“ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงจัดการผู้หญิงคนนี้ให้เรียบร้อย” ช่างแต่งหน้าร่างใหญ่ใจสาวพยักหน้าหลังได้ยินคำสั่งของผู้ว่าจ้าง เขาวางเดรสตัวสั้นบนเตียงก่อนหมุนกายจากไป
“หญ้าฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ด้วยนะคะ” หล่อนแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ผู้หญิงสวยพริ้งแถมใจดีขนาดนี้ตกหลุมรักผู้ชายเหมือนปีศาจแดรกคูลาอย่างปุรินได้อย่างไร รอยยิ้มหวานบนริมฝีปากสามารถละลายไอเย็นเมื่อครู่ให้จางหายทันตา
“ค่า พี่จะเนรมิตให้หนูสวยที่สุดเลยคืนนี้” ช่างแต่งหน้าสาวสองว่าก่อนเดินนำไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง มือเปิดกระเป๋านำเครื่องสำอางที่เตรียมมาจัดวางอย่างเรียบร้อย คล้อยหลังหล่อนแววตากังวลลอบมองอาภรณ์ชิ้นน้อยบนเตียงพลางถอนหายใจ
“แต่ชุดนี้ไม่เซ็กซี่ไปเหรอคะไม่มั่นใจเลย” มินิเดรสสายเดี่ยวไขว้สุดเซ็กซี่อวดแผ่นหลังนวลเนียน พร้อมจี้ใบโคลเวอร์สีขาวล้อมมุกทำหญิงสาวไม่เป็นตัวเอง เธอไม่เคยแต่งตัวเซ็กซี่ขนาดนี้แถมต่อหน้าคนที่ชอบอีก แค่คิดแก้มก็แดงก่ำ หัวใจดังตึกตักราวกับเต้นระบำอยู่
“พี่ไม่มีชุดอื่นแล้วเหรอคะ”
“ทั้งหมดนี้คุณปุนเลือกเองกับมือ บอกตรงๆ นะคะพี่ไม่กล้าถามไม่กล้าขัดคำสั่งนายจ้างค่ะ หน้าที่พี่คือแค่ช่วยหนูแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยที่สุด”
“เขาบอกพี่หรือเปล่าคะ ว่าจะพาหญ้าไปไหน” คิ้วพาดเรียงย่นจับปม ก่อนแยกกับเหมือนไหมญดารินได้รับข้อความตามตัวกลับเพนต์เฮาส์ เพราะทีแรกปุรินบอกต่างคนต่างแยกย้ายไปคนละทาง แต่อยู่ดีๆ พ่อเลี้ยงหนุ่มกลับเปลี่ยนใจกะทันหัน หนำซ้ำยังเนรมิตทุกอย่างไว้พร้อม
“ไม่ทราบเลยค่ะ คุณน้องอย่าคิดมากเลย มาแต่งหน้ากันดีกว่า หนูต้องมั่นใจเยอะๆ นะ หน้างี้ผิวงี้เป็นดาราได้สบาย” หล่อนระบายยิ้มให้กำลังใจ ไม่ถึงชั่วโมงจากนางฟ้าแสนหวานพลันเปลี่ยนเป็นแมวยั่วสวาทเซ็กซี่ เหมาะสมกับซาตานเดินดินนามว่าปุรินที่สุด
รูฟท็อปในโรงแรมหรูใจกลางเมืองสะท้อนแสงสีของมหานครซึ่งไม่เคยหลับใหล บริกรหน้าตาดีคำนับหนุ่มสาวก่อนหมุนเท้าพาทั้งคู่ตรงไปทางมุมลับข้างใน แววตาหม่นเศร้าชำเลืองมองแผ่นหลังสามีเสร็จก็พรูลมหายใจ ระหว่างทางมาที่นี่ปุรินไม่พูดกับเธอสักคำ ญดารินไม่อยากทึกทักไปเองว่าอีกฝ่ายพามาดินเนอร์กลางแสงเทียน เพราะระหว่างเราคงไม่มีความโรแมนติกแบบนั้น ตอนเช้าเขายังขู่ฟ่อไม่ต้องการให้เธอเป็นสมาชิกในครอบครัวอยู่เลย พอตกเย็นดันจ้างช่างแต่งหน้าแถมประโคมเครื่องประดับราคาแพง คงไม่มีผีบ้าที่ไหนเข้าสิงให้กลับใจนอกจากแผนการอันแยบยล
“สวัสดีครับคุณเอ” และข้อสงสัยพลันถูกไขกระจ่าง ญดารินชะงักชั่วขณะยามปุรินแย้มยิ้มเป็นมิตรให้ผู้ชายคนหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามมีใบหน้าคมสันรับกับดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาย่นคิ้วเหมือนแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ขยับปากทักทาย
“คุณรู้ได้ไงครับว่าผมชอบดื่มที่นี่”
“เรื่องอะไรของคุณบ้างที่ผมไม่รู้”
“ยอมรับว่าคุณรู้ใจผมแถมตื้อเก่งจริงๆ” โอฬารหัวเราะจากนั้นก็ผินหน้ามาสบตาเธอ ไม่รู้ญดารินมองโลกแง่ร้ายไปหรือเปล่า แต่เธอร้อนๆ หนาวๆ เมื่อแววตาวับวาวประสานสายตา ชายตรงหน้าดูเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญทั่วไปแต่ลึกๆ ญดารินมั่นใจถ้าปุรินลงทุนมาพบอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดา
“แล้วนี่ไม่คิดจะแนะนำสาวสวยข้างกายให้ผมรู้จักหน่อยเหรอครับ”
“นี่ญดาริน ผู้ช่วยผมเอง”
“ผู้ช่วย? ผมพึ่งรู้นะครับคุณปุนมีผู้ช่วยสวยหวานมาก ปกติเจอกันผมเห็นแค่ตุลาการ ไม่คิดเลยว่าจะเก็บของดีไว้ข้างกาย”
“ผมมีเรื่องให้คุณแปลกใจอีกเยอะครับ” ปุรินจิบไวน์ก่อนเอ่ยเสียงเข้ม
“ทักทายคุณเอสิกอหญ้า เขาเอ็นดูเธอนะ” ญดารินสูดลมหายใจเข้าปอดฝืนยิ้มตามคำสั่ง โพรงอกข้างในสั่นสะท้านเอ่อล้นด้วยความเสียใจ เธอไม่ได้โง่จนดูไม่ออกปุรินคงอยากให้เธอเอาใจโอฬาร เขายัดเยียดผู้ชายตรงหน้าโดยไม่ถามความสมัครใจกันสักนิด ยิ่งคิดญดารินยิ่งเจ็บปวด ปุรินเชือดหัวใจดวงน้อยอย่างเงียบเชียบ รู้อีกทีก็ถูกเขาผลักเข้าไปในลานประหาร ไม่มีสัญญาณเตือน
“กอหญ้าค่ะ ผู้ช่วยของคุณปุน ถ้าคุณเอมีข้อสงสัยตรงไหนถามได้ตลอดนะคะหญ้ายินดี”
“จริงๆ ผมก็สงสัยนะ แต่วันนี้ผม…”
“เธอนั่งเป็นเพื่อนคุณเอไปก่อนนะ ฉันเจอคนรู้จักฝั่งนู้น”
“แต่หญ้า…”
“คุณเอครับผมฝากลูกน้องด้วยนะ” พ่อเลี้ยงหน้าโหดตัดบทครั้นเล็งเห็นว่าเหยื่อติดเบ็ด ปุรินไม่รอช้าแทรกจังหวะเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินตามแผนการ เขาอยากยกนิ้วให้ญดารินจริงๆ เสน่ห์และจริตจะก้านของเธอได้ผลดีเกินคาดอยู่ด้วยกันมาตั้งนานพึ่งเห็นประโยชน์ก็วันนี้
ด้านโอฬารทันทีที่ปุรินเปิดทางเขารีบกวักมือเรียกบริกร เสียงทุ้มออร์เดอร์เครื่องดื่ม ไม่ถึงสิบห้านาทีชายหนุ่มก็ยื่นค็อกเทลยอดนิยมให้ สายตาแพรวพราวเคลื่อนมองดวงหน้าละมุน
“ไวน์เลดี้แก้วนี้เหมาะกับคุณ” เสียงนุ่มนวลไม่แข็งกระด้างสวนทางกับลุคภายนอก รอยสักมังกรตามท่อนแขนแกร่ง ดูยังไงก็มาเฟียชัดๆ
“ขอบคุณค่ะ” ญดารินจิบเครื่องดื่มแล้วขยับชิดโซฟา
“ไม่ต้องกลัวผมขนาดนั้นก็ได้ ไม่ทำอะไรคุณหรอก”
“ค่ะ หญ้ารู้ ไม่ได้กลัวแค่หนาว”
“หึ…แน่ใจ” โอฬารทำเสียงหึในลำคอท่าทางอ่อนต่อโลกทั้งน่ารักน่าเอ็นดู
“รู้ใช่ไหม คุณปุนทิ้งคุณไว้แบบนี้ เขาคาดหวังอะไร”
คำพูดตรงไปตรงมามีอิทธิพลมากพอจะบาดหัวใจดวงน้อยให้เหวอะหวะ ญดารินเม้มริมฝีปาก เสียงหวานถามฝั่งตรงข้ามทั้งที่การกระทำของสามีนั้นชัดเจน
“หมายความว่าไงคะ” คนตัวเล็กสีหน้าขมขื่นขณะเถียงเสียงแข็ง
“ฉันไม่เข้าใจคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่” หญิงสาวรู้การหลอกตัวเองช่างโง่เขลาที่สุด แต่ทางออกนี้ย่อมดีกว่ายอมรับว่านอกจากไม่รักแล้วเธอยังไม่เป็นที่ต้องการ
ญดารินไม่มีค่า… คนใจร้ายไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา
“ฉันขอตัว…”
“เดี๋ยว” โอฬารคว้าแขนขาว แววตากรุ้มกริ่มเมื่อครู่หายไปเหลือแต่ความจริงจัง
“สามีที่ทิ้งภรรยาตัวเองไว้กับผู้ชายคนอื่นแบบนี้ คุ้มค่าพอสำหรับความเสียใจของคุณเหรอครับ”
วิวมหานครไม่อาจทำให้ชายหนุ่มสุนทรีย์แม้แต่น้อย สมองเขาหมกมุ่นกับคนข้างใน ทั้งที่ผู้หญิงมากเล่ห์อย่างนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง ญดารินคงจะเอาตัวรอดและทำตามแผนได้สบาย แต่ไม่รู้เหตุใดอาการคันยุบยิบกลางหัวใจถึงยังไม่เลิกรา
แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้ปุน!
ตุลาการติดต่อหาเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน วันนี้โอฬารมีนัดกับพยัคฆ์หรือเมฆ พ่อเลี้ยงเจ้าของอาณาจักรภูพายัพคู่อริตลอดกาลของเขา ปุรินเกลียดความจองหองเย่อหยิ่งของมัน พยัคฆ์คงคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้าเสียเต็มประดา ทั้งที่ก็คนธรรมดามีมือมีตีนเหมือนกัน
ตั้งแต่เล็กจนโตสองหนุ่มผลัดกันแพ้ชนะในทุกเรื่องไม่ว่าจะเรียนหรือกีฬา แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ปุรินแค้นเคือง เกลียดฝ่ายตรงข้ามเข้าไส้คือมันนี่แหละเป็นคนชักนำให้โรสรินรู้จักชายอื่น แถมไอ้เหี้ยนั่นก็ระยำแย่งคนรักเขาไปไม่อายฟ้าอายดิน
‘นายแน่ใจเหรอครับจะทำแบบนี้’
‘อะไรที่มันอยากได้กูจะขวาง’ ปุรินรู้การขัดขาคู่แข่งไม่ได้ใสสะอาด แต่แล้วอย่างไรล่ะในแวดวงธุรกิจถ้าลองไม่เป็นผู้ล่า สุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อ และคนอย่างปุรินไม่มีทางให้ใครขย้ำง่ายๆ ยิ่งคนเลวแบบนั้นนะวิธีนี้แหละเหมาะสมกับมันที่สุด
‘มึงไปหาข้อมูลคุณเอมา ที่เหลือกูจัดการเอง’
‘ให้ผมไปช่วยไหมครับ’
‘ไม่ต้องมีกอหญ้าอยู่’
‘หมายความว่ายังไง นายจะใช้กอหญ้า นายครับผมว่า…’
‘มึงไม่ต้องห่วงเมียกูออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้’ เอ่ยจบปุรินก็ตัดสายลูกน้องทันที ไม่ถึงสองชั่วโมงข้อมูลทุกอย่างถูกส่งเข้ามาในไอแพด นัยน์ตาคมกริบกวาดอ่านทุกตัวอักษรจากนั้นแผนการล่อลวงจึงเริ่มผุดพรายขึ้นในใจ
“ไง พึ่งรู้นะมึงชอบมาที่นี่ด้วย” เสียงเข้มผลักชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด แววตาดุดันตวัดมองตัวต้นเหตุ พยัคฆ์ยักไหล่ทีท่าดูไม่กังวลใจเท่าที่ควร ปุรินเห็นเช่นนั้นจึงดับก้นบุหรี่ย่างก้าวเข้าไปเผชิญหน้าทันควัน
“ทำไมกูพอใจหรือมึงมีปัญหา” พ่อเลี้ยงหนุ่มเลิกคิ้วถามพลางแสยะยิ้มเยาะ
“ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าวันนี้มึงไม่ดัดหลังกู” จะเรียกว่าดัดหลังก็ไม่ถูกต้องทีเดียว เขาคืนสนองผลกรรมให้อีกฝ่ายต่างหาก พยัคฆ์หมายมั่นปั้นมืออยากปิดดีลธุรกิจกับโอฬาร เพราะฉะนั้นเขานี่แหละจะดับฝันมันเอง
“แต่เทคนิคนี้กูเรียนรู้มาจากมึงเลยนะ”
“ขอคารวะให้กับความพยายามของมึงเลย ทั้งดักรถทั้งประเคนเมียให้คู่ค้ากู แต่มึงแน่ใจใช่ปะว่าแผนที่วางไว้จะเป็นตามสเตปทุกอย่าง” วาจาเย้ยหยันส่งผลให้ปุรินร้อนใจ มือแกร่งกำหมัดพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เตลิดเพราะคำปลุกปั่น
“ไม่ต้องรวน ยอมรับเหอะการเจรจาไม่สำเร็จ วันนี้มึงแพ้แล้ว”
“แพ้?” พยัคฆ์รัวเสียงหัวเราะ ฮัมเพลงเสร็จร่างสูงก็หมุนกายเดินไปเท้าแขนตรงระเบียง ยิ่งชายหนุ่มทำราวไม่ถือสาคนตั้งใจท้าทายเท่าไหร่อีกฝ่ายยิ่งเดือดแทบคลั่ง ปุรินแพ้ความสุขุมผสมยียวนเหมือนดั่งทุกที
“ไอ้เมฆเปิดหน้ามาคุยกันตรงๆ ดีกว่า ไม่ต้องลีลากับกู” ชายหนุ่มกระชากไหล่แล้วดึงคอเสื้อ
“มึงหมายความว่ายังไง”
“อย่ารีบโมโหสิ กูแค่อยากเตือน” สัมผัสรุนแรงไม่อาจปลุกโทสะ พยัคฆ์ตบบ่ากว้างพลางโน้มกระซิบข้างหูศัตรู และประโยคดังกล่าวก็สามารถเขย่าหัวใจแกร่งได้เป็นอย่างดี
“กลับไปดูเมียมึงสิว่าอยู่ที่เดิมรึเปล่า แน่ใจใช่ไหมแผนที่วางไว้ไม่ได้พลาด”