การเดินฝ่าฝูงชนไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเลยจริงๆ จอมยุทธ์หน้าใสรำพันกับตัวเอง ขณะที่ต้องเดินเบียดกับชาวบ้านมากมายที่มาร่วมขบวนแห่เฉลิมฉลองที่เขาได้ไปเป็นตัวแทนของมณฑลไปชิงตำแหน่งจ้าวยุทธภพในครั้งนี้ เมื่อเขาฝ่าฝูงชนจำนวนมากออกมาได้สักระยะ เขาจึงใช้วิชาตัวเบาในการเดินทางต่อไปยังสถานที่ที่เขาเรียกที่นั่นว่า โขดหินแห่งสองเรา การเดินทางเขาต้องข้ามภูเขาใหญ่ถึงสามลูกด้วยกันหากใช้วิธีเดินไปคงต้องใช้เวลาถึงสามวันสามคืนแต่การเดินทางด้วยวิชาตัวเบาจะใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็สามารถไปถึงที่นั่นได้สบายๆ
จอมยุทธ์หน้าใสจึงรวบรวมสมาธิบวกกับพลังลมปราณขั้นสูงดีดส่งตัวเองขึ้นไปยังบนหลังคาบ้านคนแล้วก้าวเท้าด้วยความเร็วก่อนจะยันปลายเท้าส่งตัวเองไปด้านหน้าอย่างแรง ทำให้ตัวของเขาพุ่งกระโจนลอยไปไกลเท่าที่ใจต้องการ เขาหยุดเหยียบยอดไม้ใหญ่เพื่อส่งตัวเองให้กระโจนไปข้างหน้า 10 กว่าครั้งก็เดินทางมาถึงโขดหินแห่งสองเรา
เมื่อมาถึงจอมยุทธ์หน้าใสจึงเดินขึ้นไปนั่งลงบนโขดหินใหญ่ที่มีความสูงพอประมาณ ด้านบนมีพื้นที่ไม่มากนักแต่พอนั่งพักได้ 2-3 คนโดยด้านบนมีต้นท้อขนาดกลางอยู่หนึ่งต้น ใต้ต้นท้อนั้นมีก้อนหินลักษณะสี่เหลี่ยมขนาดพอนั่งสองคนสบายๆ เมื่อเขาลงนั่งบนหินสี่เหลี่ยมนั้นเขาได้กวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณ สายลมอ่อนๆ พัดสัมผัสผิวกายที่เกิดเหงื่อเพียงเล็กน้อยจากการเดินทางให้แห้งหายไปในพริบตา เส้นผมยาวสลวยพัดปลิวปิดบังใบหน้าหวานๆ เล็กน้อยเป็นระยะ เขามองทอดยาวออกไปไกลแสนไกลอย่างไร้จุดหมาย
"ท่านพี่! วันนี้ข้าได้เป็นตัวแทนไปชิงจ้าวยุทธภพแทนท่านแล้วนะ ข้าจะคว้าตำแหน่งจ้าวยุทธภพมาให้ท่านให้ได้ ข้าขอให้สัญญากับท่าน" เขากล่าวอย่างภูมิใจถึงใครคนหนึ่ง
"ตอนนี้ทุกคนในเมืองกำลังสนุกสนาน สำราญกับการเฉลิมฉลองชัยชนะของข้าแต่ข้าขอมาหาท่านก่อนเพื่อมาบอกความสำเร็จที่ข้าได้รับ" รอยยิ้มอันสดใสเริ่มปรากฏขึ้น
"ไม่ใช่เพราะข้าหนีเจ้าจอมยุทธ์หื่นท่านนั้นหรอกนะ คนบ้าอะไร ข้าหวังจะช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืนแท้ๆ แต่กลับมาฉวยโอกาสกับข้าซะได้ ท่านคงไม่โกรธข้าหรอกนะท่านพี่" น้ำเสียงดูขุ่นมัวขึ้นมาทันทีเมื่อกล่าวถึงใครอีกคนหนึ่ง
"ข้ายังคงมีท่านพี่เพียงผู้เดียว ไม่เคยสนใจใครนอกจากท่าน คำสัญญาที่ท่านกับข้ามีต่อกัน ณ โขดหินแห่งสองเรานี้ยังอยู่ในหัวใจของข้าเสมอไม่มีวันลืมเลือน รอยจูบบนแก้มของข้าที่ท่านมอบให้ข้าวันนั้นข้ายังจำได้ดี ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงท่าน ข้ามักจะสัมผัสแก้มนี้ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีท่านอยู่เคียงข้างคอยกอดประคองข้าไม่เคยห่าง" คำกล่าวนี้ ทำให้อีกคนที่ซุ่มอยู่อีกด้านข้างของโขดหินถึงกับสะเทือนใจ
"ท่านไม่ต้องกลัวหรอกนะ จะไม่มีใครแทนที่ท่านได้" จอมยุทธ์หน้าใสกล่าวอย่างมีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมกับความรู้สึกภายในใจของตนเอง
"ข้าไม่เชื่อ!..." ทันทีที่จอมยุทธ์หน้าใสได้ยินเสียงนั้นเขาก็รีบชักดาบออกจากฝักทันทีเช่นกัน
"เจ้า!!..." เสียงเขาดูตกใจเมื่อเห็นจอมยุทธ์หนุ่มปรากฏตัวขึ้น
"ข้าเอง คนที่มัดจำเจ้าด้วยรอยจูบหลังสิ้นการประลองฝีมือไงคุณชายปั้น" จอมยุทธ์หนุ่มกล่าวพลางเดินขึ้นมาบนโขดหิน
"หยุดนะ! เจ้าไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาบนนี้ คนที่มีสิทธิ์อยู่บนนี้ได้ก็มีแต่ข้าและท่านพี่ของข้าเท่านั้น" เขากล่าวพลางชี้ปลายดาบขู่ผู้มาเยือน
"วางดาบลงเถอะคุณชาย ข้าไม่ทำอะไรท่านหรอก"
"ไม่ เจ้าต้องลงไปจากโขดหินนี้เสียก่อน เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เตือน"
"ได้ๆ ข้าจะลงไปเดี๋ยวนี้" ผู้มาเยือนทำทีจะก้าวลงจากโขดหิน ทำให้จอมยุทธ์หน้าใสเก็บดาบเข้าฝัก ทันใดนั้นผู้มาเยือนใช้จังหวะที่อีกฝ่ายเผลอรีบเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วโดยจอมยุทธ์หนุ่มได้สอดแขนกอดเขาไว้แน่นก่อนจะยกตัวอีกฝ่ายมานั่งบนตักของตน
"ปล่อยข้านะ...ปล่อยข้า...เจ้าบ้า..เจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับข้านะ" จอมยุทธ์หน้าใสดิ้นรนจากอ้อมแขนที่กอดรัดเขาไว้แน่นจนไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ ด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองแต่ก็ถูกอีกฝ่ายใช้ปลายจมูกซุกซนที่ลำคอขาวๆ นั้นอยู่นานจนสมใจ เขาร้องว่าผู้กระทำย่ำยีลำคอขาวของเขาต่างๆ นานาจนผู้กระทำรู้สึกทนไม่ไหวกับเสียงด่าทอนั้น
"หยุด!..."
"ไม่หยุด หากข้าหลุดจากแขนเจ้าไปได้นะ ข้าจะหั่นเจ้าออกเป็นชิ้นๆ...."
"หากเจ้าไม่หยุด ข้าจะเอาเจ้าทำเมียซะบนโขดหินนี้เลยดีไหม?..." ทุกอย่างเงียบสงบเหมือนสั่งได้ แม้แต่เสียงนก เสียงลม เสียงใบไม้ไหวก็ไม่มี จนทำให้จอมยุทธ์หนุ่มทั้งสองรู้แปลกๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ข้าหยุดแล้ว เจ้าต้องการอะไรว่ามาแต่เจ้าต้องปล่อยข้าลงจากตักของเจ้าก่อน"
"ไม่! ข้าไม่ปล่อยก็ตัวเจ้าหอมแบบนี้ แม้แต่ข้ายังไม่ทันได้สูดดมใกล้ๆ กลิ่นกายของเจ้าก็ดึงดูดให้ข้าตามมาหาเจ้าถึงที่นี่ไง จึงทำให้ข้ารู้ว่ากลิ่นหอมๆ นี้เป็นกลิ่นกายคุณชายปั้นจริงๆ" ผู้มาเยือนกล่าวพลางทำท่าจะหอมแก้มขาวๆ ของเขาอีกครั้งแต่ถูกเสียงเจ้าของถิ่นห้ามไว้ก่อน
"อย่าทำกับข้าเป็นเช่นนางโลมได้ไหม"
"ข้าก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าเป็นนางโลมเสียเมื่อไหร่แต่เจ้างดงามราวกับสตรีแบบนี้ทำไมข้าถึงจะหอมแก้มเจ้าไม่ได้"
"เพราะคนที่จะหอมแก้มข้าได้ก็มีแต่ท่านพี่เพียงผู้เดียว"
"ท่านมีคนรักแล้ว?!..."
"ใช่ ข้ามีคนรักแล้วแต่ถึงตอนนี้ท่านพี่จะจากข้าไปนานหลายปี ข้าเองก็จะไม่มีใครเด็ดขาดเพราะทั้งหัวใจของข้าจะมีไว้รักเพียงท่านพี่ผู้เดียว" เมื่อผู้มาเยือนได้ฟังประโยคนี้ จากปากของผู้ที่นั่งอยู่บนตักโดยมีวงแขนที่กอดรัดอีกฝ่ายไว้แน่น บัดนี้วงแขนทั้งสองข้างได้ค่อยๆ คลายลงช้าๆ
ทันทีที่จอมยุทธ์หน้าใสหลุดจากอ้อมกอดของผู้มาเยือนแล้ว จึงรีบชักดาบคู่กายออกมาหมายจะแทงอีกฝ่ายให้ตายคาดาบของตนแต่สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า จอมยุทธ์หนุ่มผู้หาญกล้า บ้าบิ่น จอมฉวยโอกาสได้แต่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าแววตาเศร้าสลดเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากทั้งที่มีปลายดาบอันแหลมคมจ่อที่หัวใจจอมยุทธ์หนุ่มอยู่แต่เขายังคงนิ่งเฉยสักพักเหมือนอีกฝ่ายได้สติกลับคืน
"ท่านต้องการจะปลิดชีพข้ารึ เชิญเลยข้าจะไม่ขัดขืนเพราะตอนนี้ข้าก็เหมือนคนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ข้าไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร...!?" ผู้มาเยือนกล่าวพลางจะลุกขึ้นยืน ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นปลายดาบอันแหลมคมคงทะลุเข้าไปในตัวเขาแน่ๆ
"เจ้าจะบ้ารึไง อยู่ดีๆ ก็อยากตาย" เขากล่าวพลางจะเก็บดาบเข้าฝักแต่ถูกอีกฝ่ายจับดาบไว้แน่น
"ฆ่าข้าเสียเถิด เมื่อท่านมีคนรักอยู่แล้ว และไม่คิดจะสนใจข้า ข้าไม่รู้จะอยู่ไปทำไม"
"นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้ามีคนรักอยู่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ปล่อยดาบข้าเดี๋ยวนี้นะ" เขากุมจะดึงดาบจากมืออีกฝ่ายแต่ไม่กล้าจะทำรุนแรงเพราะรู้ดีว่าดาบของเขามีความคมมากเพียงใด
"ข้ารักท่านคุณชายปั้น!!..." เมื่อจอมยุทธ์หนุ่มกล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นทำให้ปลายดาบแทงเข้าอกซ้ายเต็มๆ ส่งผลให้จอมยุทธ์หนุ่มนอนสลบบนหินสี่เหลี่ยมนั้นทันที
"ท่านจอมยุทธ์!...ท่าน..." เขาตกใจกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน มันเกิดขึ้นเกือบพร้อมๆ กัน ไม่ทันที่จอมยุทธ์หน้าใสได้ทันตั้งตัว เขาจึงวางดาบลงก่อนเข้าไปประคองอีกฝ่ายนอนบนตักและเรียกสติแต่ไม่เป็นผล ยิ่งทำให้จอมยุทธ์หน้าใสเกิดความกระวนกระวายมากขึ้น กระทั่งได้มีเสียงพูดของคนรักของเขาดังก้องในหูของเขาราวกับปาฏิหาริย์
"ด้านข้างก้อนหินนี้มีสมุนไพรชนิดหนึ่งสามารถใช้รักษาแผลจากของมีคมทุกชนิดได้ เพียงเจ้าขยี้และแปะสมุนไพรนั่นลงบนแผลอาการก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว" เขารีบวางคนเจ็บก่อนเดินไปดูด้านข้างหินสี่เหลี่ยมที่เขานั่งประคองอีกฝ่ายตามคำบอกที่ดังก้องข้างหู แล้วเขาก็พบกับต้นอะไรสักต้นหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปเด็ดมันมาพอประมาณ แล้วขยี้ใบไม้นั้น จากนั้นเขาจึงค่อยๆ เปิดเสื้อคนเจ็บออกและแปะใบสมุนไพรนั้นบนแผลที่ถูกดาบแทง เมื่อนำสมุนไพรแปะแผลเรียบร้อยแล้วก็ดึงเสื้อปิดตามเดิม จอมยุทธ์หน้าใสพยายามร้องเรียกคนเจ็บตลอดเวลาแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขานั่งเฝ้าโดยมีคนเจ็บนอนหนุนตักนุ่มนั้นอยู่นานจนดวงตะวันค่อยๆ ลับขอบฟ้าไป