แต่มันไม่ทันกาลเสียแล้ว เพราะร่างสูงได้คว้าตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วรีบกดล็อคประตูอย่างรวดเร็ว หญิงสาวดิ้นรนกระทืบเท้าเขาเพื่อให้เขาปล่อยเธอ แต่ชายหนุ่มก็สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย เธอจึงพยายามกระทุ้งศอกใส่ชายหนุ่ม แต่ด้วยความชำนาญในการต่อสู้ของเขา ทำให้เขาหลบได้ทุกครั้ง หญิงสาวจึงกรีดร้องเสียงดัง แต่ด้วยความที่ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียง จึงไม่มีใครสามารถมาช่วยเธอได้
“หมดฤทธิ์หรือยังฮึ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงนุ่ม ร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ในอ้อมกอดมันทำให้เขาหวนคิดถึงวันเก่าๆ ที่มีเธออยู่ข้างกาย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้คนบ้า” หญิงสาวแหวใส่ชายหนุ่ม
“ไม่ปล่อยหรอก ก็คิดถึงนี่นา” ชายหนุ่มกล่าวเสียงนุ่ม เขายังคงกอดรัดร่างบางไว้แน่นด้วยความคิดถึง
“นี่หน้าที่การงานไม่ได้ทำให้คุณดีขึ้นเลยเหรอ เสียดายทำงานซะดิบดี แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นนิสัยเดิมๆ” หญิงสาวยังคงมองชายหนุ่มตาขวาง เธอไม่พอใจที่เขามาล่วงเกินร่างกายของเธอเช่นนี้ และที่สำคัญเธอก็รู้ดีว่าเขายังอยู่ในหัวใจของเธอดังเช่นวันวาน
“พี่ไม่มีวันปล่อยมุกไปอีกแล้ว ให้โอกาสพี่ได้แก้ตัวสักครั้งได้มั้ย”
“โอกาสมันมีสำหรับคนที่ควรให้ แต่คุณมันน่ารังเกียจเกินกว่าที่จะได้โอกาสนั้น” หญิงสาวกัดฟันพูดทั้งที่เธอยังอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ถ้าเรายังตกลงกันไม่ได้ก็อย่าหวังว่ามุกจะได้ออกไปจากห้องนี้” ชายหนุ่มยิ้มยียวนให้กับหญิงสาวที่หันกลับมามองเขาตาแทบถลน
“มันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องตกลงแล้ว คอยดูนะถ้าฉันออกไปได้ฉันจะแจ้งความจับคุณข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว”
“ก็เอาสิ ถ้ากล้าแจ้งจับสามีตัวเอง” ชายหนุ่มยังคงอารมณ์ดี เขาไม่สนใจอารมณ์ที่คุกรุ่นของหญิงสาว
“ทุเรศ กล้าพูดออกมาได้ไม่อายปาก เรื่องของเรามันจบกันไปตั้งนานแล้ว อย่ามาพูดจาทุเรศๆ แบบนี้นะ” ม่านมุกโวยวายด้วยความไม่พอใจ แม้ว่าเรื่องจะผ่านมานานเท่าใดแต่หญิงสาวก็ยังคงจดจำทุกอย่างได้แม่น
“ถ้ามุกจำไม่ได้ วันนี้พี่จะรื้อฟื้นมันให้เอง”