บทที่ 5 ผูกพันกันด้วยความเจ็บปวดและเกลียดชัง 3

1759 คำ
ภายในคฤหาสน์สิรพลากรที่ไม่เคยเปิดต้อนรับผู้ใด วันนี้ถูกเนรมิตอย่างอลังการงดงามสำหรับงานหมั้นระหว่างทายาททั้งสองของเจ้าสัวนพ ธีมของงานทั้งหมดเป็นแบบวัฒนธรรมไทยผสมจีนได้อย่างลงตัว ตามทางเดินประดับประดาด้วยโคมแดงแสดงถึงความเป็นสิริมงคล มีการตัดแต่งต้นไม้ในสวนให้เป็นรูปทรงต่างๆ ที่สื่อถึงความรัก เพิ่มลูกเล่นความระยิบระยับด้วยการประดับไฟดวงเล็กเข้าไป ที่กว้างตรงกลางสวนหน้าทางเข้างานจัดซุ้มไม้สีขาวขนาดใหญ่พันด้วยดอกกุหลาบขาวทั้งซุ้ม ซึ่งมีการสั่งตรงจากสวนจำนวน 99,999 ดอก ทำให้สัมผัสได้ถึงความรักที่บริสุทธิ์อ่อนหวาน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่บรรดาแขกสนิทชิดเชื้อที่ได้รับเชิญมาร่วมงานครั้งนี้โดยเฉพาะ ภายในห้องรับแขกโอ่โถงที่มีฉากหลังเป็นบันไดวนสีทองแสดงถึงความมั่งคั่งของตระกูลใหญ่ ถูกประดับด้วยสีทองอร่ามตา ทั้งเก้าอี้ โซฟา ผ้าม่าน รวมถึงซุ้มดอกไม้ เครื่องเงินเครื่องทองและสินสอดทองหมั้น บนโซฟาสีทองสไตล์หลุยส์มีท่านเจ้าสัวนพนั่งอย่างน่าเกรงขาม แม้อายุอานามจะเข้าสู่วัยแปดสิบกว่าแล้ว แต่ไม่อาจลดทอนอำนาจบารมีได้เลย เก้าอี้เดี่ยวข้างๆ มีแวววรรณนั่งอยู่ ทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย บนพื้นที่ปูด้วยพรมทอมือราคาแพงมีหนุ่มสาวที่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายนั่งอยู่ ถัดออกมาเป็นที่นั่งของแขกเหรื่อที่มาร่วมเป็นสักขีพยานแสดงความยินดี อมลฉวีนั่งอยู่บนรถเข็นมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหลระคนริษยา แววตาที่มองชายคนรักละห้อยน้อยใจ มีความผิดหวังอย่างเด่นชัด วันนี้เจษณะหล่อเหลาอย่างไร้ที่ติ เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวไทแดงเช่นเดียวกับชุดของลัลล์นลิน ทั้งสองกลัดเข็มกลัดดอกกุหลาบแดงนั่งโดดเด่นเคียงคู่กัน หล่อนมองไปที่ชุดหมั้นของฝ่ายสาวด้วยไฟอิจฉาตาร้อนที่แทบจะเผาไหม้ให้กลายเป็นจุณ ได้ยินว่าเจษณะเป็นคนออกแบบชุดนี้ด้วยตัวเอง ลัลล์นลินสวมชุดเดรสยาวสีขาวล้วน คอเสื้อเป็นแบบกี่เพ้า มีลูกเล่นที่ชายกระโปรงแบบหางปลา เพิ่มความงดงามด้วยปักดอกกุกลาบสีแดง แผ่สยายขับให้คนใส่ดูสวยสง่า หวานละมุนทำให้ผู้คนลุ่มหลงราวกับต้องมนต์สะกด ไหนเขาบอกว่าเกลียดลัลล์นลินไงล่ะ... ปากบอกไม่รัก แต่กลับทำเพื่อมันขนาดนี้ คืออะไร? งานวันนี้ก็เหมือนกัน เป็นความคิดริเริ่มของเขาทั้งหมด เจษณะให้ความสำคัญและพิถีพิถันทุกขั้นตอน ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แม้แต่ดอกกุหลาบเพียงดอกเดียว โดยที่ลัลล์นลินไม่มีส่วนร่วมเลยสักนิด ทั้งหมดที่เขาทำแสดงให้เห็นแล้วว่าเขารักและแคร์มันมากขนาดไหน แล้วหล่อนล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่เคยทำเพื่อหล่อนแบบนี้บ้างเลย ทำไมในสายตาเขา หัวใจเขาถึงมีแค่ลัลล์นลินเพียงคนเดียว ทำไมถึงเป็นหล่อนไม่ได้!? พวกหล่อนแตกต่างกันตรงไหน ลัลล์นลินมีอะไรที่หล่อนไม่มีอย่างนั้นหรือ... เจษณะถึงไม่รักหล่อน! สองมือของอมลฉวีกำหมัดแน่น ผ้าที่กำอยู่แทบจะถูกปลายเล็บแหลมคมทุ่มทะลุเป็นรูโหว่ หล่อนก้มหน้าแอบกัดริมฝีปากจนแทบเลือดออก แววตารุ่มร้อนแผดเผาจ้องมองภาพที่แสนจะบาดตาบาดหัวใจด้วยความเจ็บแค้น ขณะที่เจษณะกำลังกุมมือเรียวของลัลล์นลินไว้อย่างนุ่มนวล เพื่อสวมแหวนหมั้น ในใจกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งและเจ็บปวดว่า ทำไมคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ใช่หล่อน! ลัลล์นลินขืนมือนิดๆ เมื่อเจษณะดึงมือเธอไปกุมเอาไว้ สีหน้าราบเรียบไม่มีแววยินดีเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเฉกเช่นคนที่ควรจะมีความสุข ในดวงตาคู่กลมโตมองเขาอย่างเย็นชา ในใจมีความสับสนลังเลว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ถูกต้องรึเปล่า เธอควรหมั้นกับเจษณะจริงๆ หรือ? “อย่าคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง วันนี้เป็นสำคัญของเรา” เจษณะก้มกระซิบแนบหูเธอ เสียงดุๆ พุ่งตรงมาราวกับล่วงรู้ความคิดของเธอทุกอย่าง ลัลล์นลินเหลือบมองเขาด้วยความแปลกใจ เห็นเพียงรอยยิ้มอบอุ่นรักใคร่ของเขาที่ส่งตรงมายังเธอเพียงคนเดียว คล้ายกับว่าในสายตาเขามีแค่เธอ ไม่มีคนอื่นอยู่เลย การแสดงที่แสนหวานครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ ทำให้เธอสับสนและหลงดื่มด่ำจนยากที่จะถอนตัวได้ หลายครั้งที่เคยคิดว่าหากได้แต่งงานกับเขา บางทีทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป เขาอาจจะหลงรักเธอบ้างสักนิด สามารถมอบความรักและทำให้เธอมีความสุขได้จริงๆ น่าเสียดายที่เป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันของเธอฝ่ายเดียว... มือหนาที่บีบมือเธออย่างแรง ทำให้ลัลล์นลินได้สติ รู้ว่านี่คือการคุกคามและบีบบังคับภายใต้ความอ่อนโยนของเจษณะเท่านั้น หญิงสาวเม้มริมฝีปาก จู่ๆ เธอก็รู้สึกอยากจะต่อต้านเขา อยากจะสะบัดมือแล้วลุกออกไปเสียเดี๋ยวนี้! ในความเป็นจริงเธอทำได้เพียงหันหน้าหนี สายตาเหลือบมองไปยังญาติสนิทเพียงคนเดียวบนโลกนี้ ร่างกายของท่านแม้จะมีความเหนื่อยล้าอยู่บ้างที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน แต่ใบหน้าปรากฏความปิติยินดี มีรอยยิ้มจางๆ เมื่อมองมาที่เธอและเจษณะ เธอก็รู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่คุณปู่คาดหวัง ท่านอยากเห็นเธอมีความสุข คำที่อยากจะปฏิเสธถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เพื่อความสุขของคุณปู่ เธอทำได้แค่ทนกล้ำกลืนความทุกข์นี้อยู่ในใจ แล้วฝืนยิ้มให้ท่านสบายใจ ลัลล์นลินคลี่ยิ้มหวานหยด คลายมือออกเพื่อให้เจษณะสวมแหวนเพชรเม็ดงามลงบนนิ้วนางข้างซ้าย ก่อนจะก้มกราบที่ตักเขา แล้วหยิบแหวนสวมให้เขาบ้าง จากนั้นเพิ่มพิธียกน้ำชาไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเพื่อความเป็นมงคล “ปู่ขอให้หลานทั้งสองรักกันยืนยาว มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะ” เจ้าสัวนพรับถ้วยน้ำชาจากหลานชายและหลานสาวยกดื่ม ก่อนจะลูบศีรษะลัลล์นลินด้วยความรักใคร่เอ็นดู “วันนี้ปู่มีความสุขมาก ในที่สุดเสี่ยวหลินของปู่เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ต่อไปนี้ปู่จะได้หมดห่วงเสียที” จากนั้นท่านก็หันมาจับมือจับไม้เจษณะ เอ่ยอย่างขอร้องแกมฝากฝัง “ปู่ขอฝากเสี่ยวหลินให้เจษช่วยดูแลด้วยนะ” “ผมจะดูแลเสี่ยวหลินเท่ากับชีวิตของผมเองครับ จะไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวังเด็ดขาด คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ชายหนุ่มให้สัจจะพลางโอบกระชับไหล่บางแนบแน่น ลัลล์นลินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อก่อนหากได้ยินเขาพูดแบบนี้ละก็ เธอคงเป็นสุขถึงขนาดตายก็ไม่เสียดาย คิดว่าเขาอยากจะแต่งงานกับเธอจริงๆ แต่ตอนนี้เธอทำแค่ยิ้มบางๆ โดยไม่พูดอะไร รู้เพียงวินาทีที่เขาสวมแหวนจนสุดโคลนนิ้ว เธอใจหายวาบ รู้สึกเหมือนสูญเสียอิสรภาพทั้งหมดไปแล้ว ต่อไปนี้ชีวิตของเธอคงไม่ต่างอะไรกับ ‘นกน้อย’ ใน ‘กรงทอง’ เธอแน่ใจว่าเจษณะจะไม่ยอมปล่อยเธอไปจนกว่า เธอจะหมดประโยชน์ เป็นแค่ขยะไร้ค่า นี่คือชะตากรรมที่เขายัดเยียดให้เธอ... เป็นการแก้แค้นอย่างแท้จริง! ลัลล์นลินแน่นในอกจนจุกลำคอไปหมด ยิ้มไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้กับความจริงที่โหดร้ายนี้ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอหนาวยะเยือกเหมือนตกลงไปในธารน้ำแข็งที่มีเพียงความมืดมิด มองไม่เห็นก้นบึ้ง เธอไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง เธอเดินตามคู่หมั้นหมาดๆ ไปทักทายแขกเยี่ยงคนไร้วิญญาณ เขาสั่งให้ยิ้มก็ยิ้ม สั่งให้พูดก็พูด ทว่าในใจนั้นว่างเปล่า ไม่รู้สึกรู้สมอะไรทั้งสิ้น มองไม่เห็นถึงความงามอลังการที่เขาจัดเตรียมขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ “เป็นอะไร ทำไมเงียบไปล่ะ หรือว่าดีใจจนพูดไม่ออก” เจษณะเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำอย่างใส่ใจ มือเรียวยาวหยิบผ้าเช็ดหน้าจากในสูทค่อยๆ ซับเหงื่อหมาดๆ บนใบหน้าเธอ ลัลล์นลินหันหน้าหลบโดยอัตโนมัติ แต่ก็หลบไม่พ้น เขากระชับเอวเธอแน่น ทำให้ขยับตัวลำบาก กวาดตามองเธอขณะเช็ดหน้าให้อย่างอ่อนโยน ท่ามกลางสายตาล้อเลียนแกมอิจฉาของผู้คน “ฉันเหนื่อยแล้ว” เธอกลอกตา ทำสีหน้าเอือมระอาต่อหน้าเขาโดยไม่เกรงกลัว เธอไม่อยากจะอยู่ใกล้เขาเลยแม้แต่นาทีเดียว จึงพยายามเบี่ยงตัวออกจากมือเขา แม้จะไม่เป็นผลเลยก็ตาม “รอก่อน เรายังทักทายแขกไม่หมด” ลัลล์นลินนิ่วหน้า แขกที่เชิญมาในวันนี้น่าจะมีไม่เกินห้าสิบคนด้วยซ้ำ แต่ละคนล้วนเป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อกับเขาและคุณปู่เท่านั้น คนนอกไม่ได้รับเชิญให้มาร่วมพิธีในวันนี้ด้วย แม้แต่นักข่าวก็ถูกสั่งห้าม ทำได้แค่เกาะรั้วแอบถ่ายรูปอยู่นอกคฤหาสน์เท่านั้น เธอคิดว่าเธอน่าจะเดินจนครบทุกคนแล้วนะ “ยังขาดอีกคน” เขาเฉลย ใคร? ความสงสัยเกิดขึ้น พร้อมๆ กับท่อนขาเพรียวยาวของร่างสูงบางของใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาระยะโฟกัสสายตา ทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาเหมือนหยกของอีกฝ่ายชัดๆ ลัลล์นลินก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจแกมยินดี “อาเล็ก” น้ำเสียงที่เรียกขานเผยความแปลกใจและคิดถึงอย่างไม่ปิดบัง ร่างบางอยากพุ่งเข้าไปหารดิศเหมือนที่ชอบทำตอนยังเป็นเด็ก แต่ติดที่มือแกร่งของเจษณะเกี่ยวเอวบังคับให้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขา หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยความไม่พอใจ แต่ต้องสะดุดกึกกับสายตาดุดันเย็นชาของเจษณะที่จ้องเขม็งไปยังอาเล็กของเธอ สายตาแบบนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอคิดได้... สายตาของคนที่เป็นศัตรูกัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม