"เขาว่ากันว่าถ้าเอาน้ำตาหมาดำมาป้ายแล้วจะเห็นผี" เป็นปกติที่หนุนตักจะหาทฤษฎีต่างๆ มาบอก "แต่กูไม่อยากลองหรอกกลัว"
"กระจอก!"
"แล้วมึงกล้าเหรออีแป๋ว!"
"กูกลัวที่ไหนวันนี้ไหมล่ะ"
"จัดไป"
ฉันยอมรับคำท้าทายเนื่องจากว่าไม่เคยเกรงกลัวอะไร จนกระทั่งจินส่ายหน้าเนื่องจากเป็นเด็กเรียนเก่งจึงไม่เชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณแม้เราจะอาศัยอยู่ในถิ่นกันดารก็ตาม
พักกลางวัน
"มึงจะไปจริงๆ เหรอ" บอยเอ่ยถามสงสัย
"ใช่กูจะไปทำไมล่ะ"
"มึงไม่กลัวผีหรือยังไง"
"ผีมันก็แค่ทฤษฎีที่เราคิดไปเองเกิดมากูยังไม่เคยเห็นเป็นตัวเป็นตนเลย"
หน้าไอ้บอยก็เป็นกังวลแต่ฉันก็บังคับให้มันไปด้วยอย่างน้อยก็มีผู้ชายไว้ค่อนข้างอุ่นใจ
หมับ
"ขอนะ" ฉันคว้าลูกอมจากเด็กอนุบาลแล้วฉีกซอง "หวานดี"
"____"
"มองหน้าทำไมเปี๊ยก!"
"อีแป๋ว"
"โหย ไอ้เด็กเวร"
ไอ้เปี๊ยกเป็นเด็กแถวบ้านฉันมักจะมาปล้นขนมกับลูกอมมันบ่อยทั้งที่เรียนอยู่แค่อนุบาลสามปากมันนี่น่าเตะชะมัด
"มึงจะไปด่าเด็กทำไมก็มึงมาไถลูกอมมัน ฮ่าๆ" บอยขำส่ายหน้าไปมา
"ว่าแต่กูต้องเตรียมตัวยังไงบ้างวะ.."
"มึงก็แค่ทำใจสบายๆ แล้วก็เตรียมเห็นผีได้เลย"
"ปากเสีย!"
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งเรียนคาบบ่ายคุณครูอบรมถึงเรื่องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
"สรุปว่ามึงจะได้ไปเรียนอยู่ที่เมืองกรุงเหรออีปุยนุ่น.." หนุนตักตกใจในขณะที่ถาม
"เออสิเห็นแม่บอกน้าว่างั้น"
"แต่เขาบอกว่าแพงมากเลยนะ"
"แล้วไงก็บ้านกูมีตังค์"
"ค่ะอีสัส!!"
เมื่อสองสาวเถียงกันแต่จินกับตั้งหน้าตั้งตาทำหน้างานบางอย่างจนทำให้แป๋วสงสัยเดินไปถาม
"มึงอ่านอะไรอยู่เนี่ย"
"วิธีเห็นผีมึงเลือกวิธีเอาน้ำตาหมาดำป้ายตาใช่ไหม..อ่านสิ"
"ให้ทำในคืนเดือนมืดพร้อมกับก้มลงมองหว่างขาจากนั้นหลับตานับหนึ่งถึงสามแล้วจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น"
"ใช่มึงต้องทำตามให้ครบขั้นตอนด้วยนะ"
"ของมันแน่อยู่แล้วกูไม่กลัวหรอก หึ"
กริ๊งงง
กระดิ่งของโรงเรียนดังขึ้นในเวลา 15.30 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนแต่ทั้งหมดยังนั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นฉำฉาเก้าอี้ไม้อ่อนที่ประจำ
"สรุปคืนนี้กูจะไปพิสูจน์ล่าท้าผีนะ" ฉันพูดอย่างมั่นใจสาดเสียงไปใส่หนุนตัก
"ค่ะ..กูจะรอดูนะว่ามึงจะเห็นผีไหมแล้วอย่าเป็นบ้าไปซะก่อนละ"
"มึงนั่นแหละจะบ้า!!"
"ปากดีไปเถอะ"
"ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เจอกันที่ป่าช้าวัดซักสองทุ่มนะเพราะกลับดึกเดี๋ยวแม่จับได้"
ฉันทำการนัดแนะกลุ่มเพื่อนแล้วรีบกลับบ้านไปเพื่อทำตัวให้เป็นปกติไม่ให้แม่สงสัย
"แล้ววันนี้แม่ไม่ขายไก่ปิ้งหรือไง.." ลืมบอกว่าอาชีพที่บ้านของฉันคือการย่างไก่ขายที่ตลาด
"เขามาเหมาไปใส่เพลวัดกูกำลังทำส่งอยู่นี่ไง"
"ได้บุญได้เงินดี๊ดีเนาะแม่"
"ได้บุญหรือได้บาปมีลูกอย่างมึงเนี่ยปวดหัวถ้าอีกหน่อยไม่มีกูแล้วใครจะคอยด่าคอยว่ามึง"
แม่เสียบไก่สีแดงที่หมักโดยนั่งบนพื้นซึ่งทำเป็นประจำในขณะที่แป๋วก็ทำท่าล้อเลียนก่อนจะวิ่งไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง
"โอ๊ย อีแป๋ว!ร้อนมากอดทำไม" แม่ตวาดใส่แม้ในใจจะยิ้มแก้มบาน
"ฉันอาจจะเป็นเด็กที่ดื้อรั้นแต่ฉันรักแม่ที่สุดเลยนะ"
"ถ้ารักมึงก็ชวนกวนประสาทให้น้อยๆ หน่อยเถอะวะชื่อเสียงของมึงเลื่องลือนามไปกี่ตำบล"
แม่บ่นยังหันเอามือมาทุบหน้าผากของลูกสาวเบาๆ ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันดิ้นรนสุดกำลังแต่เพราะแป๋วไม่ชอบใช้ของหรูหรือทำอะไรเกินตัวจึงอยู่ได้อย่างไม่ขัดสน
"คืนนี้แม่จะไปเล่นไพ่บ้านมงคลเปล่า" ฉันรีบถามเพื่อดูลาดเลา
"ไปอยู่มั้งเล่นแค่วันละร้อยที่เหลือกูนั่งดูเอา"
"ดีแล้วแม่การพนันมันเป็นสิ่งที่แย่จะทำให้เรานั้นสิ้นเนื้อประดาตัวแม่อย่าเล่นเลยนะเพลาๆ ลงบ้าง"
ป่าช้า
"อีสามตัวนั่นมันฝากเงินมาลงขันเท่าไหร่?" ฉันเลยถามไอ้บอยเพราะพวกเราพนันกันไว้ว่าฉันจะกล้าพอหรือเปล่า
"คนละห้าสิบบาท"
"ห้าสิบ!!ให้มาล่าท้าผีกับเงินรวมร้อยห้าสิบ"
"เออไม่คุ้มกลับเถอะ"
หมับ
"เดี๋ยว!" ฉันรู้ว่าไอ้บอยกลัวมันหันหลังแทบจะโกยแน่บแต่ฉันรีบคว้าแขนมันเอาไว้ "เราต้องสู้ร้อยห้าสิบกูก็เอา"
"อีห่า!!"
"ว่าแต่แล้วเราจะไปหาหมาดำที่ไหนกันวะ"
ทันทีที่แป๋วทำท่าทางครุ่นคิดก็มีเสียงเล็กๆ แทรกเข้ามา "แล้วทำไมต้องเป็นกู!"
"อีหนุนตักไม่ว่างอีปุยนุ่นพ่อก็ไม่ออกจากบ้านเหลือมึงกับไอ้บอยเนี่ย"
"เฮ้อออ"
ตึก ตึก
เสียงจินบ่นอุบอินตอนนี้บอยเป็นผู้ชายคนเดียวจึงได้ถือไฟฉายนำเพื่อส่องหาหมาดำตามคำบอกเล่า
"เจอแล้ว!!" ในขณะที่เห็นดวงตาสะท้อนไฟปรากฏว่าเป็นหมาจรจัดที่เฝ้าป่าช้านี้ไว้ "เอาไงอีแป๋วแหวว"
"เดี๋ยวกูจัดการเองเสียใจไม่เป็นไรเสียหน้าไม่ได้อีหนุนตักจะหาว่ากูกาก"
"ตามใจมึง"
"ไปจับมันมา"
ฉันสั่งให้ไอ้บอยจับหมาดำพร้อมกับเดินไปหาในขณะที่จินจับชายเสื้อเดินตามมาติดๆ
"อีแป๋วมึงเปลี่ยนเป็นหมาสีน้ำตาลได้ไหม!ไอ้ดำจับโคตรยาก" บอยตะโกนถาม
"มึงจะบ้าเหรอเขาให้ใช้หมาสีดำจับสีน้ำตาลมาแล้วจะเห็นไหมผี!!"
"กูเหนื่อยวิ่งวนอยู่เนี่ย"
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง
ทันทีฝูงหมาก็เห่ากันอย่างพร้อมเพรียงเพราะเหมือนกับกำลังโดนคุกคามการพักผ่อนของมัน
"เห่าอย่างเดียวก็พออย่าหอนแล้วกัน"
"อีจิน! ปากเสียนะมึง"
"ก็กูกลัวเหมือนกันนิถ้ารู้ว่าอีสองตัวนั้นไม่มากูก็ไม่มาหรอก"
"เอาหน่ากูไม่คิดเงินพนันมึงก็แล้วกัน"
หลังจากใช้เวลาสักพักไอ้บอยก็ตะล่อมจับหมาดำซึ่งปกติพวกเราเห็นมันทุกวันไม่มีทีท่าจะดุร้ายหรือเคยกัดใคร ฉันจึงใจสู้พร้อมกับเอื้อมมือปาดน้ำตาที่ไหลส่วนอีจินยืนส่องไฟฉาย
กรี๊ดดดด
"อีแป๋ว!!!!"