Episode 05 เกินคาด
หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอไม่เคยได้ทำงานเป็นปกติเลยแม้แต่วินาทีเดียวตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาทำงานภายในบ้านหลังนี้
ภายในห้องน้ำถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้งธีลินไม่ได้ตอบกลับไปในทันท่วงที เนื่องจากตอนนี้สมองของเธอกำลังทำงานอย่างหนักว่าควรทำเช่นไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ดี
"นายน้อยหมายถึงเรื่องอะไรเหรอคะ ศพอะไรเหรอคะ?" ธีลินลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพ่นคำโกหกคำโตออกไป
"หึ…" น้ำเสียงแค่นหัวเราะทำให้ธีลินชะโงกหน้าจากด้านหลังมาแอบดูสีหน้าของเขาด้วยความประหม่า ทว่าจู่ๆ เขาก็หันหน้ามาหาเธอจนปลายจมูกโด่งคมของเขาเฉียดแก้มของเธอไป ทำให้เธอรีบดึงตัวเองกลับมา
"ขะ…ขอโทษค่ะ" ธีลินมองด้านข้างของใบหน้าคมคายด้วยความหวาดระแวง หรือว่าเธอโดนจับได้แล้วงั้นเหรอ
"ไม่ได้ยินก็ดี พยายามอย่าไปได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินเข้าล่ะ"
"ค่ะ" ธีลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงประหม่าจนซ่อนเอาไว้ไม่มิด
"ฉันจะขึ้นแล้ว"
ธีลินรีบลุกขึ้นประคองร่างหนาออกจากอ่างอาบน้ำด้วยความระมัดระวัง เธอมองชายหนุ่มที่ยืนกางแขนด้วยสภาพร่างกายเปียกโชกด้วยความงุนงง ทั้งที่เมื่อวานก็ทำเองได้เกือบทุกอย่างแท้ๆ พอมาวันนี้แม้กระทั่งเดินยังต้องให้เธอประคอง หนำซ้ำตอนนี้ยังให้เธอเช็ดตัวให้อีก นับว่ายังดีที่เขาใส่กางเกงบ็อกเซอร์เอาไว้ไม่ได้แก้ผ้าอาบน้ำจนหมดทุกชิ้นไม่อย่างงั้นเธอคงได้เป็นตากุ้งยิงเข้าสักวัน
คนตัวเล็กเดินถือผ้าขนหนูมาซับหยดน้ำที่เกาะอยู่บนผิวกายของชายหนุ่มอย่างเบามือ ระหว่างที่เช็ดตัวก็เหลือบมองใบหน้าราบเรียบของชายหนุ่มด้วยคำถามที่ผุดขึ้นยาวเป็นเรียงความด้วยความหนักใจ เพราะไม่สามารถถามอะไรเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองได้เลย หนำซ้ำยังต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรอีกต่างหาก
"นายน้อยลงไปทานข้าวเช้าเลยไหมคะ"
"อืม"
ธีลินจัดการเตรียมอุปกรณ์รับประทานอาหารให้อาคิราด้วยความตั้งใจ เนื่องจากเขาจะใช้ตำแหน่งเดิมในการช่วยให้หยิบจับอุปกรณ์รับประทานอาหารให้ง่ายขึ้น
"นั่งสิ"
"คะ?"
"นั่งลงกินข้าวเช้ากับฉัน"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกินทีหลังดีกว่าค่ะนายน้อย…"
"ฉันไม่ได้ขอร้อง แต่ฉันสั่ง" ประโยคคำสั่งบ้าอำนาจของมาเฟียหนุ่มทำเอาธีลินถึงกับเม้มปากด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ยอมเดินไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเขาอยู่ดี
ธีลินนั่งทานมื้อเช้าเงียบๆ ระหว่างที่ทานเธอกลับเอาแต่จ้องมองใบหน้าคมคายอย่างพินิจพิจารณาไม่ได้สนใจมองอาหารเช้าของตัวเองเลยจนกระทั่งกายเดินเข้ามาทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหาร
"นายน้อยครับเรื่อง…" กายที่กำลังจะรายงานความคืบหน้าของงานให้อาคิราฟังชะงักไป พลางหันมามองธีลินที่นั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านายตัวเองด้วยความประหลาดใจ "ทำไมคุณธีลิน…?"
"นายน้อยสั่งค่ะ นายน้อยสั่งให้ฉันทานเป็นเพื่อนน่ะค่ะ" คนตัวเล็กรีบแก้ต่างให้กับตัวเองก่อนที่กายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
"พูดต่อสิ" อาคิราแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าดูน่าเกรงขามเหมือนทุกครั้ง
"แต่ว่า…?" กายเว้นช่วงเอาไว้เพื่อต้องการเตือนให้อาคิรารับรู้ว่าบริเวณนี้ยังมีธีลินที่นั่งอยู่ด้วย
"อ๋อ งั้นฉันไปรอข้างนอกนะคะ" ธีลินรีบอาสาออกไปด้วยความดีใจ เพราะเธอเองก็ไม่อยากได้ยินเรื่องอะไรแปลกๆ ไปมากกว่านี้แล้ว
"นั่งลง"
"ฮะ?…อ๋อ ค่ะนายน้อย" ธีลินที่กำลังยิ้มกว้างหุบยิ้มลงในทันที พลางทิ้งน้ำหนักตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่พึ่งลุกได้ไม่ถึงเสี้ยววินาทีอีกครั้ง
"ส่วนมึงก็พูดต่อ"
"ครับนายน้อย" น้ำเสียงดุดันที่บ่งบอกถึงความไม่ชอบใจของอาคิราที่ต้องพูดซ้ำหลายครั้งทำให้กายยอมตกลงที่จะรายงานความคืบหน้าของงานต่อหน้าธีลิน
ในขณะที่ธีลินเองที่ไม่ได้อยากฟังคงไม่มีข้ออ้างอื่นให้เลี่ยงได้อีกต่อไปแล้ว ได้แต่ภาวนาว่ากายคงไม่พูดจาแปลกๆ เหมือนเมื่อเช้าออกมาก็พอ
"ศพของสาวใช้คนก่อนผมทำลายหลักฐานให้เรียบร้อยแล้วครับ"
พรวด!
"แค่ก! แค่ก!" คนตัวเล็กที่กำลังอ้าปากทานมื้อเช้าสำลักพรวดออกมาด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความเลิ่กลั่ก
เธอมองหน้ากายด้วยสายตามีคำถามว่าเขาไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่ไหม เธอคงหูฝาดไปแน่ๆ มันจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง
"ตอนนี้ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม?" คำถามไร้อารมณ์ของชายหนุ่มทำเอาธีลินถึงกับตอบไม่ถูกของจริงก็คราวนี้
"ให้ผมจัดการยังไงกับคุณธีลินดีครับ"
"จะ…จัดการอะไรคะ ไม่ต้องจัดการฉันหรอกค่ะฉันจัดการตัวเองได้" ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความหวาดกลัว เธอคงไม่ได้กำลังจะเป็นศพสาวใช้รายต่อไปหรอกใช่ไหม
"รู้ไหมว่าทำไมสาวใช้คนก่อนถึงต้องตาย?"
"…"
"เพราะดันไปรู้ไปได้ยินอะไรที่ไม่ควรรู้ไม่ควรได้ยินเหมือนกับเธอตอนนี้ไงล่ะ"
ธีลินมองใบหน้าคมคายของอาคิราให้เหมือนคนธรรมดาทั่วไปไม่ได้อีกต่อไป ตอนนี้เขาในสายตาเธอไม่ต่างจากปีศาจร้ายที่พร้อมจะฆ่าคนตลอดเวลาเลยสักนิด เขาถึงสามารถพูดประโยคพวกนั้นออกมาได้โดยไม่รู้สึกอะไร
"ฉันก็ไม่ได้อยากได้ยินสักหน่อย วันหลังพวกคุณก็ไปคุยกันที่อื่นสิ แบบนี้มันไม่เห็นยุติธรรมกับฉันเลย ฉันมาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวนะ ไม่ได้อยากพาตัวเองมาตายที่นี่สักหน่อย" ธีลินตอบกลับด้วยความเหลืออด นอกจากพูดระบายความรู้สึกอัดอั้นออกไป เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อที่จะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้
"แต่ฉันก็ไม่ได้บังคับให้เธอมาทำงานที่นี่นี่?"
"แล้วทำไมไม่จั่วหัวใบประกาศรับสมัครงานเอาไว้ด้วยล่ะคะว่าต้องมาทำงานกับฆาตกรน่ะ ถ้ารู้แต่แรกฉันก็ไม่มาหรอก" ธีลินสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นี่มันใช่ปัญหาของเธอที่ไหนล่ะ ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือความเกรงใจระหว่างเจ้านายกับลูกน้องให้เขาแล้วด้วยซ้ำ
"แต่เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าต่อให้ฉันจะเป็นมาเฟียเธอก็ยังจะรับงานนี้อยู่ดี?"