9
Only love can hurt like this
“ฝนหยุดก่อน ฝนแก้ว!” รสรินวิ่งตามบุตรสาวที่กระแทกฝีเท้าเร็วรี่เข้าบ้าน หญิงวัยกลางคนที่ยังกระฉับเฉงคว้าแขนลูกสาวที่หมายหนีขึ้นบันได “คุยกับแม่ก่อน”
“หนูใจสลาย” คำพูดแผ่วเบาแต่คนที่ยืนอยู่ใกล้ชิดก็ได้ยินอย่างชัดเจน “หนูเจ็บ รังเกียจ ขยะแขยงกับสิ่งที่แม่ทำ”
“ฝน...แม่ขอโทษ”
“แม่ทำได้ยังไง ฝนอยากรู้ว่าทำลงไปได้ยังไง!” เรียวแขนสะบัดออกจากฝ่ามือมารดาพร้อมน้ำเสียงที่ตะคอกดังลั่น “แม่นอกใจพ่อ ทรยศพ่อ แม่ทำร้ายป้ารีย์คนที่แม่บอกว่าเขาเป็นเพื่อนที่แสนดีเพียงคนเดียว ฝนไม่อยากเชื่อว่าแม่จะทำได้ลงคอ แม่เป็นชู้กับคุณลุง...แม่เป็นชู้”
“ฝน...” รสรินยอบนั่งตามลูกสาวที่ทรุดลงเพราะตะโกนจนหมดแรง คนเป็นแม่สะอื้นไห้ น้ำตาลูกเชือดเฉือนใจจนเจ็บกระอักกว่าครั้งไหนๆ สายตาฝนแก้วที่มองอย่างผิดหวังโหดร้ายยิ่งกว่าคำบริภาษทั้งปวง “...แม่ขอโทษนะฝน แม่ ฮึกๆ ...”
“หนูไม่ใช่คนที่แม่ต้องขอโทษ พ่อรู้เรื่องนี้หรือยัง”
รสรินส่ายหน้า เธอเป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้เพราะเครียดกับการต้องสารภาพบาปกับสามี ตลอดหลายวันมานี้อวัชไม่ได้คุยกับเธอเลย หากไม่ไปทำงานก็เก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆ รสรินคิดว่าเขาอาจรู้เรื่องเลวทรามที่เธอทำ แต่สายตาคู่นั้นเป็นทุกข์และว่างเปล่าไม่เหมือนคนที่รู้ว่าเมียมีชู้
“หนูไม่รู้จะทนมองหน้าแม่ได้ยังไง ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้พ่อเป็นคนโง่ และไม่อยากให้พ่อใจสลาย”
ฝนแก้วลุกขึ้นยืนป้ายปาดน้ำตา ก่อนชะงักค้างไปเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่เหนือบันได สองมือไพล่อยู่ด้านหลัง สันกรามขบเครียด นัยน์ตาสุดรวดร้าว รสรินเหลียวมองตามสายตาลูกสาวพร้อมเสียงหัวใจที่แตกสลาย
อวัชได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว
ผู้เป็นลูกรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่ไหวจึงเดินลิ่วออกจากบ้าน รู้สึกหนักอึ้งตั้งแต่บริเวณเปลือกตาลามไปถึงขมับ ฝนแก้วไม่มีจุดหมายปลายทาง เพียงแค่เดินเชื่องช้าไปตามแผ่นหินสีเทาที่ปูเรียงทางเดิน
ส่วนสถานการณ์ในบ้านเปรียบดั่งเส้นด้ายที่ขึงจนตึงเปี๊ยะ อีกเพียงนิดเดียวก็พร้อมขาดครึ่ง อวัชชายร่างสันทัดแก่วัยกว่าภรรยาเพียงปีเดียวเดินลงบันไดมาอย่างเนิบช้า
“ที่ลูกพูดคือความจริงเหรอ” เสียงถามแผ่วเบาราวกับไร้น้ำหนักปราศจากซึ่งวิญญาณ รสรินกลืนน้ำลายแห่งความผิดบาปพยักหน้ารับกับสามี น้ำตายังไหลรินไม่หยุดก่อนส่งเสียงร้องเจ็บปวด และล้มไปกองกับพื้นเมื่อถูกตบด้วยวัตถุของแข็ง
รสรินกุมซีกหน้าแสบสันขณะปรายขึ้นมองสามี ก่อนดวงตาเบิกกว้างแทบถลน วัตถุในมือที่สามีเพิ่งใช้ฟาดเธอคือปืนด้ามสีทองอร่าม
“ฉันขอโทษ ขอโทษกับความเลวที่ทำลงไป ฉันไม่มีข้อแก้ตัว” รสรินพนมมือไหว้ปรกๆ ทั้งที่ยังนั่งอยู่บนพื้น
“กูรักมึงมากนะ วันแรกที่รักยังไง วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม” อวัชน้ำตาไหล โทนเสียงพูดแสนสิ้นหวัง มือข้างที่ถืออาวุธสั่นเทา “กูสู้ทุกอย่างเพื่อมึง สร้างทุกอย่างโดยเริ่มจากศูนย์ จากเงินเดือนไม่กี่พันจนวันนี้มีทุกอย่าง มีบ้านหลังใหญ่โต มีรถ มีเงินทองให้ลูกเรียน แต่กูไม่เคยหลงระเริง ไม่เคยนอกกายนอกใจ นอกจากมึงกูก็ไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนเลย ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้”
หัวใจรสรินราวกับถูกกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรักความเจ็บปวดในดวงตาสามีคือเครื่องยืนยันความเลวร้ายของเธอ กับผู้ชายที่ซื่อสัตย์ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวจนมีวันนี้ได้ ทำไมถึงทำร้ายเขาได้ลงคอ
“ป่ะ...ไปนรกกันเถอะ” อวัชเอ่ยพร้อมเล็งปืนไปที่ภรรยา รสรินโบกมือห้ามเสียงรน
“ไม่พี่ ไม่ๆ อย่าทำแบบนี้ พี่คิดถึงลูกนะ ลูกเรา...”
“เราไม่มีอะไรให้เขาแล้ว แม้แต่บ้าน ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่เหลือ”
“พี่พูดอะไร”
“กูกำลังจะโดนจับ กูโง่โดนหลอกลงทุนและก็ยังโง่ไปหลอกเขาต่อ บ้าน รถ ที่ดินจำนองหมดไม่มีอะไรเหลือแล้ว แม้แต่เงินในบัญชีชื่อฝนแก้วกูก็เอาไปลงทุน” อวัชร่ำร้องออกมาอย่างเจ็บปวด โกรธที่โดนหลอก โกรธที่ไว้ใจเพื่อนที่รู้จักกันมานับสิบปี โกรธตัวเองที่ไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกสาวเพียงคนเดียว
เขาโดนหลอกจากบุคคลที่น่าเชื่อถือซึ่งคบหาเป็นเพื่อนมาอย่างยาวนาน เป็นคนหนึ่งที่ร่ำรวยมีหน้ามีตาในสังคม เข้ามาชักชวนอวัชให้ร่วมลงทุน เริ่มแรกมีผลตอบแทนสูงเป็นประจักษ์หลักฐานให้น่าสนใจ อวัชมีเท่าไรจึงนำไปลงทุน และต่อมาก็ถูกชักชวนให้เป็นหนึ่งในพ่อทีม กว่าจะเอะใจก็สายเกินไปว่าการกระทำลักษณะนี้เป็นการฉ้อโกงแบบแชร์ลูกโซ่ อวัชถลำลึกแทบสุดตัวจนกลับลำถอยไม่ได้
แม้ชื่อของอวัชยังไม่ถูกแฉผ่านสื่อ แต่เขารู้ตัวดี รู้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังออกหมายเรียก อวัชปรึกษาทนายซึ่งลงความเห็นว่ารอดยาก ทรัพย์สินทุกอย่างจะถูกยึดเป็นของหลวง ส่วนคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีหลอกลวงจนเขาเชื่อหมดใจได้หนีออกนอกประเทศแล้ว แต่อวัชสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะทุ่มลงทุนจนหมด หนำซ้ำยังอยู่ในรายชื่อที่ทางการต้องการตัว
อวัชจมอยู่กับความสมเพชตัวเอง มองหาทางออกจนใจดิ่งลงเหว ทุกวันคืนเอาแต่นั่งมองปืนที่ครั้งหนึ่งเคยซื้อมาครอบครองเพื่อเสริมบารมี
ตายหนีปัญหาสุดอัปยศคงเป็นทางที่ง่ายที่สุด
“เราไม่เหลืออะไรแล้ว” ดวงตาล่องลอยเบือนกลับมาที่ภรรยาก่อนเปลี่ยนเป็นเคียดขึ้ง “รวมทั้งมึงที่กูคิดว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นคู่ชีวิตที่ดี กูหาทางออกเพื่อมึงกับลูกจนเหนื่อยแล้ว กูพอแล้ว กูไม่อยากคิดอะไรแล้ว!”
“พี่อย่า!”
ปัง!!
กระสุนหนึ่งนัดทะลุกลางหน้าผากรสรินอย่างแม่นยำ เลือดและเศษเนื้อกระจัดกระจายตามวิถีกระสุน อวัชไม่ต้องการตริตรองให้เกิดความลังเล ใจสั่งให้ทำก็ทำ หากมัวแต่คิดความกล้าก็จะเริ่มหายไป ให้มันจบๆ เสียเถอะ อวัชมองดูเมียรักแน่นิ่ง ก่อนอมปลายกระบอกแล้วส่งอีกนัดเข้าปากตัวเอง
ปัง!!
เสียงปืนดังสนั่นกระชากปลายเท้าฝนแก้วที่ย่ำเชื่องช้าจนเกือบถึงรั้วบ้าน เธอหยุดเดินตั้งแต่เสียงปังครั้งแรก ขวัญเตลิดตกใจจนไม่มีแรงกำลังเคลื่อนไหว ทำได้เพียงเหลียวมองไปที่บ้าน ความชาหนึบตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้าเหมือนดึงจิตใจให้ชาตามไปด้วย และหลังจากสิ้นเสียงดังคล้ายปืนก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของแม่บ้าน เมื่อนั้นฝนแก้วจึงได้สติและพาตัวเองกลับเข้าไปอย่างว่องไว
“กรี๊ดดด!!” ฝนแก้วกรีดร้องจนสุดเสียงกับภาพสยดสยองตรงหน้า
เลือดอาบกระจายเต็มพื้น สาดกระเซ็นโดนของตกแต่งบ้านลามไปถึงผนัง สองร่างละเลงเลือดนอนแน่นิ่งบนพื้น ส่วนปืนตกอยู่บนตัวบิดา ฝนแก้วหายใจติดขัด สองขาพลันหมดเรี่ยวแรงก่อนทรุดฮวบเข่ากระแทกพื้น กรีดร้องน้ำตานองหน้าแล้วหมดสติไปอีกราย