มนัญชญาเดินกลับเข้ามาในบ้านซึ่งตอนนี้คุณยายของเธอกับคุณน้ารัตนาพากันเข้านอนแล้ว
หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ยังไม่ทันได้ล้มตัวลงนอนเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน มนัญชญายิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือผู้ชายที่เพิ่งพาเธอไปทานอาหารเมื่อตอนหัวค่ำ
“สวัสดีค่ะคุณริคถึงแล้วเหรอคะ”
“ครับผมถึงแล้วครับ คุณขิมจะนอนหรือยังครับ”
“กำลังจะนอนแล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นแต่เช้าค่ะ”
“ถ้างั้นผมไม่รบกวนแล้วฝันดีนะครับ”
“เช่นกันค่ะคุณริค” เมื่อริคาโด้วางสายแล้วมนัญชญาก็ยิ้มให้กับโทรศัพท์
เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนต่อโลกที่ไม่รู้ว่าริคาโด้กำลังจีบเธออยู่ แต่หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องมาจีบเธอทั้งที่มาเฟียหนุ่มอย่างเขาก็คงมีผู้หญิงสวยๆ หุ่นดีอยู่เต็มไปหมด
มนัญชญาถามเรื่องนี้กับสิรภพแล้วว่าริคาโด้เป็นคนยังไง สิรภพบอกกับเธอว่าริคาโด้เป็นผู้ชายเจ้าชู้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าและให้เธอระวังตัวเวลาอยู่กับเขา มนัญชญารับฟังแต่พอได้อยู่ใกล้ได้พูดคุยกับริคาโด้มันก็ทำหญิงสาวให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดเป็นอย่างมาก เขาเป็นคนสุภาพ พูดคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ บางทีมนัญชญาอาจจะลองเปิดใจศึกษานิสัยใจคอของริคาโด้ดูก่อนแม้ว่าสิรภพจะเตือนแล้วแต่หญิงสาวก็คิดว่าตัวเองโตพอที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง
ที่ผ่านมามนัญชญาก็มีผู้ชายเข้าหาค่อนข้างมากแต่เธอยังไม่สนใจจะมองใครเพราะโฟกัสกับการเรียนพอและเรียนจบก็เริ่มต้นทำงานที่โรงเรียนเอกชน หญิงสาวตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เวลาส่วนใหญ่หมดกับการสอนที่โรงเรียนพอกลับจากโรงเรียนก็มาทำสื่อการสอนหรือเตรียมการสอนในวันรุ่งขึ้น
แต่การออกไปเจอริคาโด้ได้พูดคุยกับเขามันทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งได้พูดคุยมนัญชญาก็รู้สึกหลงเสน่ห์เขาไปทีละนิด
หญิงสาวนอนคิดถึงใบหน้าของเขาจนกระทั่งเผลอหลับและตื่นมาอีกทีในตอนเช้า
เมื่อออกมานอกห้องก็เห็นน้าสาวและคุณยายกำลังช่วยกันเตรียมอาหารอาหารอยู่ในห้องครัว
“อาหารเต็มโต๊ะเลยนะคะน้ารัตน์ น่ากินทุกอย่างเลยค่ะ”
“ถ้าน่ากินก็ขิมต้องกินเยอะๆ นะหนูขิมน่ะตัวเล็กเกินไปแล้ว วันนี้น้าทำอาหารไว้หลายอย่างน้าเก็บไว้ในตู้แล้วนะหนูจะได้อุ่นกิน” รัตนาเตรียมอาหารไว้ให้หลานสาวหลายอย่างเพราะรู้ว่ามนัญชญาทำกับข้าวไม่ค่อยเก่งและไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่
“ขอบคุณค่ะน้ารัตน์”
“ยายไม่อยู่บ้านหนูขิมดูแลตัวเองดีๆ นะลูก กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย”
“ค่ะคุณยาย”
“ถ้ากับข้าวที่น้าทำไว้หมดก็ซื้อที่ร้านหน้าปากซอยนะลูก อยู่คนเดียวอย่าทำให้เสียเวลาเลย”
“ค่ะคุณยาย”
“แล้วเมื่อวานไปทานข้าวกับเพื่อนมาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะคุณยาย คุณริคเขาพาขิมไปทานข้าวที่โรงแรมของเขาค่ะ”
“เพื่อนจริงเหรอจ๊ะหนูขิม”
“จริงสิคะน้ารัตน์”
“เพื่อนที่ว่าเป็นผู้ชายเหรอ แล้วเขาเป็นใครกันล่ะ”
“คุณริคเขาเป็นลุงของลูกศิษย์ที่ขิมสอนพิเศษอยู่ค่ะ”
“ฟังดูซับซ้อนจังนะ หนูออกไปกับเขาตามลำพังแบบนี้น้าว่าคงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแน่เลยใช่ไหม”
“เพื่อนจริงๆ ค่ะน้ารัตน์ พอดีว่าคุณริคเขาอยากให้ขิมช่วยสอนภาษาไทยให้เขาค่ะ เมื่อวานเราก็เลยไปพูดคุยทำความรู้จักกันเพิ่มเติมนิดหน่อยแล้วก็วางแผนว่าอยากจะเรียนอะไรเมื่อไหร่ด้วยค่ะ” มนัญชญารีบอธิบายเพราะกลัวน้าสาวกับคุณยายจะเข้าใจผิด
“นี่เขาจะให้หนูขิมสอนด้วยเหรอ”
“ค่ะน้ารัตน์”
“น้าว่ามันแปลกๆ นะเขาพูดไทยได้หรือเปล่า” รัตนาถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง
“เขาพูดไทยได้ค่ะ”
“พูดไทยได้แล้วทำไมยังจะต้องเรียนภาษาไทยอีกนะ น้าว่าเขาคงไม่ได้อยากจะมาเรียนหรอกนะ เขากำลังจีบหนูใช่ไหม”
“ยายเองก็คิดเหมือนน้ารัตน์ แต่ยายรู้ว่าหนูโตแล้วแต่ถ้าจะคบกับใครก็ให้มองดีๆ อย่าใจร้อนเอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้งให้ใช้สติยายไม่ได้ห้ามเลยรหัสหนูจะคบหากับใครขอแค่ผู้ชายคนนั้นเขารักและจริงใจกับหนูแค่นั้นก็พอ”
“ยายขา....น้ารัตน์ขา....ขิมกับเขาเพิ่งรู้จักและได้เจอกันแค่สามครั้งเองนะคะ เรายังไม่ได้คิดอะไรกันเลยค่ะ”
“ยายก็แค่เตือนไว้น่ะหนูขิมของยายทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ก็ยังชอบกันทั้งนั้น”
“ขิมยังไม่อยากคิดอะไรมากหรอกค่ะคุณยาย เขาตั้งใจจะมาเรียนจริงๆ ถ้าขิมคิดว่าเขามาจีบเวลาสอนคงไม่มีสมาธิแน่”
“มันก็ไม่แน่นะหนูขิมดูอย่างน้ากับสามีน้าสิตอนแรกก็ปรึกษากันเรื่องงาน ปรึกษาไปปรึกษามาสุดท้ายก็ตกลงเป็นแฟนกันความใกล้ชิดมันเป็นบ่อเกิดของความรักนะ” รัตนาพูดอย่างคนมีประสบการณ์
“แต่ขิมกับเขาคงไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้นหรอกค่ะ เราตกลงกันแล้วว่าขิมจะสอนเขาแค่อาทิตย์ละสองวันเองค่ะน้ารัตน์”
“น้าไม่ได้ว่าอะไรขิมสักหน่อย ถ้าขิมจะสอนเขาหรือจะออกไปเที่ยว ไปทานข้าวกับเขาขอแค่หนูขิมดูแลตัวเองดีๆ เพราะช่วงนี้อยู่บ้านคนเดียวตามลำพังเขาไว้ใจได้ใช่ไหม”
“ไว้ใจได้ค่ะ ขิมลืมบอกน้ารัตน์ว่าคุณริคาโด้คนนี้เขาเป็นพี่เขยของคุณสิรภพค่ะ เขาคงไม่กล้าเข้ามาหาขิมด้วยจุดประสงค์ไม่ดีหรอกนะคะ”
“ได้ยินแบบนี้น่าค่อยสบายใจหน่อยเอาล่ะ เรารีบทานข้าวเถอะเดี๋ยวจะได้รีบทำงาน”
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วมนัญชญาก็ช่วยเอากระเป๋าของคุณยายขึ้นไปใส่ที่หลังรถ
“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณยาย”
“จ้ะลูก หนูอยู่คนเดียวก็ปิดประตูล็อกบ้านให้ดีนะลูก ใครมาเคาะมาเรียกก็อย่าเปิดนะ”
“ค่ะคุณยาย เลิกงานแล้วหนูจะรีบกลับบ้านค่ะ คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“จะไม่ให้ยายห่วงได้ยังไงล่ะ หนูต้องอยู่คนเดียวนะลูก” คุณยายศรีนวลมองหลานสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“ยายขาหนูโตแล้วนะคะหนูอยู่ได้ค่ะ บ้านเรามันก็ไม่ได้อันตรายอะไรเลยค่ะคุณยาย ข้างบ้านก็คนรู้จักกันทั้งนั้นค่ะ”
“น้าขอโทษนะที่ทำให้หนูต้องลำบากอยู่คนเดียว”
“หนูไม่ลำบากอะไรเลยค่ะน้ารัตน์ หนูอยู่ที่นี่มาตั้งสิบกว่าปีแล้วค่ะ คุ้นเคยกับคนที่นี่น้าอย่าห่วงเลยนะคะ หนูว่าน้ากับคุณยายรีบเดินทางเถอะค่ะ ถ้าง่วงก็จอดพักนะคะหนูเป็นห่วง”
“ยายไปก่อนนะลูก”
“ค่ะคุณยาย” มนัญชญากอดคุณยายไว้แน่น เธอรู้สึกใจหายที่จะต้องอยู่ห่างจากคุณยายเพราะเธอกับคุณยายสนิทกันมาก มนัญชญาอยู่กับคุณยายมาตั้งแต่เกิดและแทบไม่เคยห่างกันเลย แต่เธอก็เข้าใจถึงความจำเป็นที่คุณยายจะต้องไปอยู่กับน้ารัตนา