ดวงตากลมเบิกกว้าง เธอเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เขายิ่งเป็นคนที่ชอบทำอะไรพิเรนทร์ ๆ เสียด้วย
“คะ...คุณกองทัพ” เรียกเขาเสียงสั่น
แต่เมื่อมองสบเข้ากับดวงตาคมที่ฉายแววพราวระยับอยู่ สุดท้ายก็ได้แต่จำใจทำตามที่เขาต้องการ
ร่างเล็กสลัดรองเท้าออกก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ แล้วหันหลังให้อีกฝ่าย ทั้งที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบชิ้น แต่เธอกลับรู้สึกผ่าวร้อนไปทั่วกาย
“โน้มตัวไปด้านหน้าแล้วยกสะโพกขึ้น” เขาสั่งต่อ
ซึ่งหญิงสาวก็ทำตามอย่างว่าง่าย จนตอนนี้ร่างเพรียวระหงกำลังอยู่ในท่วงท่าน่าหวาดเสียว
เพราะความสูงของโต๊ะสนุกเกอร์ทำให้สะโพกกลมลอยเด่นอวดสายตาคนมองได้ดี ฝ่ามือหยาบส่งไปลูบไล้โคนขาอ่อน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปด้านบน สอดเข้าไปใต้กระโปรงยีนส์ที่รั้งสูงจนเกือบเห็นแก้มก้น
“ทำไมใส่กระโปรงสั้นแบบนี้” กองทัพเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบเรื่อย ทว่าก็แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
เขาบีบขย้ำก้นเนียนเต็มมือ ก่อนจะจัดการถลกกระโปรงตัวสั้นขึ้นไปกองไว้บนช่วงเอวคอด แล้วค่อยวกกลับมาใช้นิ้วเรียวเกี่ยวรั้งแพนตี้ตัวจิ๋วลง จนเผยให้เห็นกลางกายสาวได้อย่างเต็มตา
“คะ...คุณ อ๊า!” เสียงหวานขาดห้วง เผลอเปล่งเสียงครางออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเขาซุกใบหน้าลงกับร่องของเธอจากด้านหลัง ตวัดปลายลิ้นเลียกลีบเนื้อสาวจนเธอตัวกระตุก สองมือหนาคว้าหมับเข้าที่แก้มก้นกลมกลึง ยึดร่างเธอไว้กับที่
ลิ้นหนาชโลมเลียใจกลางความเป็นสาวระรัว ก่อนเกร็งลิ้นสอดแหวกเข้าไปในร่องรักของเธอ ขยับเข้าออกถี่รัวจนคนตัวเล็กร้องครางเสียงลั่นห้อง
ยิ่งบรรยากาศในห้องที่เปิดไฟสีแดงสลัว พร้อมด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ยิ่งทำให้เธอมีอารมณ์ จนเผลอร่อนสะโพกรับลิ้นร้อนของคนด้านหลัง
กองทัพที่กำลังละเลงปลายลิ้นอยู่หยุดชะงัก เขาผละใบหน้าออกมาจากร่องสาว แล้วรั้งร่างเล็กให้กลับลงมายืนบนพื้น กดแผ่นหลังเนียนให้ช่วงบนนอนราบไปกับโต๊ะ ทำให้สะโพกสวยกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับเป้ากางเกงเขาอีกครั้ง
“ไปทำที่ห้องนอนได้ไหมคะ” เสียงร้องขอเขาอย่างเว้าวอน เธอกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน หรือลูกน้องเขาเปิดเข้ามาเห็นกิจกรรมสุดหวาดเสียวของเราได้
แต่คนเอาแต่ใจก็คือคนเอาแต่ใจ นอกจากจะไม่ฟังแล้ว เขายังรีบปลดเข็มขัด ตามด้วยกระดุมกางเกง รูดซิปลงอย่างรวดเร็วก่อนจะควักเอาท่อนเนื้อที่ขยายตัวเต็มที่ออกมา ขยับข้อมือชักรูดจนมันแข็งได้ที่
“เธอก็อย่าร้องดัง เข้าใจไหม? ซี๊ด!” เขาพูดขณะที่จับลำเอ็นมาจ่อที่ช่องทางรัก ก่อนจะกดปลายหัวหยักฝ่าความคับแน่นเข้าไปช้า ๆ
“อ๊ะ อ๊า!” ใบหน้าสวยแนบลงกับพื้นโต๊ะ สองมือจิกทึ้งผ้าสักหลาดระบายความคับแน่น สัมผัสเนื้อแนบเนื้อจากการที่เขาไม่ได้สวมเครื่องป้องกัน ทำให้เธอรู้สึกได้มากกว่าปกติ
เขาดันเข้าไปได้ครึ่งลำก็กระแทกส่วนที่เหลือเข้าไปพรวดเดียว จนคนตัวเล็กอ้าปากค้าง จะร้องก็ร้องไม่ออก
กองทัพเลื่อนมือไปกดแผ่นหลังบางไว้ ก่อนจะเริ่มหมุนควงลำกาย คว้านครูดโพรงเนื้อสาวจนถ้วนทั่ว แล้วจึงเริ่มกระแทกกายเข้าออก จากจังหวะเนิบช้าก็รัวเร็วขึ้น
เอวสอบตอกกระแทกเข้าลึกออกสุดในทุกจังหวะ ทำให้เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลน คลอเคล้าไปกับเสียงครางหวานที่ดังระงม
สะโพกหนาหยุดขยับไปเสียดื้อ ๆ เขาถอดถอนลำเอ็นออก จับพลิกร่างบางให้หันกลับมาหาตัวเอง ก่อนยกร่างเธอขึ้นนั่งบนขอบโต๊ะอย่างหมิ่นเหม่ โดยมีมือหนาคอยประคองไว้
ชายหนุ่มสอดลำกายกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง ตามด้วยเรียวขาเล็กที่ตวัดเกี่ยวเอวเขาไว้กันตก ใบหน้าหล่อโน้มลงไปประกบจูบเธอหนักหน่วง สองมือดึงรั้งเสื้อพร้อมทั้งเกาะอกของเธอลง ตวัดปลายนิ้วบีบขยี้ยอดอกสีหวานระรัว
“อื้อ! อ๊ะ ๆ คุณ” เมื่อเขาผละริมฝีปากออก เสียงหวานก็ครวญครางดังลั่น
เอวสอบเริ่มกระแทกกระทั้นเข้าออกอีกหน บดเบียดกระทุ้งลำกายเข้าลึกจนหญิงสาวผวาขึ้นกอดเรือนกายหนา
ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว สุดท้ายก็คล้อยตามเขาไปจนจบ บทรักเร่าร้อนสิ้นสุดลงในยามเกือบฟ้าสาง โดยที่มัดหมี่สลบไสลไปคาอกของชายหนุ่ม
แสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอนกว้าง บนเตียงนอนขนาดใหญ่มีสองร่างนอนเปลือยกายกอดก่ายกันอย่างแนบชิด
เปลือกตาสีอ่อนลืมขึ้นช้า ๆ กระพริบปรับสายตาไม่กี่ครั้งก็ตื่นขึ้นเต็มตา เหลือบมองเพดานห้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองคนข้างกาย ที่กำลังใช้วงแขนแข็งแรงกอดรัดตัวเธอไว้แนบกับอกกว้าง
มัดหมี่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่นัก เนื้อตัวปวดระบมไปหมด โดยเฉพาะช่วงล่างที่คล้ายจะแหลกละเอียด
เนื่องจากต้องรับมือกับคนเอาแต่ใจจนถึงช่วงก่อนเช้ามืด ทำให้เธอเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว และนอนไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ของเธอนั้นไม่สดใสเสียเลย
คิดอะไรเรื่อยเปื่อยได้ไม่นาน หญิงสาวก็เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง พอเห็นว่าใกล้ถึงเวลาไปเรียนแล้ว เธอจึงพยายามขยับตัวออกการกอดรัดของเขา ทว่าวงแขนแข็งแรงของเขากลับหนักอึ้งและรัดแน่นจนเธอขยับไปไหนไม่ได้ สุดท้ายจึงจำใจต้องปลุกคนข้างกายแทน
“คุณกองทัพคะ” เธอเรียกชื่อเขาพลางใช้มือสะกิดเข้ากับท่อนแขนแกร่งซึ่งพาดอยู่บนร่างของเธอ
สะกิดอยู่ไม่กี่ครั้งคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ก็งัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด จากการถูกรบกวนการนอน ดวงตาคมที่ยังตื่นไม่เต็มตามองคนในอ้อมกอดพลางเอ่ยถาม
“ปลุกทำไม” เสียงทุ้มแหบต่ำของคนเพิ่งตื่นเอ่ยขึ้น เขาเพิ่งได้นอนไปไม่ถึงสามชั่วโมงจึงรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พอโดนปลุกก็พาลให้อารมณ์ไม่ดีไปด้วย ทั้งที่ก็เป็นเขาเองที่ทำให้เราทั้งคู่ต่างแทบไม่ได้นอน
“มัดต้องเตรียมตัวไปเรียนแล้วค่ะ” เธอบอกเหตุผลกับเขาต่อด้วยร้องขอ “ช่วยปล่อยกอดก่อนได้ไหมคะ”
ทว่าคนที่ยังนอนไม่เต็มอิ่มกลับเลือกที่จะเมินเฉย หนำซ้ำยังกระชับกอดเธอแน่นขึ้นแล้วหลับตานอนต่ออย่างสบายใจ จนเธอต้องปลุกเขาอีกครั้ง เพราะไม่เช่นนั้นเธอได้ไปเรียนไม่ทันแน่ นี่ก็เทอมสุดท้ายแล้วเธอไม่อยากให้เสียการเรียน
“คุณกองทัพคะ มัดต้องไปเรียนนะ” มือเล็กสะกิดแขนเขายิก ๆ จนสุดท้ายก็ได้ยินเสียงถอนหายใจแรง ๆ ของคนตัวสูง เขายอมปล่อยแขนออกจากตัวเธอแต่โดยดี
เมื่อได้รับอิสระหญิงสาวก็รีบลุกขึ้นจากเตียง แม้จะรู้สึกแสบกลางกายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร มัดหมี่รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ จัดการกับร่างกายตัวเองจนสะอาดแล้วจึงเดินออกมา โดยที่สวมเพียงชุดคลุมตัวเดียว
เธอเดินเข้าไปในส่วนของห้องแต่งตัว ซึ่งมีประตูเชื่อมจากห้องนอน ร่างเล็กเลือกหยิบชุดของเจ้าของบ้านออกมาหนึ่งชุด แล้วแขวนเตรียมไว้ที่ราวเล็กเพื่อให้เขาได้ใส่ในวันนี้ ก่อนเธอจะปลดชุดคลุมอาบน้ำออกจากกาย เผยผิวเนื้อเนียนใสที่มีร่องรอยจากการกระทำของคนตัวสูงอยู่
เป็นเพราะเธอมาค้างที่นี่อยู่บ่อยครั้งทำให้มีเสื้อที่จำเป็นอยู่พอสมควร เธอรีบสวมชั้นในทั้งบนและล่างให้เรียบร้อย ขณะที่กำลังจะสวมเสื้อนักศึกษานั้น หางตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า
“คะ...คุณกองทัพ...” เธอร้องเรียกเขาเสียงแผ่ว พร้อมกับแก้มเนียนที่เริ่มซับสีเลือด
ใครจะไปคิดว่าเขาจะมายืนดูเธอแต่งตัวล่ะ ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ตอนไหนด้วย เธอได้แต่คิดในใจ ขณะที่มือก็รีบหยิบเสื้อผ้ามาสวม
กองทัพมองคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู เขาชอบแกล้งให้เธอเขิน เพราะเวลาที่แก้มเนียน ๆ นั่นขึ้นสีมันน่ารักจนเขาอยากจะฟัดให้ช้ำเลยล่ะ