ตอนที่ 3
“สถาบันกวดวิชาที่อาจารย์บอก..ชื่อว่าอะไรนะครับ” กรุ้มกริ่มนาวินได้ยินไม่ถนัดจึงเอ่ยถามขึ้นอีกรอบ
“My tutor” จิดาภาออกเสียงซ้ำอย่างชัด ๆ อีกครั้ง
“แล้วมายติวเตอร์เนี่ย!...อยู่แถวไหนเหรอครับอาจารย์” จิดาภาจำต้องเล่าต่อไปถึงสถานที่ตั้งเมื่อลูกศิษย์หนุ่มให้ความสนอกสนใจ ก่อนจะแนะนำให้อนาวินรีบไปลงสมัครเอาไว้เสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะกลัวว่าจะเต็มเสียก่อน
“ช่วงนี้ยังไม่ใช่ช่วงปิดเทอมของเด็กมัธยม มันจะมีแค่รอบบ่าย กับรอบเย็นนะเท่านั้นนะ ถ้าเป็นรอบบ่าย ก็ตั้งแต่ 15.00 – 1700 น. และถ้าเป็นช่วงเย็น ก็จะเป็นช่วง 17.00-19.00 น.”
“แล้วจะมีรอบเช้ามั้ยครับอาจารย์ เพราะบางครั้งผมว่าเรียนช่วงเช้าหัวมันจะแล่นดีกว่า”
“ช่วงเช้าก็มีนะ แต่ต้องเป็นช่วงตอนปิดเทอมใหญ่ของเด็กมัธยมโน่นแหละ เท่าที่อาจารย์จำได้ก็ตอนเดือนกุมภาพันธ์ ถึงพฤษภาคม”
“เสียดายจังเลยนะครับ ที่เราปิดเทอมไม่พร้อมกับเด็กมัธยม”
“ใช่มหาลัยกำลังปิด แต่เด็กมัธยมกำลังเปิด แต่อาจารย์ว่าเธอไปเรียนช่วงเย็น ๆ ก็ดีนะ”
“ทำไมเหรอครับอาจารย์”
“ก็จะได้เห็นน้อง ๆ มัธยมน่ารัก ๆ ไง ชอบไม่ใช่เหรอ”
“โธ่อาจารย์ ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย”
“ขอให้มันจริงเหอะ”
“ครับ!!!..อย่างผมคงไม่ต้องจีบเด็กหรอกครับ ต้องจีบศิษย์รักของอาจารย์เลยดีกว่า อาจารย์จะให้ผมบอกกับเธอมั้ยครับว่าอาจารย์เป็นคนแนะนำมา” อนาวินพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป เธอถึงกับส่ายหัวในความคิดของอนาวิน ก่อนจะเอ่ยตามหลังลูกศิษย์หนุ่มไป
“บอกไปก็ไม่ได้ส่วนลดหรอกยะ”
“ผมก็ไม่ได้ต้องการส่วนลดอยู่แล้วนี่ครับ แต่ถ้าลูกศิษย์ของอาจารย์น่ารักเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที” พูดจบลูกศิษย์หนุ่มก็ยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นมาทันที
“อย่าไปทำให้อาจารย์เสียชื่อล่ะ..อนาวิน!!!” จิดาภารีบเตือน
'งานนี้ไม่มีเสียชื่อแน่นอนครับ มีแต่เสียตัว' อนาวินคิดแต่ไม่ทันได้พูดออกมา
“งั้นผมไปก่อนนะครับอาจารย์ แล้วเจอกันเทอมหน้าครับ” เด็กหนุ่มรีบยกมือไหวทันทีก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“เกรดน่ะ..มันไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าคนคนนั้นจะเก่งเสมอไปหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับตัวเธอเองต่างหาก” อนาวินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าของอาจารย์ที่เอ่ยขึ้นตามหลัง อันที่จริงจิดาภาก็อยากจะช่วยลูกศิษย์คนนี้ แต่มันก็ไม่ยุติธรรมกับนักศึกษาคนอื่น ๆ จึงพยายามอธิบายกับลูกศิษย์หนุ่ม เพราะรู้ว่าอนาวินมีปัญหากับผู้เป็นบิดาจึงไม่อยากเรียนต่อที่นี่
“การออกเกรดแต่ละที่มันก็ไม่ได้เหมือนกันอยู่แล้ว อาจารย์ว่าพ่อของเธอคงจะเข้าใจในข้อนี้ดี เพราะฉะนั้นถ้าเธออยากไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกจริง ๆ ละก็ เธอก็ต้องยอมทำตามเงื่อนไขพ่อของเธอนะ”
“ขอบคุณครับอาจารย์”
“และถ้าเธอไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศจริง ๆ ในไทยก็มีที่เรียนอีกตั้งหลายที่นะ อาจารย์เอาใจช่วย”
“ขอบคุณอีกครั้งครับอาจารย์ อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากจะไปเมืองนอกถึงขนาดนั้นหรอกครับ ก็แค่เบื่อ ๆ แต่ถ้าเกิดได้ไปจริง ๆ ผมอาจจะไม่กลับมาอีกเลยก็ได้ จะหางานทำที่โน่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยครับ” ลูกศิษย์ระบายความเก็บกดออกมา
“ถ้าเธอจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้วคิดจะทำงานอยู่ที่นั่นเลย ก็ต้องวางแผนดี ๆ อันที่จริงคะแนนสอบ TOEIC มันก็เป็นสิ่งที่ทั่วโลกเค้ายอมรับกันอยู่แล้ว ถ้าเธอตั้งใจจะไปต่อโทที่เมืองนอกและทำงานอยู่ที่นั่นจริง ๆ ส่วนเรื่องเกรดในใบทรานสคริปต์ของเธอน่ะ ต่อให้เธอจบจากที่นี่ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 มันก็ไม่มีประโยขน์หรอกถ้าคะแนน TOEIC ของเธอต่ำ เพราะบางบริษัทก็อาจจะไม่รับเธอเข้าทำงานเลยก็ได้” อาจารย์พยายามอธิบายให้ลูกศิษย์ฟัง อนาวินไม่ได้เอาใบคะแนนสอบ Toeic ให้อาจารย์ดูเพราะโยนมันทิ้งถังขยะไปแล้ว
“ครับ..งั้นวันพรุ่งนี้ผมจะไปลงเรียน แล้วก็จะพยายามไปสอบใหม่ให้ได้คะแนนตามที่พ่อเค้าต้องการครับ”
“ดีแล้วอนาวิน ผลสอบ TOEIC มันคือหลักฐานยืนยันนะว่าเรามีความสามารถทางภาษาอังกฤษ ที่อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับงานในบริษัทต่าง ๆ ที่เมืองนอก ถ้าเธอต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นจริง ๆ”
อนาวิน เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของภูวเดช นักธุรกิจชื่อดังอันดับต้น ๆ ของประเทศ ถึงแม้เขาจะมีเงินมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยตามใจลูกชายคนนี้เลย ทำให้อนาวินไม่ค่อยจะลงรอยกับผู้เป็นบิดาสักเท่าไหร่