เมื่อความเห็นของคุณชายทั้งสองตรงกันผู้เป็นพ่อจึงเกิดความสบายใจขึ้น แม้ความรู้สึกลึกๆ ของคุณชายน้อยยังค้านกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่ด้วยหน้าที่กับความกตัญญูต่อบิดารวมถึงบุญคุณที่จอมยุทธ์ไวซ์ได้ช่วยชีวิตตนเอาไว้ เขาจึงหลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้จำต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดเพราะความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจคุณชายน้อยนั้นจะมีเพียงแต่อาหลงคนเดียว ชายเพียงคนเดียวที่เขาจะรัก ชายเพียงคนเดียวที่เขาจะภักดี บัดนี้คำสัญญาต่างๆ ที่เคยให้ไว้แก่กันคุณชายน้อยยังจะรักษาไว้ในใจถึงจะมีชายอื่นมาเป็นคู่ครองตัวและหัวใจของเขาอีกคนก็ตาม
คุณชายน้อยนั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาพลางทอดสายตามองไปยังภูเขาสูงที่ไกลออกไปจนสุดสายตา สายลมอ่อนๆ พัดต้องผิวกายให้คนนั่งเหม่อรู้สึกหนาวเย็นจับใจ เขาเผลอนึกถึงอดีตอันแสนหวานที่เคยนั่งเคียงคู่กับชายคนรักด้วยการกอดประคองเขาให้ได้รับไออุ่นจากอ้อมอกกว้างเช่นทุกครั้งที่ขึ้นมาบนโขดหินแห่งสองเรานี้ ยิ่งเขาคิดถึงมากเท่าไหร่น้ำตายิ่งไหลอาบแก้มนวลอย่างห้ามไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น
คุณชายน้อยพยายามยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มของตัวเองอยู่หลายครั้งเพราะด้วยความคิดถึงอ้อมกอดจากชายคนรักที่เคยมอบให้ในอดีตแต่วันนี้เขาไม่ได้รับไออุ่นที่เขาเคยได้รับมาเป็นเวลานานมากแล้ว พอนึกถึงการแต่งงานกับชายอื่นขึ้นมาน้ำตาคุณชายน้อยก็ยิ่งไหลนองหน้ามากขึ้นอย่างท่วมท้นจนแทบจะไม่เหลือหยาดน้ำตาให้รินไหล
"ร้องไห้ทำไมหรือครับคุณชาย ท่านยังเสียใจที่จะต้องแต่งงานกับข้าอยู่อีกหรือ หากท่านไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับข้า ข้าจะช่วยคุยกับท่านอาให้เองครับเพื่อความสบายใจของท่านข้ายอมครับ ข้าเองก็ไม่อาจอยู่กับคนที่ไม่เต็มใจจะใช้ชีวิตร่วมกับข้าได้หรอกครับ" จอมยุทธ์หนุ่มนั่งลงข้างๆ คุณชายน้อย ก่อนจะใช้นิ้วเรียวปาดน้ำตาให้คุณชายน้อยอย่างเบามือ
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอกท่าน เพียงข้ารู้สึกผิดต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับท่านพี่หลงเท่านั้นแต่ตอนนี้ข้าเป็นฝ่ายผิดสัญญาเสียเอง ด้วยหน้าที่ ด้วยความกตัญญู ข้าจึงต้องตัดสินใจทำแบบนี้ ข้าหวังว่าท่านพี่จะเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ" คุณชายน้อยกล่าวพลางเช็ดน้ำตาตัวเองอีกครั้ง
"ข้าเข้าใจครับคุณชายปั้น ข้าจะรอจนกว่าท่านจะรับรักข้า"
"ขอบคุณที่ท่านเข้าใจข้านะคุณชายไวซ์ ขอเวลาให้ข้าเท่านั้นพอ มีอย่างหนึ่งที่ข้าอยากขอร้องท่านจะได้ไหม"
"คุณชายต้องการอะไรจากข้าหรือครับ" จอมยุทธ์หนุ่มตั้งคำถามกลับก่อนตั้งใจรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ
"เจ้าอย่าหื่นกับข้าต่อหน้าคนอื่นได้ไหม ข้าอาย" ทันทีที่คุณชายน้อยกล่าวจบจอมยุทธ์หนุ่มก็หัวเราะลั่น
"ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ถ้าอยู่กันสองคนข้าหื่นกับท่านได้ใช่ไหม" จอมยุทธ์หนุ่มกล่าวพร้อมยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มคุณชายน้อยทันทีแต่ถูกมือเล็กดันหน้าเอาไว้เสียก่อน
"ไม่ได้!! ถึงจะอยู่กันสองคนยิ่งสำคัญ ท่านห้ามแสดงอาการหื่นกับข้าเด็ดขาดหากท่านยังอยากมีน้องชายคู่กายท่านอยู่" คำกล่าวนี้ทำเอาจอมยุทธ์หนุ่มรีบกุมน้องชายของตนไว้ทันท่วงทีด้วยสีหน้าตกใจป่นหวาดกลัวอย่สงเห็นได้ชัด
"คุณชายปั้น ข้ากับท่านกำลังจะแต่งงานกันนะครับนิดเดียวก็ไม่ได้เชียวเหรอ"
"ไม่ได้ หลังจากพ้นพิธีแต่งงานค่อยว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ข้าไม่อยากคุยกับท่านละกลับบ้านดีกว่า" ทันทีที่คุณชายน้อยกล่าวเสร็จสิ้น เขาจึงใช้วรยุทธ์ขั้นสูงเหาะกลับบ้านหนีไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้จอมยุทธ์ไวซ์นั่งทึ่งด้วยอาการใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่กับความหวาดกลัวแบบนั้น เรื่องน้องชายคู่ชีวิตที่เขาอาจจะกลายเป็นเดชไอ้ด้วนตามคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อตาหากเขาหาญกล้าขัดคำสั่งคุณชายเจ้าเสน่ห์
งานมงคลเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายจากทั่วยุทธภพ บรรดาเหล่าจอมยุทธ์ทั้งหญิงชายมาร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวในงานสมรสของคุณชายทั้งสองอย่างเนืองแน่น ซึ่งอาจดูแปลกตาไปจากงานมงคลสมรสที่อื่นๆ ไปบ้าง จากคู่บ่าวสาวหญิงชายทั่วไปแต่แขกที่มาร่วมงานทุกคนต่างมีความรัก ความเข้าใจคุณชายน้อยเป็นอย่างมากและการแต่งงานของคู่ชายชายในครั้งนี้ยังจะขึ้นเป็นครั้งแรกในยุทธภพก็จริง หากสังเกตให้ดีแล้วก็ไม่ต่างจากคู่หญิงชายเท่าใดนักเพราะทางฝ่ายเจ้าสาวที่อยู่ในร่างของชายหนุ่ม ผู้มีรูปร่างสิริโฉมงดงามราวกับสตรีนางหนึ่งด้วยใบหน้าสวยหวาน ตาตี่ จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ปากเรียวเป็นกระจับจนสะดุดตาถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินผิวกับเครื่องสำอางได้ถูกจัดหามาอย่างดีที่แต่งแต้มใบหน้าสวยให้ดูสวยสดงดงามเลอค่ามากขึ้น ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ที่หัวใจสลายจากการทราบข่าวการแต่งงานของคุณชายปั้นที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ไม่รู้สึกเสียดายที่เคยได้รัก ได้ชอบ ได้คลั่งไคล้คุณชายน้อยหรือจอมยุทธ์ปั้นผู้นี้เลย
ในงานมงคลวันนี้คุณชายปั้นอยู่ในชุดสีแดงเพลิงซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล นับเป็นสีประจำตระกูลอีกด้วย ซึ่งทางจอมยุทธ์ไวซ์ก็อยู่ในชุดสีแดงด้วยเช่นกัน จากชายหนุ่มรูปงาม ใบหน้าคมเข้ม ตาคมราวกับมีมนต์สะกด ปากเป็นกระจับดูดีและดูสง่างามอยู่แล้วจึงไม่ต้องลงเครื่องประทินผิวแต่อย่างใด
งานแต่งถูกจัดขึ้นตามประเพณีอย่างเคร่งครัดแต่ติดอยู่ที่บ้านของจอมยุทธ์หนุ่ม อยู่มณฑลโฉกวงมีระยะทางที่ไกลมาก ประมุขของบ้านคุณชายน้อยจึงยกเรือนฝ่ายขวาให้เป็นเรือนหอของคุณชายทั้งสองและถือโอกาสยกให้เป็นบ้านของจอมยุทธ์หนุ่มด้วยเลย ทางจอมยุทธ์หนุ่มก็มีเพียงญาติผู้ใหญ่ไม่กี่คนที่จะมาร่วมเป็นสักขีพยานและเป็นผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวได้เข้าพักอาศัยในเรือนฝ่ายขวาแห่งนี้ ตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าวการแต่งงานของหลานชายของพวกเขาแต่เรือนฝ่ายขวาไม่ได้อยู่ไกลจากเรือนใหญ่มากนักทั้งยังดูโอ่อ่าสมเกียรติและคู่ควรเป็นเรือนหอที่ดีของคนทั้งสองโดยที่ประมุขของบ้านได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมสำหรับลูกเขยที่จะมาเข้าพิธีแต่งงานกับลูกชายของตนเท่านั้นเอง
ขบวนแห่ของทางฝ่ายเจ้าบ่าวออกเดินทางจากเรือนฝ่ายขวาจวนจะถึงบ้านเจ้าสาวแล้วใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของจอมยุทธ์ไวซ์ ทุกคนได้เห็นต่างสร้างความสุข สนุกสนาน พร้อมทั้งความยินดีแก่ทุกคนตลอดระยะทาง สินสอดและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ถูกจัดมาอย่างครบครัน เจ้าบ่าวในชุดแดงนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวที่ได้รับเป็นของขวัญในวันแต่งงานจากท่านลุงของเขา รอยยิ้มที่จอมยุทธ์ไวซ์มีให้กับทุกคนที่ร่วมขบวน แห่เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความดีใจและปลื้มปีติเป็นอย่างมาก ฝ่ายเจ้าสาวคุณชายน้อยหรือจอมยุทธ์ปั้นที่ทุกคนในยุทธภพต่างเรียกขาน นั่งประจำที่เพื่อรอเจ้าบ่าวมาทำพิธีไหว้เทวดาฟ้าดิน ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้บิดามารดาก่อนจะส่งตัวเข้าหอลำดับต่อไป
เมื่อพิธีไหว้ฟ้าดินเสร็จสิ้นลง ลำดับต่อไปเป็นการส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอที่บ้านเจ้าบ่าว
"ท่านพ่อ ข้าไม่ไปไม่ได้เหรอครับ ข้าไม่อยากจากท่านไปไหน" น้ำเสียงคุณชายน้อยดูออดอ้อนประมุขของบ้านอย่างเห็นได้ชัด ก่อนชำเลืองมองหน้าจอมยุทธ์หนุ่มที่มีสีหน้ากรุ้มกริ่มออกแนวเจ้าเล่ห์มองมาทางเขาอยู่ตลอดเวลา
"ลูกกลัวสามีของลูกใช่ไหม" นับเป็นคำถามที่ตรงใจคุณชายน้อยมากแต่หากตอบตามตรงเกรงจะเสียฟอร์มคุณชายเจ้าเสน่ห์
"เปล่านะท่านพ่อ ข้าจะกลัวท่านพี่ไวซ์ทำไม ในเมื่อข้าใหญ่กว่า" คุณชายน้อยกล่าวพลางกอดอกอย่างมั่นใจ
"ท่านใหญ่กว่าข้างั้นเหรอ เดี๋ยว!...ท่านหมายถึงอะไรใหญ่??..." จอมยุทธ์หนุ่มย้อนถามด้วยอาการอมยิ้ม
"นี่ท่านคิดบ้าอะไรอยู่ ขะ..ข้าหมายถึง ความเป็นใหญ่ในบ้านต่างหากล่ะ ข้าใหญ่กว่าท่านเข้าใจหรือยัง" คุณชายน้อยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
"ความเป็นใหญ่ในบ้านต้องเป็นฝ่ายสามีไม่ใช่เหรอครับคุณชาย"
"ได้!... ถ้าอย่างนั้นหลังจากส่งตัวเข้าหอแล้ว ท่านก็ออกมานอนด้านนอกห้องแล้วกัน หากฝืนคำพูดข้า น้องชายของท่านต้องลาโลกแน่นอน กลายเป็นเดชไอ้ด้วนแน่ 5555++"
"ท่านพ่อช่วยข้าด้วย" จอมยุทธ์หนุ่มรีบคุกเข่าอ้อนวอนพ่อตาทันควันแต่ถูกกลับปฏิเสธอย่างขอไปที
"เรื่องของผัวเมียพ่อไม่ยุ่งนะลูก ไปกันเถอะจะได้ฤกษ์ส่งตัวแล้ว"
"5555++ ท่านพ่อของข้าน่ารักที่สุดเลยครับ" คุณชายน้อยกล่าวพลางกอดอกและเข้าไปหอมแก้มผู้เป็นพ่ออย่างดีใจเหมือนเด็กเล็กๆ
"ได้ข้ายอมเป็นรองท่านคุณชาย (แต่แค่ตอนนี้นะ เข้าหอแล้วเสร็จข้าแน่ 55555+++)" จอมยุทธ์หนุ่มตอบตกลงก่อนจะคิดในใจต่อจากคำตกลงนั้นด้วยเสียงหัวเราะลั่นอยู่ในใจ
จากนั้นประมุขของบ้านจึงทำการส่งตัวลูกชายคนเดียวไปร่วมหอลงโรงกับชายหนุ่มที่เขาคิดว่าดีและสามารถดูแลปกป้องลูกชายของตนได้โดยให้ท่านอาของคุณชายน้อยเดินไปส่งที่เรือนหอตามธรรมเนียม ซึ่งประมุขประจำเรือนใหญ่ได้กำชับหลายชายว่าขณะเดินทางไปบ้านเจ้าบ่าวห้ามเหลียวมองกลับมาทางบ้านของตัวเองโดยเด็ดขาดเพราะจะไม่เป็นมงคลแก่ชีวิตคู่