บทที่ 5
สนามรบ
กลางดึกฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเนื้อกระทบกันดังป๊าบ ๆ ๆ
เมื่อตอนเย็นฉันเพิ่งจะพูดไปหยก ๆ ตกดึกเอาอีกแล้ว ออกล่าหิ้วผู้หญิงมากินกันอีกแล้ว
ฉันต้องนอนฟังเสียงไปจนถึงเมื่อไหร่ หิวก็หิวกินไปแต่ผลไม้กับผักไม่ได้ทำกับข้าว แต่ฉันลืมไปว่าวันนี้ซื้อมาม่ากับโจ๊กคัพติดมาด้วย จะออกไปกินจะมีใครว่าอะไรฉันไหม
แต่จะให้ทนรอไปถึงเมื่อไหร่ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว หนึ่งชั่วโมงก็แล้วเสียงร้องอื้อ ๆ ยังดังไม่หยุดเลย
"ไม่ไหวแล้วหิวก็หิว ออกไปหามาม่ากินดีกว่า"
ฉันเดินเข้ามาในครัวไม่อยากเปิดไฟเพราะกลัวว่าจะถูกบ่น จึงนั่งอยู่ในมุมมืดกินมาม่า แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าบ้านหลังนี้มันจะกลายเป็นสนามรบ
ฉันเห็นผู้ชายสามคนกำลังรุมผู้หญิงหนึ่งคนที่บันได พากันลากลงมาที่ห้องนั่งเล่น พี่ไนท์ปล่อยให้สาวสวยอมไนท์น้อยของตัวเอง ส่วนพี่ริวกับพี่ภีมกำลังให้สาวสวยนั่งขัดลำปืนอย่างเมามัน เพลงในหัวของฉันมันก็ดังขึ้นมาทันที
ถิ่นพงไพรเขาท่องไปทุกเขตคาม
นักรบนิรนามแห่งสยามเมืองยิ้ม
หลับกลางดิน กินก็ไม่ค่อยอิ่ม
หน้าเปื้อนสนิมดินปืนและความตาย
กอดไกปืนทั้งเที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน
หนาวร้อนช่างมันปล่อยสวรรค์จางหาย
ขาดแฟนควง ดวงเหมือนดั่งเส้นด้าย
ฉากสุดท้ายตายอย่างนิรนาม
สนามชายแดนสุดแสนกันดาร
ตำรวจทหาร อส. ลูกพ่อสยาม
เล่นกีฬาฆ่าคน จนแทบทุกยาม
สนามสงครามผิดกับสนามโลกีย์
ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องทรมานเห็นแล้วรู้สึกสยิวกิ้วแทน กระบอกปืนทั้งสามรุมกระหน่ำหน้าหลังและปาก ผมที่ยาวสลวยถูกสามหนุ่มขยุ้มจนฟูฟ่องละอองฟิ้ว
"อ่าา~ เบบี๋ดูดแรงฉิบ~ อ๊าา~"
"ไอ้หมอมึงหื่นเหี้ย ๆ"
ปึก! ปึก! ปึก!
พี่ริวจ้องมองไปที่จุดเชื่อมของพี่ภีมกับผู้หญิงคนนั้น ฉันสังเกตว่าพวกเขาป้องกันกันหมดทุกคน ยังดีที่มีหัวคิดที่จะป้องกัน
ซู๊ดดดด~
ฉันดูดเส้นมาม่าอย่างเอร็ดอร่อยจนเสียงมันดังออกไปถึงข้างนอก พี่ไนท์รีบเดินไปเปิดไฟจนสว่างโล่ง ฉันจึงยกมือขึ้นบ๊ายบายทักทายทุกคน
"Hi~ ตามสบายเลยค่ะ ฉันแค่ออกมากินมาม่ากำลังอร่อยเลย"
"เหี้ย!!"
"กรี๊ดดด!!"
พี่ไนท์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ส่วนที่ริวรีบดึงหมอนมาปกปิดริวน้อยของตัวเอง พี่ภีมดึงผ้าคลุมโต๊ะมาพันรอบเอว ส่วนสาวสวยคนนั้นยังนั่งอ้าซ่าโชว์ความบอบช้ำฉ่ำแฉะของตัวเองให้ฉันดู
"หูววว ทำไมมันบานแบบนั้นล่ะคะ?"
ฉันเอียงคอมองด้วยความสงสัย ของฉันมันปิดสนิทนี่นา ไม่ได้บานเป็นเห็ดหูหนูแบบนี้
"มันเหมือนเห็ดหูหนูเลยนะคะ ดำด้วยขนก็เยอะ"
"กรี๊ดดดด อีบ้า!!"
สาวสวยคนนั้นกรีดร้องเหมือนจะอับอายสิ่งที่ฉันพูด แถมสามหนุ่มก็ยังก้มไปมองพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วยกับฉัน เห็นไหมล่ะฉันบอกแล้วมันบานแล้วก็ดำเหมือนเห็ดหูหนูเลย
"อ้าวไปไหนล่ะ ไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนเหรอคะ"
ฉันมองตามผู้หญิงคนนั้น เธอออกไปนอกบ้าน วิ่งแก้ผ้าออกไปเหมือนผีเปรตเลย พอหันกลับมาเหมือนทั้งสามคนจะรู้สึกไม่ค่อยโอเคที่ฉันพูดออกไปมันทำให้เธออับอาย ฉันจึงยกมือขอโทษแล้วค่อย ๆ
เดินช้า ๆ ออกมาอย่างคนสำนึกผิด
"ใครใช้ให้เธอมานั่งแบบนี้ทำไมไม่รู้จักเปิดไฟ แล้วเมื่อกี้เห็นอะไรบ้าง!"
"ไอ้ไนท์ใจเย็น ๆ"
"มึงจะให้กูเย็นเหี้ยอะไรอีกไอ้หมอ!"
"ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่หิวก็เลยออกมาหาอะไรกินถ้าพี่จะโทษฉันทำไมพี่ไม่รู้จักโทษตัวเองบ้าง ก่อนจะโทษคนอื่นพี่ต้องหัดมองตัวเองก่อน ไม่ใช่ทุกคนบนโลกนี้ผิดมีพี่ถูกอยู่คนเดียวนะพี่ไนท์"
"มาขนาดนี้ยังต่อล้อต่อเถียงอีกนะ เธอมันสร้างเรื่องไม่หยุดสร้างเรื่องทุกวัน ลองคิดดูดี ๆ ว่าสมควรจะอยู่บ้านนี้ไหม!"
"ไอ้ริว!"
"ไอ้หมอ ที่ผ่านมาพวกเราสามคนไม่เคยมาปวดหัวเพราะเรื่องเหี้ย ๆ พวกนี้เลยนะ!"
"พี่ภีมฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่ากลางค่ำกลางคืนพวกพี่จะทำให้บ้านหลังนี้มันกลายเป็นสนามรบ ฉันขอโทษจริง ๆ ที่ออกมาหามาม่ากินตอนดึก"
"ถ้าจะอยู่ที่นี่เรื่องพวกนี้ก็เก็บไว้เป็นความลับนะ เรื่องรสนิยมทางเพศของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน"
"ฉันเข้าใจ เพราะคนทั่วไปคงไม่ได้มีความต้องการทางเพศแบบพวกพี่ ความต้องการทางเพศที่ชอบสวิงกิ้งผู้หญิงคนเดียวกัน แถมพี่ริวก็ชอบเล่นประตูหลัง ยังดีนะที่พวกพี่รู้จักสวมถุงยางอนามัย"
"___"
"___"
"___"
"ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้เลย ฉันเข้าใจพวกพี่ไม่ต้องคิดมาก มนุษย์ทั่วไปมักใช้หัวบนในการนำทาง แต่มันก็มีส่วนน้อยที่ชอบใช้หัวล่างแทนหัวบน"
"ถ้าเธอยังไม่หยุดพูดเรื่องหัวบนหัวล่าง รับรองว่าหัวล่างของฉันมันจะเข้าไปอยู่ในปากเธอ!"
"พี่ไนท์! ฉันพูดให้พี่คิดแต่พี่คิดไม่ได้เลย ฉันไปนอนดีกว่า พี่คิดว่าของพี่มันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ดูสิหดเหลืออันเท่านิ้วโป้ง"
"สัส!"
พี่ไนท์รีบดึงผ้าม่านมาปิดไนท์น้อยของตัวเอง ส่วนฉันก็เดินเลี่ยง ๆ พร้อมกับทำหน้าตาฝืนยิ้มให้ทุกคน
เช้าวันต่อมาฉันลุกมาทำกับข้าว มื้อเช้าของวันนี้เป็นซุปข้าวโพดและข้าวผัดใส่แฮมและเบคอน วันนี้พี่ริวเดินลงมาคนแรก เขาตักข้าวใส่จานเดินออกมานั่งทานเพียงลำพัง ฉันจึงตักซุปข้าวโพดออกมาให้
"ทำไมพี่ไนท์กับพี่ภีมยังไม่ลงมาอีกล่ะ"
"มันสองคนมีเรียนบ่าย วันนี้เธอต้องไปมหาลัยใช่ไหม"
"ใช่วันนี้ฉันต้องไปรายงานตัวซื้อชุด"
"ไปพร้อมฉันเลยก็ได้ ฉันต้องเอางานไปส่งอาจารย์บ่าย ๆ ก็คงจะกลับ"
"ฉันลืมไปว่าพี่เรียนบริหาร งั้นก็ดีฉันขอติดรถพี่ไปทุกวันเลยก็แล้วกัน ขอบคุณค่ะ"
"ใจคอไม่คิดว่าฉันจะต้องมีธุระบ้างหรือไง เป็นเด็กปี 1 ระวังถูกรับน้องชุดใหญ่นะ พวกฉันไม่มีออมมือให้เด็กกระโปกหรอก"
"ถ้าพี่ทำอะไรที่มันเกินงามฉันก็จะแจ้งให้อาจารย์ทราบ แล้วก็จะไปร้องเรียนที่รายการโหนกระแส พี่ลองคิดสินอกจากเรื่องรับน้องพี่อาจจะต้องถูกแฉเพราะเรื่องรสนิยมทางเพศที่มันแปลกประหลาด พี่จะถูกขุดคุ้ยประวัติเลวทรามออกมาให้ประชาชนคนไทยได้รู้ พี่รับได้ไหมล่ะ"
"กูแค่จะรับน้องขู่ซะ"
"ฉันไม่ได้ขู่ แต่พี่ลองคิดสิ ถ้าเกิดพี่ต้องไปออกรายการโหนกระแส นอกจากตัวพี่จะซวยไปด้วยพี่ไนท์กับพี่ภีมก็ต้องไปนั่งอยู่ข้างพี่เหมือนกัน ฉันต้องนั่งฝั่งตรงข้ามเพราะฉันเป็นผู้เสียหาย สิ่งที่ฉันได้เห็นตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ฉันก็ต้องเล่าให้พี่หน่วงรู้"
"พอ ๆ พูดอะไรเยอะแยะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดนั้น ไม่ต้องไปออกรายการโหนกระแสก็ได้"
"ค่ะ"