บทเรียนอ่อยผู้

1384 คำ
ตอนที่ 3 วันต่อมา หลังจากที่อิงฟ้าไปยื่นใบสมัครเป็นเลขาฯ ของดลภพเรียบร้อยแล้ว “แกจะไปเป็นเลขาฯ ของเขาทั้งที ไม่มีประสบการณ์เลยไม่ได้นะ!!” เจนนิสาเอ่ยเตือนเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง แววตาเต็มไปด้วยความกังวล และรู้ดีว่าอิงฟ้ามีความสามารถ แต่การทำงานในออฟฟิศระดับนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถเพียงอย่างเดียว “ก็ถึงต้องพึ่งแกนี่ไง!” อิงฟ้าตอบเพื่อนระหว่างที่ทั้งสองออกมาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน “แกเป็นเลขาฯ ของคุณตรีทศจนได้เค้ามาเป็นแฟน มีเทคนิคอะไรดี ๆ ก็บอกฉันบ้างสิ” อิงฟ้ากระซิบเสียงออดอ้อนเพื่อนรัก แล้วทำท่ากะพริบตาปริบๆ “ฉันหมายถึงเรื่องงานย่ะ...เรื่องงาน!!!” เจนนิสาเน้นเสียงหนักอย่างเป็นจริงเป็นจัง และพยายามดึงเพื่อนกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับความขี้เล่นของอิงฟ้า “ก็เอาทั้งเรื่องงาน แล้วเรื่องพิชิตใจบอสด้วยเลยสิ โอเค๊!” อิงฟ้ายิ้มหวานให้เพื่อนรัก “ถ้าผิดหวังขึ้นมา...แกจะมาโทษฉันไม่ได้นะ คุณดลภพนั่นผู้ชายระดับอัลฟ่าเลยนะแก ไม่ใช่จะมาอ่อยกันง่ายๆ นะเว้ย!” เจนนิสาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่เป็นไรน่า! ขอแค่เทคนิคดี ๆ มาก่อน” อิงฟ้าพูดอย่างไม่ยี่หระ เธอยกมือขึ้นค้ำคาง มองเจนนิสาด้วยแววตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ เจนนิสามองเพื่อนอย่างจนใจ ก่อนจะถอนหายใจยาว “ให้เค้ารับแกไปเป็นเลขาฯ ก่อนเถอะ ถึงเวลานั้นแล้วฉั้นค่อยสอน” เจนนิสาผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินหนีเพื่อนสนิทที่เป็นถึงลูกสาวเจ้านาย เพราะตอนนี้เธอกำลังทำงานเป็นเลขานุการให้กับคุณตรีทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารภายใต้บริษัทของท่านประธานธีระ หากท่านประธานรู้เรื่องเข้าว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการของอิงฟ้า อาจจะทำให้เธอและแฟนถูกไล่ออกได้ง่ายๆ งานนี้ดูไม่คุ้มกับความเสี่ยงเอาเสียเลย! “มันจะไม่ทันการณ์เอาน่ะสิ แกบอกมาเลยเจน เอาเทคนิคที่แกใช้กับคุณตรีทศเค้าก็ได้” “มั่นใจซะอย่าง จบนะ” เจนนิสาพูดพร้อมกับเดินมาที่รถ “เฮ่ย!!..แค่มั่นใจอย่างเดียวเนี่ยนะ” อิงฟ้าตอบก่อนจะวนไปนั่งตำแหน่งคนขับรถ “อื้ม.....ก็ถ้าสมมุติว่าแกได้ไปเป็นเลขาฯ ของเค้าจริง ๆ โอกาสมันอยู่ตรงหน้าแกแล้วไง” “อันนั้นฉันรู้อยู่แล้ว แต่ของแบบนี้มันก็ต้องมีขั้นตอนป่าววะแก” “เฮ้อ... ก็ได้! เอาล่ะ ๆ... ถ้าแกอยากจะอ่อยคุณดลภพ เค้าจริง ๆ อะนะ แกต้องอ่อยแบบมีชั้นเชิง โดยการเริ่มสร้างความประทับใจจากงานที่แกทำเสียก่อน” เจนนิสาเริ่มเข้าสู่โหมดกูรูเรื่องรัก ดวงตาเป็นประกายอย่างจริงจัง “เอาเรื่องงานก่อนเลยนะ สิ่งแรกที่แกต้องทำคือ ความกระตือรือร้นเกินเบอร์” เจนนิสาเริ่มบรรยาย “กระตือรือร้นเกินเบอร์? หมายถึงอะไรกัน” อิงฟ้าถามอย่างงงๆ “สมมติว่าถ้าคุณดลภพเค้าสั่งงานอะไรมาน่ะ แกก็ต้องทำให้เร็ว! ไม่ใช่แค่เร็วนะ แต่ต้องละเอียดรอบคอบไร้ที่ติ เหมือนว่าแกเกิดมาเพื่อเป็นเลขาฯ ของเขาโดยเฉพาะ!” เจนนิสาอธิบายอย่างมีหลักการ “ทำให้เขารู้สึกว่า เฮ้ย!!!... ผู้หญิงคนนี้มันทำงานดีเกินไปแล้วจริงๆ ดีจนเค้าขาดแกไม่ได้” “โอ้โห...ต้องประมาณนั้นเลยเหรอ” “ก็ใช่น่ะสิ” “โอเค... เข้าใจ แล้วไงต่ออะ!” อิงฟ้าพยักหน้าหงึกๆ “ต่อมานะ ข้อนี้สำคัญมาก แกต้องฝึกใช้สายตา เคยได้ยินมั้ย ต้องตา ตรึงใจน่ะ แต่วิธีของฉันน่ะ มันจะค่อยเป็นค่อยไปนะ นิ่ง สงบ สยบความเคลื่อนไหว อย่าทำอะไรให้ไก่ตื่นเด็ดขาด” “โดยเฉพาะเวลาที่แกอยู่กับเค้าสองต่อสอง เวลาหยิบหรือจับเอกสารส่งให้เค้า ก็ไม่ต้องรีบร้อนนะ แกทำยังไงก็ได้ให้ปลายนิ้วสัมผัสเค้าเบาๆ เหมือนบังเอิญ แต่มันคือความตั้งใจ! แล้วก็ผสานสายตาของแกเข้าไปจิกกัดเค้าสักนิด นิดเดียวนะ ไม่ต้องเยอะ” “ต่อมาถ้าเค้าสนใจแก สายตาที่เค้าเคยเย็นชาก็อาจจะเปลี่ยนไป แกต้องหมั่นสังเกตดี ๆ จากนั้นเวลาที่แกมีโอกาสอยู่ใกล้ๆ เค้าอีก แกก็แกล้งๆ ทำเป็นสะดุดหรืออะไรก็ได้ เพื่อให้ตัวแกไปใกล้ชิดเค้าบ่อย ๆ จำไว้นะทุกอย่างที่เกิดขึ้น แกต้องทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แกต้องสร้างความบังเอิญให้มันสมเหตุสมผลนะ” “โห...แบบนี้ฉันจะไม่โดนจับได้ก่อนเหรอ.!” อิงฟ้าตาโต “ก็ทำให้เนียน ๆ สิ... แต่ยังไม่หมดหรอกนะมันยังมีต่อจากนี้อีก เอาไว้ให้แกได้ไปเป็นเลขาฯ ของเค้าจริง ๆ ซะก่อน แล้วฉันค่อยสอนแกเพิ่่ม!” “ไปมูที่ไหนดี ฉันอยากได้งานนี้อะ” อิงฟ้าพูดออกมาอย่างจริงจัง ดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เจนนิสาถึงกับหลุดขำพรืดออกมา “แกจะมูเพื่อให้ได้งานหรืออยากได้แฟนถามจริ๊ง!!!” เจนนิสาแกล้งถามเสียงสูงเมื่อรถจอดติดไฟแดง แล้วหันไปจ้องหน้าอิงฟ้าอย่างจับผิด “แหม่!!!..เล่นถามซะตรงเชียว” อิงฟ้าหน้าแดงก่ำเล็กน้อย ทำท่าทีเขินอายแต่ดวงตากลับพราวระยิบ “ก็ถ้าอยากได้งาน สายมูเค้าจะไปกันที่ศาลเจ้าพ่อเสือ ส่วนถ้าอยากได้ผัวละก็..ศาลย่านาก ว่าไง!!!...แกอยากได้อะไรล่ะ” เจนนิสาไล่เรียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังที่คนนิยมไปขอพรตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ให้เพื่อนฟังอย่างตรงไปตรงมา “หุยยย!!!...เอาแค่เป็นแฟนก่อนเถอะ!!!...แล้วแกว่าเอาที่ไหนดีล่ะ! ช่วยฉันคิดหน่อยสิ” อิงฟ้าถามย้ำอย่างกระตือรือร้น เธอไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ความปรารถนาในใจมันตีรวนกันไปหมด ทั้งอยากได้งาน และอยากได้ใจดลภพ เจนนิสาหันจ้องหน้าเพื่อนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันถามจริง ๆ แกรักเค้ามั้ย พร้อมจะเป็นของเค้าหรือเปล่า” คำถามของเจนนิสานั้นตรงไปตรงมาจนอิงฟ้าถึงกับสะดุ้ง “เฮ่ย!!!...ถามอะไรแบบนั้นเล่า ฉันยังไม่เคยนะ แล้วก็ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นสักหน่อย” อิงฟ้าหน้าแดงเถือกไปถึงใบหู เธอหลบสายตาเพื่อนอย่างประหม่า ความรู้สึกอายถาโถมเข้ามา เมื่อถูกเพื่อนจับจ้องและพูดถึงเรื่องส่วนตัวที่เธอไม่เคยเปิดเผยกับใครแบบจริงจัง “ห๊า!!!!.. นี่แกไปเรียนตั้งเมืองนอกเมืองนา ทำไมแกรอดมาได้วะ” เจนนิสาถึงกับตาโตอ้าปากค้าง เธอไม่คิดว่าคุณหนูอย่างอิงฟ้าจะยังคงความบริสุทธิ์ ท่ามกลางสังคมตะวันตกที่เปิดกว้างเรื่องเซ็กซ์ “เฮ่อ!!!.. มันก็เกือบ ๆ หลายครั้งนั่นแหละ แต่พอฉันไม่มั่นใจว่าเค้าจะรักฉันจริง ฉันก็ไม่ยอมไง” อิงฟ้าบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาฉายแววถึงความตั้งใจจริงในเรื่องความรัก แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมพลีกายให้ใครง่ายๆ หากไม่แน่ใจในความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ “แกนี่หัวโบราณนะเนี่ย!!.. ฉันคิดว่าแกกลับเมืองไทยคราวนี้คงได้สามีฝรั่งเป็นตัวเป็นตนกลับมาซะอีก” เจนนิสาแซว พร้อมส่ายหัวอย่างอ่อนใจในความหัวแข็งของเพื่อน “บ้าเหรอ!!...พ่อกับแม่ฉันได้แพ่นกระบาลเอาสิ” อิงฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงกึ่งขำกึ่งจริงจัง เพราะรู้ดีว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอหวงเธอมากแค่ไหน คำพูดของเจนนิสากลับทำให้อิงฟ้ายิ่งมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อดลภพ ชายหนุ่มผู้เย็นชาที่เธอเพิ่งพบแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะแค่ความหล่อเหลาหรือฐานะ แต่เป็นความรู้สึกบางอย่างที่ผูกพันกันราวกับมีพรหมลิขิต
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม