เขาไม่สนใจแต่เธอยังไใส่ใจ 1

1164 คำ
ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ขนมไทยไม่ค่อยเป็นที่นิยมเสียเท่าไหร่ อาจจะด้วยรสชาติที่หวานจับจิตจับใจ และกรรมวิธีทำที่ยุ่งยากต้องใช้ความใจเย็นเข้าสู้ ทำให้การทำขนมไทยถือเป็นเรื่องยากแต่ไม่ใช่กับญาดา หญิงสาวกลับนิยมชมชอบในการทำขนมไทย เพราะเป็นการฝึกจิตใจให้สงบและฝึกให้เป็นคนใจเย็น และอาจจะด้วยสติปัญญาที่ไม่ใช่คนเฉลียวฉลาดหลักแหลม ออกจะสมองเชื่องช้าไม่แพรวพราว ไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปบริหารธุรกิจดั่งน้องชาย การเรียนก็แค่พอไปได้ไม่ได้หวือหวาน่าจับตามองเสียเท่าไหร่ ทำให้หญิงสาวหันมาสนใจการทำงานฝีมือแทน และการทำขนมคือคำตอบทุกอย่างในชีวิต อย่างน้อยก็ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเองบ้าง “คุณโยสวัสดีค่ะ หญ้าเอาขนมมาส่งค่ะ” เอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ผู้จัดการโรงแรมที่เรียกใช้บริการขนมไทยของเธอเป็นเนืองๆ จนสนิทกัน “สวัสดีครับ มาครับผมช่วยถือ เดี๋ยวเอาเข้าไปในห้องจัดสัมมนาเลยครับ” “ขอบคุณค่ะ” ว่าพร้อมกับส่งถุงขนมให้โย และพากันเดินเข้าไปภายในโรงแรมไปยังห้องจัดสัมมนา ญาดาไม่ได้มาส่งแค่ขนมและกลับไป ทว่าหญิงสาวยังมีน้ำใจช่วยพนักงานจัดขนมเสียด้วยซ้ำ เธออยากเห็นขนมของตัวเองถูกจัดเรียงอย่างสวยงามเป็นระเบียบน่ารับประทาน และสุดท้ายเธอก็อยากขอถ่ายรูปขนมไปลงในเพจเพื่อเป็นการโปรโมทร้านไปในตัว “หญ้าขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ และขอรูปลงไปเพจด้วย” “ได้สิครับคุณกอหญ้า เชิญตามสบายนะครับ ผมขอตัวเข้าไปดูความเรียบร้อยในห้องก่อน” “ค่ะ สวัสดีค่ะ” โยยิ้มให้ ผละตัวเดินเข้าไปในห้องสัมมนา ญาดาจึงเริ่มถ่ายรูปขนมที่จัดเรียงสวยงามสองสามรูปก่อนจะกลับ วันนี้ญาดาตั้งใจจะนำขนมที่ทำไปฝากป๊ากับม้าของวิธานที่บ้าน และจะเลยเอาไปฝากป๊าม้าของตัวเองเช่นกัน จากนั้นคงอยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวสักมื้อ ให้ทานข้าวคนเดียวมานานหลายเดือนก็เริ่มจะคิดถึงฝีมือกับข้าวของม้าแล้วเหมือนกัน เธอยอมรับว่าช่วงแรกที่ย้ายออกมาอยู่กับวิธานเธอแอบนอนร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อใดที่ถูกม้ากับป๊าถามสารทุกข์สุกดิบเธอก็ขอเป็นคนพูดปดว่าเธออยู่ได้สบายดี เพื่อให้ท่านทั้งสองสบายใจ ญาดารีบขับรถออกจากลานจอดรถของโรงแรมมายังทางออก เมื่อเห็นว่ารถที่แล่นมาฝั่งขวามือยังอยู่ในระยะที่ตัวเองคิดว่าเลี้ยวพ้นพอดี จึงรีบหักพวงมาลัยรถเลี้ยวออกไป ทว่าการคาดการณ์ของญาดาก็เหมือนจะผิดไป เมื่อหญิงสาวเลี้ยวรถออกมาตัวรถยังไม่พ้นดีเท่าไหร่ รถที่เห็นว่าไกลก็แล่นข้ามาใกล้ “ปี๊ด ปี๊ดดดด....โครม” “กรี๊ด!” ญาดากรีดร้องลั่นรถ นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ด้านในกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ หัวใจของญาดาเต้นแรงแทบหลุดออกมาจากขั้ว ผิดกับเจ้าของรถที่วิ่งเข้ามาชนท้ายเข้าอย่างจัง รีบเดินลงมาเคาะประตูรถของญาดาอย่างหัวเสีย หญิงสาวจึงรีบลงจากรถไปทั้งที่หน้าซีดมือสั่น “กูว่าแล้วว่าต้องเป็นผู้หญิง ขับรถประสาอะไร ไม่เห็นเหรอว่าข้างหลังมีรถมา คิดจะเลี้ยวก็เลี้ยวออกมาอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน สะเพร่า” ญาดาแทบจะร้องไห้โฮเมื่อถูกด่าจังๆ ยิ่งใบหน้าของคู่กรณีที่ดูดุน่ากลัว หน้าที่ซีดเผือดของญาดาก็ซีดขาวยิ่งกว่ากระดาษ รีบยกมือไหว้คู่กรณีเอ่ยขอโทษเสียงสั่น “ขอโทษค่ะ พอดีคิดว่าเลี้ยวทัน ก็เลยเลี้ยวออกมา” “แล้วมันพ้นไหมล่ะ ดูดีๆ ดิ เพิ่งขับรถเป็นใช่ไหมเนี่ย” ญาดาพยักหน้ารับ หัวใจเต้นระส่ำดังตึกๆ อยู่ในอก มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่นเพื่อหวังให้ความตื่นเต้น ตื่นกลัวลดลง “โอ๊ย!! มันเวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย คนยิ่งรีบๆ อยู่ เรียกประกันมาเคลียร์เร็วๆ เลย โธ่โว้ย!!” “ค่ะๆ" รับคำเสร็จก็รีบพาขาอันสั่นเทาเดินกลับมาที่รถ ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย และคนแรกที่เธอนึกถึงไม่ใช่ประกันแต่คือ... “พี่ธามคะ พี่ธามว่างไหม รถหญ้าถูกชนค่ะ” รีบเอ่ยบอกผู้เป็นสามีออกไปเสียงสั่น เขาคือความหวังเดียวของเธอ ตอนนี้เธอสั่นจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไง เรียกประกันยังไง โทรเบอร์ไหน แต่ดูเหมือนความหวังจะเลือนรางเต็มทน (พี่ต้องเข้าประชุม หญ้าโทรเรียกประกันมาเคลียร์เลยแล้วกัน แค่นี้นะ) ว่าแล้วก็กดตัดสายไป ญาดากำลังจะอ้าปากร้องเรียกไว้แต่กลับไม่ทัน นัยน์ตาหวานสั่นระริก น้ำตาเอ่อคลอจนแทบจะไหลออกมา จนเจ้าตัวรีบกะพริบตาถี่ๆ ปัก! ปัก! ปัก! ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ เสียงเคาะกระจกรถก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ญาดาจึงรีบลดกระจกลง “โทรหรือยังเนี่ย เร็วๆ เลยนะ” “ค่ะ โทรเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ลนลานตอบออกไปปากคอสั่น พร้อมกับบอกตัวเองว่าสิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คือการมีสติ ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกสติตัวเอง “สติหญ้า แกต้องทำได้ แกต้องตั้งสติ ประกันรถ ประกันรถ โทรหาประกัน” พึมพำออกมาพยายามตั้งสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับเข้าที่เข้าทาง ไล่เรียงสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ นั่นก็คือโทรหาบริษัทประกัน “สวัสดีค่ะ แจ้งรถประสบอุบัติเหตุค่ะ....” กว่าจะผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายสำหรับญาดามาได้ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในชีวิตก็ว่าได้ ทำให้ญาดารู้ว่าตัวเองเก่งมากขึ้น สามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเอง และที่สำคัญทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่ควรประมาทแบบวันนี้ ส่วนขนมที่คิดจะเอาไปฝากป๊ากับม้าทั้งสองครอบครัวคงต้องเอาไว้ก่อน ขืนเธอขับรถที่ท้ายยับเข้าบ้านไป ป๊ากับม้าคงได้บ่นให้แน่ เธอไม่อยากให้ท่านทั้งสองเป็นห่วงมากไปกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ท่านทั้งสองก็ห่วงมากพอแล้ว เหลือบมองดูนาฬิกาญาดาก็เห็นว่าเวลาใกล้เที่ยง หญิงสาวจึงขับรถไปยังบริษัทของวิธาน ซื้ออาหารเที่ยงไปให้สามีไม่รู้ป่านนี้จะเลิกประชุมหรือยัง หากเลิกประชุมก็ไม่รู้จะหาอะไรทานไหม ยิ่งไม่ชอบทานกลางวันอยู่ด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม