเพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ต้องยอม
“ฉันให้เธอหนึ่งหมื่น”
“ค่าอะไรคะ”
“ถ้าเธอบอกว่าหัวเราะเรื่องไร”
“หวานไม่อยากพูดกลัวว่าคุณจะไม่สบายใจ”
“ห้าหมื่น” เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดขอเธอเขาก็เพิ่มจำนวนเงินขึ้น
“ถึงหวานจะเห็นแก่เงินแต่เรื่องที่จะพูดมันก็ไม่ดีกับคุณเลย หวานไม่พูดดีกว่าค่ะ อีกอย่างถ้าหวานพูดออกไปคุณต้องโกรธหวานแน่ๆ” แม้อยากจะได้เงินมากแต่คิดแล้วว่ามันคุ้มเพราะถ้าเขาไม่พอใจขึ้นมาเธอจะไม่เงินค่าจ้างอีกครึ่งหนึ่ง
“ฉันจะไม่โกรธและจะเพิ่มเงินให้เป็นหนึ่งแสน” ลูคัสอยากรู้ว่าเธอหัวเราะอะไร เขาโอนเงินเข้าบัญชีของเธอหนึ่งแสนบาทตามที่พูดอย่างรวดเร็ว
“เธอรับเงินฉันไปแล้วทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าหัวเราะไร”
“หวานเคยอ่านนิยายมาเขาว่าเวลามีอะไรกันครั้งแรกมันจะเจ็บมาก บางที่เดินแทบไม่ได้แต่หวานไม่รู้สึกอะไรเลยหวานก็เลยคิดว่าไอ้นั่นของคุณมันคงเล็กจนหวานไม่รู้สึกอะไรเลย”
“เธอจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะ” เขาโมโหและโวยวายเสียงดังไปทั่วรถไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเขามาก่อน
“แดดดี๊ขา แดดดี๊ดุหม่ามี้ทำไมคะ” จัสมินได้ยินเสียงบิดาก็ตกใจตื่นและหันมาเห็นเขากำลังจ้องหน้ามารดาของตนก็รีบพูดขึ้น
“เห็นไหมล่ะ เสียงดังจนจัสมินตื่นจนได้”
“แดดดี๊ขอโทษ แดดดี๊ก็แค่ตกใจนิดหน่อย”
“ตกใจอะไรคะ แล้วทำไมแดดดี๊ต้องทำหน้ายักษ์ใส่หม่ามี้ของจัสมินด้วย”
“ไม่อะไรค่ะจัสมิน หนูนอนต่อเถอะค่ะ”
“จัสมินไม่อยากนอนแล้วจัสมินจะดูการ์ตูน หม่ามี้มานั่งกับจัสมินได้ไหมคะ”
“ได้สิ เราดูการ์ตูนกันดีกว่านะคะอย่าไปสนใจคนที่ชอบทำหน้ายักษ์เลยค่ะ” นฤดารีบย้ายมานั่งคู่กับจัสมินเพราะกลัวว่าถ้ายังนั่งอยู่ที่เดิมเขาจะหักคอเธอเวลาที่จัสมินเผลอ
ลูคัสมองเธออย่างคาดโทษ ไม่มีใครดูถูกเขาแบบนี้มาก่อนและคนอย่างเขาจะต้องทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดออกมานั้นมันผิด
เมื่อมาถึงหัวหินในเวลาบ่ายและแดดยังแรงอยู่จัสมินไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาจากบ้านพักแต่เธอก็ไม่งอแงเพราะมีนฤดาคอยเล่นอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวพยายามจะอยู่กับจัสมินตลอดเวลาเพราะรู้ว่าลูคัสจะไม่ทำอะไรเธอต่อหน้าลูกสาว
“หมามี๊ขา หมามี๊จะต้องไปทำงานไกลๆ อีกไหมคะ”
“ไม่แล้วค่ะ”
“เย้ๆ จัสมินดีใจที่สุดเลยค่ะ แล้วหม่ามี้จะไปอยู่สิงคโปร์กับจัสมินไหมคะ” คำถามของจัสมินไม่ผิดไปจากที่ลูคัสเคยพูดไว้เลย
"จัสมินขา ถ้าหม่ามี้ไปอยู่กับหนูที่สิงคโปร์แล้วใครจะดูแลแดดดี๊ที่เมืองไทยล่ะคะลูก”
“ก็ให้อาคริสกับอาเฉินดูแลไงคะ จัสมินอยากให้หม่ามี้ไปอยู่ด้วยนะคะหม่ามี้”
“ย่าว่าให้หม่ามี้ของหนูอยู่ช่วยแดดดี๊ทำงานที่เมืองไทยดีกว่านะคะ”
“แต่จัสมินต้องคิดถึงมากๆ แน่เลยค่ะ”
“เอาไว้มีวันหยุดค่อยให้หม่ามี้ไปหาดีไหมคะ แดดดี๊จะพาไปเอง”
“ถ้าหม่ามี้ไปไม่ด้วยจัสมิขออยู่กับหม่ามี้ได้ไหมคะ”
“ถ้าหนูอยู่ที่นี่แล้วใครจะดูแลบ้านที่นั่นล่ะคะ น้องตุ๊กตาต้องคิดถึงหนูมากแน่ๆ เลย” มารดาของชายหนุ่มช่วยพูด
“จัสมินไม่อยากให้หม่ามี้ไปเห็นเหรอคะว่าบ้านที่สิงคโปร์เป็นยังไง สวยไหมหม่ามี้ยังไม่เคยไปที่นั่นเลยค่ะ ถ้าหม่ามี้ไปหาหนูจะพาหม่ามี้ไปเที่ยวได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ จัสมินจะพาหม่ามี้เที่ยวเองค่ะ”
ผู้ใหญ่พากันยิ้มออกเมื่อจัสมินยอมทำตามที่นฤดาพูด แต่คนพูดกลับยิ้มไม่ออกเพราะไม่รู้จะทำได้อย่างที่พูดไหม
“แต่ตอนนี้ย่าว่าพวกเราไปเปลี่ยนชุดกันดีไหม จะได้ออกไปเล่นที่ชายหาดตอนนี้แดดไม่มีแล้ว”
“ดีค่ะคุณย่า หม่ามี้ไปเปลี่ยนชุดกับจัสมินนะคะ พี่ส้มโอขา ช่วยเอาของเล่นไปรอที่ชายหาดให้จัสมินได้ไหมคะ จัสมินอยากสร้างปราสาททรายกับหม่ามี้”
“ได้ค่ะคุณหนู พี่ส้มโอเตรียมของเล่นมาเยอะเลยค่ะ”
“แดดดี๊ขาเราไปเล่นด้วยกันนะคะ”
“ได้สิคะ” เห็นลูกสาวร่าเริงและมีความสุขแบบนี้ลูคัสเลยยังไม่อยากทำโทษนฤดาอย่างที่คิดไว้แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้เธอเข้าใจเขาผิดๆ แบบนี้
นฤดามองชุดว่ายน้ำที่คนของเขาเตรียมมาให้แล้วก็ถอนหายใจเพราะมันปิดอะไรแทบไม่มิดเลยแล้วเธอจะใส่แบบนี้ต่อหน้าจัสมินและคนอื่นคงไม่เหมาะแน่แล้วไหนจะรอยที่เขาทำไว้ตามเนินอกและลำคอมันก็ยากที่จะปกปิดจนหมดทุกที่ หญิงสาวจึงสวมเสื้อยืดสีขาวทับลงไปเพราะอย่างน้อยมันก็ดูมิดชิดกว่าเดิม
“หม่ามี้ไม่มีชุดว่ายน้ำเหรอะคะ” จัสมินถามขึ้นเพราะตอนนี้ตนเองสวมชุดว่ายน้ำเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
“มีค่ะ แต่จัสมินบอกว่าเราจะก่อปราสาททรายกันก่อน หม่ามี้ขอใส่เสื้อแบบนี้ก่อน ถ้าจะเล่นน้ำค่อยถอดออกค่ะ”
“หม่ามี้กลัวผิวเสียใช่ไหมคะ แดดดี๊บอกว่าให้ทาครีมกันแดดด้วยค่ะ”
“ใช่ค่ะ แล้วจัสมินทาหรือยังคะให้หม่ามี้ทาให้ไหม”
“พี่ส้มโอทาให้จัสมินแล้วค่ะ หม่ามี้ทาให้แดดดี๊ด้วยได้ไหมคะแดดดี๊ไม่ค่อยชอบทา”
“แดดดี๊โตแล้วน่าจะทาเองได้ค่ะ”
“ทาเองได้ที่ไหน ข้างหลังฉันทาไม่ถึง” ลูคัสรีบบอก
“หมามี้ทาให้แดดดี๊นะคะ แล้วแดดดี๊ก็ทาข้างหลังให้หม่ามี้ด้วยจัสมินขอไปกับพี่ส้มโอก่อนนะคะ” เด็กหญิงตัวน้อยออกคำสั่งจากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปหาพี่เลี้ยงที่ยืนรออยู่แล้ว