ตอนที่ 6
อนาวินเปลี่ยนเรื่องเพราะเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสมหากจะคุยเรื่องนี้กับเด็กน้อยอย่างพลอยใส เพราะเธอก็ดูไร้เดียงสา และมีความคิดเป็นเด็กอยู่
“แล้วก่อนหน้านี้น้องพลอยอยู่กับใครที่ต่างจังหวัดเหรอครับ” เขาถามเธอ
“หนูอยู่กับยายค่ะ พอคุณยายเสียก็เลยต้องไปอยู่กับคุณป้า แต่ก็เกรงใจท่านเหมือนกัน” เด็กสาวอธิบาย
“น้องพลอยเก่งนะครับ ที่สอบติดโรงเรียนนี้ แถมยังเป็นห้องสมาร์ตอีกด้วย”
“ไม่หรอกค่ะ อันที่จริงหนูอยากเรียนสายศิลป์ด้วยซ้ำไปแต่แม่ไม่ยอม”
“อ่าว!!..ทำไมล่ะ”
“แม่คงไม่อยากให้หนูเป็นแค่พนักงานบริษัทเหมือนแม่มั้งคะ” เธอตอบ ก่อนจะเล่าต่อไป อนาวินก็เป็นผู้รับฟังที่ดี
“พอช่วง ม.2 คุณยายหนูเสียพอดี หนูก็เลยต้องไปอยู่กับคุณป้า หลังจากนั้นหนูพยายามสอบเพื่อเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ เพราะจะได้ย้ายมาอยู่กับคุณแม่” อนาวินไม่กล้าถามว่าพ่อของเด็กน้อยคนนี้ไปไหน จึงได้แต่ยิ้มให้กับความเก่งกล้าของเธอ
พลอยใสที่เพิ่งจบมัธยมต้นจากโรงเรียนต่างจังหวัด และเธอก็เพิ่งสอบเข้ามาเรียน ม.4 ในกรุงเทพฯ เธอแทบไม่มีเพื่อนเลย และตอนนี้ก็เพิ่งจะเปิดเทอมมาเพียงสองอาทิตย์ และสาเหตุที่เธอต้องมาเข้าเรียนที่สถาบันกวดวิชาแห่งนี้ ก็เพราะว่าพลอยใสนั้นอ่อนวิชาวิทยาศาสตร์ มารดาจึงบอกให้เธอมาเรียนกวดวิชาหลังเลิกเรียน คุยกันได้ไม่นานก็หมดเวลาพักเบรก ทั้งสองจึงแยกย้ายเพื่อกลับไปเข้าห้องเรียนของตนเอง
19.00 น.
ทั้งสองออกจากห้องเรียนมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งอนาวินและพลอยใสทั้งคู่ต่างคนต่างก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน จึงมานั่งคุยกันอีกรอบ เหมือนทั้งสองจะคุยกันถูกคอ พลอยใสเธอต้องรอมารดามารับ อนาวินก็ยังไม่อยากกลับบ้าน
ชายหนุ่มที่เห็นเด็กสาวยังไม่รีบกลับ เขาจึงอาสาอยู่คุยเป็นเพื่อนกับเธอ ก่อนจะเห็นติวเตอร์ของตนเองนั้นมีแฟนหนุ่มขับรถมารับจริง ๆ เพราะเห็นทั้งคู่ขึ้นรถไปพร้อมกัน
“หนูยังเรียนไม่ค่อยทันที่หมอมิวสอนเลยค่ะ พี่วินล่ะ พอได้มั้ยคะ..ภาษาอังกฤษ”
“อืม..ก็พอได้อยู่นะ แล้วน้องพลอยติดตรงไหนล่ะ พี่พอช่วยได้นะถ้าเป็นชีวะ”
“เอาอย่างนี้สิคะ เราแลกกันดีกว่า เดี๋ยวหนูติวภาษาอังกฤษให้พี่ แล้วพี่ติวชีวะให้หนู” อนาวินยิ้มกว้างที่เด็กน้อยคนนี้กล้าต่อรองกลับเขา
“ได้สิจ๊ะ! แสดงว่าภาษาอังกฤษของน้องพลอยคงจะเก่งน่าดูเลย” ชายหนุ่มถามขึ้น
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คะแนน Toeic หนูได้เต็ม” เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ มารดาของเธอเคยพามาสอบ Toeic ก่อนจะมาเรียนที่นี่
“ว้าว!..งั้นเยี่ยมไปเลย” อนาวินยิ้มด้วยความดีใจอย่างน้อยก็ได้คนติวเพิ่มอีกหนึ่งคน คุยกันมาเกือบหนึ่งชั่วโมงอนาวินก็ถามเด็กสาว จะทิ้งเธอไว้คนเดียวมันก็ช่างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน
“คุณแม่น้องพลอยจะมารับกี่โมงครับ”
“วันนี้แม่หนูมีประชุมค่ะ ปกติคุณแม่ก็จะเลิกงานประมาณห้าโมงเย็น แต่กว่าจะขับรถถึงที่นี่ก็ประมาณหนึ่งทุ่มกว่า ๆ แต่มันก็พอ ๆ กับที่หนูเลิกเรียนพอดี” เด็กสาวอธิบายต่อไปว่ามารดาของเธอต้องฝ่าฟันอุปสรรครถติดจากที่ทำงาน และช่วงหลังเลิกเรียนเธอจะนั่งรถไฟฟ้ามาที่นี่ด้วยตนเอง แต่พอเรียนเสร็จมารดาของเธอก็จะเป็นคนมารับกลับบ้านทุกครั้ง เพราะเป็นห่วงความปลอดภัย
“โอเคครับ งั้นเอาอย่างนี้นะ ระหว่างที่น้องพลอยรอคุณแม่ เดี๋ยวพี่จะติวชีวะให้น้องพลอยเอง”
“ได้เลยค่ะ” เด็กสาวดีใจก่อนจะรีบเปิดหนังสือของตนเองออกมาเพื่อให้อนาวินสอนเธอ