“ขอบคุณมากนะคะคุณเอเลนสำหรับอาหารมื้อเย็น ขิมขอตัวกลับก่อนนะคะ” มนัญชญาบอกกับทุกคนหลังจากรับประทานอาหารอิ่มและมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกได้พักใหญ่แล้ว
“ครูขิมขาทำไมรีบกลับล่ะคะอันนายังไม่หายคิดถึงเลยค่ะ” หนูอันนากกอดคุณครูของเธอไว้ด้วยความคิดถึง
“พรุ่งนี้ครูก็มาอีกค่ะ อันนาเตรียมหนังสือนิทานไว้รอครูนะคะ”
“ค่าครูขิม อันนาจะเตรียมไว้หลายๆ เล่มเลย”
“ดีค่ะ งั้นครูไปก่อนนะคะ”
“นี่มันดึกมากแล้วเดี๋ยวผมไปส่งครูขิมนะครับ”
“ไม่เป็นไรคะคุณภพขิมกลับเองได้”
“เอเลนว่าให้พี่ภพไปส่งดีกว่านะคะ ดึกแบบนี้ขึ้นรถเมล์คงไม่สะดวกไหนจะต้องเดินเข้าซอยไปอีก”
“เดี๋ยวผมไปส่งเองก็ได้นะครับพอดีมีเรื่องยากจะถามครูขิมเกี่ยวกับการเรียนภาษาไทยด้วยน่ะครับ” ริคาโด้รีบอาสาเพราะดึกแบบนี้มันไม่สมคสรเลยที่สริภพกับมนัญชญาจะไปไหนมาไหนกันตามลำพัง
“พี่ริคจะเรียนภาษาไทยเหรอคะ” เอเลน่าถามพี่ชายด้วยความสงสัยเพราะเธอรู้ว่าพี่ชายของเธอนั้นอ่านภาษาไทยออกและไม่มีความจำเป็นที่ต้องเรียนเลย
“อือ พี่อยากฝึกเขียนภาษาไทยน่ะ”
“นึกยังไงถึงอยากเรียนคะ”
“ก็อยากจะเก่งเหมือนอันนาไงล่ะ” เขาเอาหลานสาวมาอ้างแต่ที่จริงก็แต่อยากจะกันท่ามนัญชญาออกจากสิรภพ
“เอเลนฝากที่ริคส่งครูขิมให้ถึงบ้านด้วยนะคะ”
“อือ ไม่ต้องห่วงหรอกพี่จะส่งให้ถึงบ้านเลย”
“ขิมไปก่อนนะคะคุณเอเลน คุณภพ ครูไปก่อนนะคะอันนา”
เมื่อบอกลาเจ้าของบ้านแล้วมนัญชญาก็เดินตามริคาโด้มาที่รถของเขาที่จอดอยู่
“คุณริคส่งขิมที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยนะคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ขิมเกรงใจค่ะ”
“แต่ผมรับปากน้องสาวไว้แล้วว่าจะส่งให้ถึงบ้าน”
“ถ้าขิมไม่พูด คุณริคไม่พูดคุณเอเลนก็ไม่รู้หรอกนะคะ”
“แต่ผมไม่ชอบโกหกครับ”
“ถ้างั้นก็ตามใจค่ะ งั้นคุณริคขับตรงไปก่อนนะคะถ้าถึงไฟแดงที่สองค่อยเลี้ยวซ้ายค่ะ”
“ปกติแล้วคุณกลับบ้านยังไงเหรอ”
“ปกติเวลามาสอนขิมจะขับรถมาเองค่ะ แต่ช่วงนี้รถขิมเข้าอู่คุณภพเลยมารับค่ะและมาส่งค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามความเป็นจริงและคำตอบของเธอก็ทำให้คนฟังไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
“เรื่องที่ผมพูดที่บ้าน ว่าจะให้คุณสอนภาษาไทยให้ผมพูดจริงนะ”
"คะ?" มนัญชญาหันมามองริคาโดด้วยความสงสัย
"ผมอยากให้คุณช่วยสอนภาษาไทยให้ผมหน่อยครับ" ริคาโด้ย้ำความต้องการของตนเองอีกครั้ง
"ขิมคิดว่าคุณพูดเล่นเสียอีกนะคะ”
“ผมพูดจริงนะ”
“แต่ขิมเห็นว่าคุณใช้ภาษาไทยได้ดีนะคะพูดก็ชัดเหมือนคนไทยเลย”
“ผมเคยเรียนภาษาไทยมาตอนเด็กๆ นะครับ แต่พอโตมาก็ไม่ค่อยได้อ่านหรือเขียนเท่าไหร่”
“แล้วคุณอยากจะเรียนไปทำไมคะ”
“ผมพูดได้ แต่เรื่องอ่านและเขียนยังไม่ค่อยคล่อง ผมเห็นหนูอันนาเรียนก็อยากจะเรียนบ้าง เอาตามตรงนะครับไม่อยากแพ้หลานน่ะ” ริคาโด้พูดติดตลก
“โธ่ คุณริคคะ คุณโตแล้วนะคะจะมาแข่งกับเด็กสี่ขวบได้ยังไงกัน”
“แล้วครูขิมจะช่วยสอนผมหน่อยได้ไหมล่ะครับ”
“ถ้าคุณริคอยากเรียนจริงๆ คุณไปเรียนตามพวกโรงเรียนที่เขาเปิดสอนดีไหมคะ ขิมเป็นแค่ครูสอนชั้นอนุบาลเองนะคะ ขิมไม่เคยสอนผู้ใหญ่ค่ะ”
“ผมไม่มีเวลาไปเรียนแบบนั้นหรอก”
“แล้วคุณจะมีเวลาเรียนกับขิมเหรอคะ”
“ที่ผมอยากเรียนกับคุณก็เพราะเรื่องเวลานี่แหละ”
“ยังไงคะ”
“ผมอยากกำหนดเวลาเรียนเอง วันที่ผมว่างแล้วคุณสะดวกเราก็นัดเจอกันตกลงไหม เรื่องค่าเรียนผมให้คุณเรียกได้เต็มที่เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”
“ขิมสอนก็ได้ค่ะ เรื่องค่าเรียนค่อยคุยรายละเอียดกันอีกทีก็ได้ แล้วคุณจะให้ขิมไปสอนคุณที่ไหนคะ” เพราะเห็นถึงความตั้งใจมนัญชญาเลยตกลงจะสอนแต่เรื่องค่าเรียนเธอยังไม่รู้ว่าจะคิดยังไงเพราะที่ผ่านมาก็เคยสอนแต่เด็กเท่านั้น
“คอนโดของผมดีไหมครับ อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ถึงเวลาเรียนผมจะให้คนมารับเองหรือไปเรียนที่โรงแรมก็ได้นะเลิกงานผมจะได้เรียนเลย”
“ขิมขอเปลี่ยนเป็นคาแฟ่ได้ไหมคะ”
“มันจะไม่รบกวนคนอื่นเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ คาเฟ่ที่ขิมรู้จักมีห้องเล็กๆ สำหรับใช้ติวหนังสือด้วยค่ะ ถ้าให้ไปสอนที่นั่นน่าจะสะดวกกว่านะคะ” หญิงสาวเคยใช้บริการคาเฟ่แห่งนี้มาแล้วหลายครั้ง
“แล้วคาเฟ่ที่คุณว่าเขาเปิดตลอดหรือเปล่าเพราะบางครั้งผมอาจจะต้องให้คุณมาสอนช่วงค่ำนะ”
“เขาเปิดตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ”
“จริงเหรอ” เรื่องเข้าคาเฟ่ริคาโด้ไม่ถนัดเลยเขาถนัดเข้าร้านเหล้ามากว่า
“จริงค่ะ”
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนั้นก็ได้นะ” ชายหนุ่มพูดขณะที่ขับรถมาจอดหน้าบ้านของหญิงสาวพอดี
“ค่ะ”
“แล้วผมจะติดต่อคุณยังไงล่ะ ผมขอเบอร์โทรติดต่อหน่อยได้มั๊ย”
“ได้ค่ะ บอกเบอร์คุณมาสิเดี๋ยวขิมจะโทรเข้าเอง”
ริคาโด้บอกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้กับมนัญชญา เธอโทรเข้ามาจนเขารู้สึกสั่นที่กระเป๋ากางเกง
“คุณน่าจะโทรติดแล้วแหละโทรศัพท์ผมมันสั่นแล้วล่ะ ผมจะติดต่อมานะว่าจะเริ่มเรียนตอนไหน”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณริคที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปก่อนนะ”