“อ๊า! แหกออกอีก แล้วเจ้าจะพบกับความสุข” เสียงกระเส่าดังขึ้น พร้อมกับวางมือลงที่กลีบผกาสีแดงสด เขาใช้นิ้วเกลี่ยติ่งที่ยื่นออกมาแผ่วเบาเชิงหยอกเย้า ทำเอาร่างเล็กสั่นระริกในทันที
“อื้อ…พี่สือชวนอย่าแกล้ง…รีบ ๆ ใส่มาเถิด ข้าอยากเสียวเต็มทีแล้ว….อ๊า…ข้าอยากให้รูข้ากินท่อนเอ็นพี่เหลือเกิน” ผู้ที่เปลือยกายนอนอ้าขาออกกว้างร้องขออย่างไม่อาย ตั้งแต่นางได้เห็นส่วนนั้นของเขา ใจก็อยากให้มันทิ่มแทงเข้ามาด้านในทันที
“หึหึ…อยากแล้วหรือ พี่ก็อยากแล้วเหมือนกัน เช่นนั้นพี่ยัดใส่เข้าไปเลยนะ” ถ้อยคำหยาบโลนถูกเอ่ยออกมาไม่ขาดปาก จากนั้นร่างเปลือยกำยำของชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองร่างเย้ายวนของสาวใช้ที่กำลังแผ่หราบนโต๊ะกลางสวนพร้อมกับยิ้มร่า ก่อนจะจับมังกรที่ใหญ่เท่าแขนเด็กของตนรูดขึ้นลงจนหัวปริ่มน้ำ
เขาจ่อหัวบานหยักลงที่ร่องรูของนาง ใช้มันถูจนฉ่ำแฉะ สร้างกำหนัดให้ตนและคนใต้ร่างจนนางต้องรีบใช้มือมายกขาตนอ้าออกกว้าง รอการสอดใส่ที่กำลังดันเข้ามาอย่างช้า ๆ
“อื้อ…อยากโดนบ้างจัง ใหญ่เท่าแขนเด็กเนี่ยะ” หลี่หลินครางกระเส่า พร้อมกับสอดดิวโด้ที่แอบซื้อมาตอนออกไปช้อปปิ้ง เพื่อไม่ให้พ่อแม่ที่บ้านรู้ว่าตอนนี้เธอใจแตกมาก
หลังจากแอบดูคลิปโป๊กับเพื่อนที่โรงเรียน หลี่หลินก็แอบช่วยเหลือตัวเองมาตลอด และวันนี้ก็เหมือนกัน เธออ่านนิยายรักแนวผู้ใหญ่ที่เพื่อนแนะนำมาแล้วก็เกิดอารมณ์ เลยหยิบเอาของเล่นที่ซื้อมาออกมาช่วยตัวเอง
“อ๊า…ถ้าของจริงจะมันขนาดไหนนะ” นิยายเธอไม่ได้อ่านแล้ว ตอนนี้ร่างของเด็กสาววัยสิบเจ็ดกำลังทิ้งตัวลงนอนชันเข่าอยู่ที่กลางเตียง พร้อมกับบีบขย้ำเต้าอวบตัวเองไปด้วย ด้านล่างก็ปล่อยให้ของเล่นทำงานไป ทว่าเธอรู้สึกมันไม่ค่อยถึงใจสักเท่าไหร่ ใจอยากให้มีผู้ชายหุ่นดีดีขึ้นมาทาบทับแล้วอัดกระแทกลงมามากกว่า ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงสุขสมมากกว่านี้แน่นอน ยิ่งคิด เธอก็ยิ่งมีอารมณ์ เลยกดปุ่มเร่งความเร็วให้ของเล่นมันทำงานรัวขึ้น
ในที่สุดความสุขที่เธอรอคอยก็ทะลักล้นออกมา พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ดับวูบไป กว่าจะรู้สึกตัวตื่น เธอก็ไม่ได้อยู่ในโลกใบเดิมอีกแล้ว ตอนแรกหลี่หลินเข้าใจว่าตัวเองแค่ฝันไปเท่านั้น
ทว่าทุกอย่างรอบตัวมันไม่ใช่อย่างที่คิด ตอนนี้เธออยู่ในร่างของคุณหนูสี่ตระกูลเฉามานานมากกว่าสามเดือนแล้ว และรู้ร้อนรู้หนาว เจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนคนปกติ หลี่หลินรู้ตัวแล้วว่าตนเองตายแล้วเกิดใหม่ เหมือนนิยายที่เธอเคยอ่านมา
ทว่าคุณหนูสี่ผู้นี้ไม่ได้เป็นที่รักของใครนัก เพราะเป็นเพียงแค่บุตรบุญธรรมของท่านแม่ทัพและฮูหยิน นางถูกเก็บมาเลี้ยงเมื่อห้าปีก่อน ซึ่งตอนนั้นมีอายุแค่สิบสามปี และยามนี้บิดามารดาบุญธรรมก็ตายจาก ในจวนจึงเหลือเพียงบุตรชายคนโตและบุตรชายคนรอง เพราะคุณหนูสามได้แต่งงานออกเรือนไปแล้ว
“คุณหนูวันพรุ่งเรือนใหญ่มีงานเลี้ยง คุณชายใหญ่ให้แจ้งท่านไปร่วมงานด้วยเจ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยรายงานด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก ตั้งแต่แม่ทัพและฮูหยินจากไป คนในจวนก็มักจะ ทำกิริยาเช่นนี้ใส่คุณหนูสี่อยู่เสมอ เพราะนายอีกสองคนก็ไม่ได้สนใจ
“อืม ข้ารู้แล้ว” ตอบรับไม่ไยดีเช่นกัน เมื่ออยู่คนเดียวหลี่หลินก็เริ่มครุ่นคิด เหตุใดบ้านใหญ่ถึงอยากให้นางไปร่วมงาน เพราะปกติแล้วพวกเขาไม่เคยจะเรียกหา ทว่าจนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก
นางจึงเดินเลี่ยงผู้คนไปที่เรือนใหญ่ กระทั่งถึงห้องห้องหนึ่งที่ยังมีแสงเทียนส่องสว่างอยู่ ร่างเล็กหยุดลงที่ริมหน้าต่างด้วยอาการตื่นตะลึง เพราะภาพเบื้องหน้ามันทำให้นางหวนนึกถึงคลิปหนึ่งที่เคยดู
ผู้ชายสองคนกำลังมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนเดียว ในโลกปัจจุบันเธออยากลองสัมผัสมันบ้าง แต่โอกาสไม่เคยเอื้ออำนวย เพราะครอบครัวเคร่งครัดมาก แม้แต่เรียนยังต้องเรียนในโรงเรียนสตรี
ทว่าบัดนี้นางกำลังได้เห็นภาพสด ๆ ชายหนุ่มรูปร่างกำยำกำลังอัดกระแทกเอวสอบใส่ด้านหลังของสตรีผู้หนึ่ง ไม่รู้นางมีความสุขหรือทรมาน เสียงร้องถึงได้โหยหวนชวนสงสารเพียงนี้
“อ๊า…แน่นดีเหลือเกิน” ชายที่อัดเอวสอบเข้าใส่เชิดหน้าร้องคำราม มือเขาจับตรึงเอวคอดแน่น นางคือหญิงนางโลมที่ถูกจ้างมาเพื่อบำบัดความใคร่ให้แก่สองพี่น้องตระกูลเฉา
ทั้งคู่มีรสนิยมร่วมรักกับหญิงคนเดียวมาตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่ม จนบัดนี้ทั้งคู่อายุยี่สิบกว่าแล้ว ก็ยังไม่ยอมแต่งงาน เพราะเกรงว่าภรรยาอาจจะรับสิ่งที่พวกเขาเป็นไม่ได้ จึงใช้วิธีซื้อกินเช่นนี้ดีกว่า ทว่าสตรีที่รองรับความดิบเถื่อนของพวกเขาได้ช่างมีน้อยเหลือเกิน
“อื้อ…คุณชาย…อ๊ายย…ข้าน้อยไม่ไหวแล้ว…เบาหน่อยเจ้าค่ะ รูข้าน้อยแหกหมดแล้ว” หญิงสาวรูปร่างดีร้องขออย่างน่าเวทนา และนางก็ไม่ใช่คนแรกในคืนนี้ ยังมีอีกสองคนที่หอบหิ้วสังขารออกไปแล้ว
“อ๊า…อีกนิดเดียว…อีกนิดเดียว” ชายหนุ่มคำรามลั่นห้อง ก่อนจะเร่งซอยเอวสอบรัวเร็วจนร่างเล็กสั่นคลอนไปตามแรง ในที่สุดนางก็ทิ้งตัวลงเพราะหมดสติ ทำเอาคนที่กำลังมัวเมาถึงกับหัวเสีย เพราะท่อนเอ็นแข็งมันหลุดออกจากรูโดยมิได้ตั้งใจ
“บัดซบ! ไร้ค่าสิ้นดี เจาสวี่มาเอาตัวนางออกไปประเดี๋ยวนี้” สิ้นคำเขาก็ปัดถาดชาบนโต๊ะหล่นกระจายเต็มพื้น
“ยังมีเหลืออีกหรือไม่ ข้าพึ่งได้แค่น้ำเดียวเอง อยากเอาต่อ” ชายอีกคนที่นั่งรูดแก่นกายรอเอ่ยถามคนของตน
“ประเดี๋ยวข้าน้อยจะหาให้ขอรับ” เอ่ยแล้วก็เดินมาเอาผ้าห่อตัวสตรีที่นอนสลบออกไป ทิ้งสองพี่น้องนั่งขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
“คุณชายขอข้าน้อยลองได้หรือไม่เจ้าคะ” หลี่หลินเอ่ยขึ้นที่ริมหน้าต่าง นางมองร่างเปลือยของทั้งคู่ตาเป็นมัน ไม่สนแล้วว่าเขาเป็นใคร ต่อให้เป็นเจ้าของเรือนนางก็ไม่เกี่ยง เพราะอย่างไรเสียตนก็ไม่ใช่สายเลือดตระกูลเฉา เจ้าของร่างเป็นเพียงบุตรเลี้ยง หากจะมีอะไรกับพี่ชายทั้งสองก็ไม่ผิดศีลธรรมอันใด ขอแค่ได้ลองสองรุมหนึ่งเป็นพอ
เฉาเหยียนฟางได้ยินเช่นนั้นก็เดินตรงมาที่หน้าต่าง ก่อนจะยกนางข้ามเข้ามาด้านในด้วยสองแขนอันแข็งแรง และไม่ยอมพูดพร่ำทำเพลง ในเมื่อนางเสนอ พวกเขาก็ยินดีสนอง