@ ภูเก็ต
“ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้....แล้วอะไรอีกน้า”
“เรื่อง?”
“อ่อ ไม่มีอะไรค่ะ ตามแค่กำลังนึกคำขวัญประจำจังหวัดภูเก็ตเฉยๆ”
“ให้พี่ถามกลูเกิ้ลให้มั้ย”
“ก็ดีค่ะ”
ฉันบอกพี่อคินเชิงขายขำ สายตาคู่สวยมองไปยังวิวทะเลข้างทาง ตอนนี้เราอยู่บนรถที่ทางโรงแรมจัดการรับเราเป็นพิเศษ เพื่อเข้าร่วมงานฉลองมงคลสมรสของคนรู้จักของพี่อคิน แต่ที่เขาลากฉันมาด้วยก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเขานัดเจรจาธุรกิจกับเจ้าของแบรนด์ดังจากประเทศอังกฤษ ที่มางานนี้เหมือนกัน
“รู้รึยังว่าตอนนี้คุณอเล็กซ์อยู่ที่ไหน อืม ฉันกำลังจะไปโรงแรมนั้นเหมือนกัน ทำยังไงก็ได้ ฉันต้องการเจอเขาก่อนที่คนอื่นจะปาดหน้าเค้กไป”
เสียงพี่อคินคุยโทรศัพท์กับใครซักคนหนึ่งด้วยท่าทางซีเรียส ฉันลอบมองเขาจากด้านข้างท่าทางจริงจังแบบนี้ใช่เขาเลยล่ะ บางครั้งฉันก็แอบคิดนะ ว่าเขาน่ากลัวใช้ได้ ฉันจึงยื่นข้อเสนอให้เขาไว้เลยยังไงล่ะ ว่าถ้าฉันทำงานผิด ไม่ถูกใจ กรุณาด่าเบาๆ ฉันจะไปเอง (แอบเกร็ง)
ไม่นานรถที่ไปรับเราก็ถึงโรงแรมที่ถูกจองไว้แล้ว ฉันเข้าเช็คอินจากนั้นก็รับคีย์การ์ดมาให้ฉันและพี่อคิน ซึ่งเขายังไม่หยุดคุยโทรศัพท์
“ได้ งั้นเอาตามนี้”
คนตัวสูงที่ยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่หน้าล๊อบบี้ วางสายก่อนจะกดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้สนใจฉันที่ยืนเลิกลั่กรอเขาคุณเสร็จอยู่ห่างๆ เป็นเวลานานพอสมควรฉันเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขาเพื่อจะถามคิวงานต่อไป
“เช็คอินเรียบร้อยค่ะ ส่วนนี่เป็นคีย์การ์ดห้องพักของพี่อคินค่ะ”ฉันยื่นคีย์การ์ดห้องพักให้พี่อคิน พรางกับเก็บคีย์การ์ดของตัวเองลงในกระเป๋าสะพายข้างใบจิ๋ว
“ขอบใจ”
“แล้วคิวงานของพี่จะให้ตาม....” ฉันถามพี่อคินที่กำลังยุ่งมากๆ กับการกดเบอร์โทรออกหาใครบางคน ที่เหมือนเขาคนนั้นจะไม่รับสาย
“อย่าเพิ่งยุ่งกับพี่ตอนนี้”คนตัวสูงพูดเสียงเข้ม โดยที่ไม่มองหน้าฉันแม้แต่น้อย ฉันเริ่มรู้สึกถึงรังสีบางอย่าง ที่มันกำลังแผ่ออกมาจากรัศมีตัวเขา
“อ้าว แล้วเรื่องของคุณอเล็กซ์ล่ะคะ ตามพอช่วยอะไรได้มั้ย”
“เอาสิ ถ้าทำได้นะ” ฉันมองพี่อคินที่เอาแต่ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอยู่ซักพัก ตอนนี้เริ่มพูดไม่เข้าหูแฮะ จากนั้นก็ถอดใจเดินเลี่ยงออกมายังห้องพักของตัวเอง คนอะไรเมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย แล้วเนี่ยมาอารมณ์เสียใส่กันเหมือนสตรีวัยจะหมดประจำเดือน
ฉันจัดการขนกระเป๋าของฉันกับพี่อคินเข้ามาไว้ในห้องพัก ซึ่งฉันไม่ได้ขนเองหรอก เพราะมีพนักงานของโรงแรมบริการทุกอย่าง
หลังจากนั้นก็เชิร์ทหาข้อมูลของคุณอเล็กซ์อะไรนั่น ซึ่งมันไม่ช่วยอะไรฉันในตอนนี้เลยฉันถึงเลิกสนใจเรื่องคุณอเล็กซ์ ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของประธานบริษัทอย่างพี่อคินไปนั่นล่ะดีแล้ว
ฉันเชิร์ทเข้าไปในเวปไซค์อัจริยะ เพื่อหาข้อมูลสถานที่เที่ยวใกล้ๆ โรงแรมนี้ เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง ฉันไปหาเที่ยวเล่นดีกว่า
และในที่สุดฉันก็มายืนแอคท่าอยู่หน้าตึกสีเหลืองไข่ ที่มีหอนาฬิกาตั้งตะหง่านอยู่ตรงหน้า ด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ฉันเห็นสถานที่นี้จากรีวิวในโซเชียล เมือเก่า ย่านช๊อปปิ้งและของกิน ฉันยืนมองตึกเก่าที่ทาสีใหม่เรียบร้อย หลากหลายสีสัน ก่อนจะเริ่มต้นเดินเที่ยวบริเวณนั้นไปด้วย
“ป้าคะ หนูขอขนมจีนน้ำยาปูหนึ่งจานค่ะ” หลังจากที่เงยหน้ามองเมนูที่ติดอยู่ข้างฝา ภายใต้ป้ายโฆษณาของบริษัทไฟแนนท์แห่งหนึ่ง กับข้อความตัวเบอเริ่มว่า
“ร้านอร่อย”
ฉันไล่ดูเมนูก่อนจะสั่งอาหาร และมันสั่งออกไปจากมั่นใจ จากนั้นเดินไปนั่งโต๊ะที่อยู่บริเวณริมถนนมุมๆ ข้างร้าน ที่มีร่มสนามขนาดใหญ่กางบังแดดให้อยู่ ข้างในร้านคนค่อนข้างเยอะ
ถ้านั่งริมถนนตรงนี้ เราจะสามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ ภาพวาด จิตกรรมฝาผนังได้ กินเสร็จฉันค่อยไปถ่ายรูปกับกำแพงนั่นดีกว่า
“เฮ้ย!ขโมย ช่วยด้วยๆ โจรกระชากกระเป๋า”
เสียงโหวกเหวกขอความช่วยเหลือเป็นภาษาอังกฤษดังมาจากทางด้านกำแพงที่เป็นจิตกรรมฝาผนัง ซึ่งฉันตั้งใจว่าพอกินเสร็จจะไปถ่ายรูป
ฉันเห็นฝรั่งผมทองคนหนึ่งกำลังยื้อยุดกระเป๋าอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ที่แต่งตัวมิดชิด ใส่หมวกแก๊บและแมสปิดบังใบหน้า มันกำลังวิ่งเข้ามาทางฉัน เอาไงดีตามฝัน คิดสิ คิดสิ!!
พรึ่บ!
“อ๊ากกกก!! แสบโว้ย!! อีบ้าเอ้ย!!”
พริกป่นที่อยู่ในพวงเครื่องปรุงสีเหลือง ที่มีรูปโลโก้ ศ.ศาลาติดอยู่ด้านข้าง ถูกสาดเข้าใบหน้าของเจ้าโจรนั่นอย่างจัง มันวิ่งหนีไปอย่างไร้ทิศทาง พร้อมกับลูบพริกที่อยู่บนหน้าออกไปด้วย
ซึ่งฉันเองก็รู้สึกแสบตาเล็กน้อย เพราะลมมันดันปลิวมาทางฉันด้วยน่ะสิ
“จับมันไว้พวกเรา ช่วยกันๆ”
“งื่อ~ แสบๆ” ภายใต้น้ำในเหยือกที่ฉันใช้เทล้างหน้าล้างตา ฉันเห็นพลเมืองดีหลายคนช่วยกันจับไอ้โจรนั่นกดลงกับพื้น มันดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บแสบจากพิษของพริกป่นมหาปลัยที่ฉันสาดใส่
“อ๊าก!!! ปล่อยฉันนะเว้ย”
“ใครก็ได้โทรแจ้งตำรวจที”
“เป็นยังไงบ้างหนู นี่ผ้าเช็ดหน้าจ้า”
ป้าเจ้าของร้านขนมจีนวิ่งกระหืดกระหอบเอาผ้าสะอาดมาให้ฉันเช็ดหน้า ซึ่งฉันก็รีบรับมันมาจากมือป้ามาเช็ดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามหน้าที่เปียกชุ่ม มันรู้สึกแสบน้อยลงแล้วแต่ก็ยังแสบอยู่
“ขอบคุณค่ะป้า”
“แม่หนูนี่ไวจริงๆ เนี่ยพวกป้าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือนะ ยังมัวแต่อึ้งอยู่ ถ้าไม่ได้หนูเราช่วยอีตาฝรั่งนั่นไม่ทันจริงๆ”
“ไม่เท่าไหร่ค่ะป้า แต่เครื่องปรุงของป้าสิ กระจายไปหมดเลยค่ะ” ฉันชี้ไปยังพวงเครื่องปรุงที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นถนน
“ช่างมันเถอะลูก ช่วยนักท่องเที่ยวสำคัญกว่า มีคนแบบไอ้นั่น เสียชื่อเสียงหมด แล้วอย่างนี้ใครจะกล้ามาเที่ยวบ้านเรา”
“แฮะ~ มันก็จริงนะคะป้า”
“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ผมเป็นเจ้าของกระเป๋านั่น ขอบคุณที่ช่วยจับโจรนะครับ ของในกระเป๋าสำคัญมากๆ ถ้าเกิดหายไปผมคงแย่”
ชาวต่างชาติคนที่ฉันพึ่งช่วยเขาไป เดินเข้ามาขอบคุณฉัน เขายังสั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลย โชคดีที่คนแถวนี้มีน้ำใจ เลยช่วยจับตัวโจรนั่นไว้ทัน ไม่ใช่แค่ถูกพริกป่นจากฉันหรอกนะ ยังถูกรุมสกัมด้วย
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีมากๆ ค่ะ” ฉันตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ ยกมือไหว้ตอบชาวต่างชาติคนนั้นที่กำลังยกมือไหว้ฉัน และพลเมืองดีที่ช่วยจับโจร
“ผมชื่ออเล็กซ์ครับ นี่นามบัตรผม” ฉันรับนามบัตรของเขามาอ่านชื่อของเขาบนนามบัตร คุ้นๆ เหมือนกันแฮะ
“คุณมาเที่ยวที่นี่คนเดียวเหรอคะ
“ครับ ผมมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อน พักที่โรงแรมMไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่เลยมาเดินเที่ยวคนเดียวครับ ว่าแต่คุณมาเที่ยวที่นี่คนเดียวเหมือนกันเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ ดิฉันมากับเจ้านายท่านมาเจรจาธุรกิจที่นี่ บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันก็พักที่โรงแรมM เหมือนกันเลย”
“โอ้ ดีจังเลยครับ เอาจริงๆ เหตุการณ์นี้เล่นเอาผมรู้สึกกลัวที่จะเดินทางคนเดียวด้วยซ้ำ ถ้าผมจะขอให้คุณกลับโรงแรมเป็นเพื่อนจะเป็นการรบกวนเกินไปมั้ยครับ”
“ไม่เลยค่ะ คุณมีรถมาเองมั้ยคะ ไม่งั้นฉันจะเรียกรถรับจ้างค่ะ”
“ผมมีคนขับรถบริการจากโรงแรมครับ”
“อ้อ ดีเลยค่ะ”
หลังจากที่ฉันพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับคุณอเล็กซ์ไม่นาน ตำรวจก็มารับตัวคนร้ายไป
ฉันชวนคุณอเล็กซ์ทานขนมจีนที่ร้านป้าก่อน บอกเลยว่าป้าเจ้าของร้านให้ฉันกินฟรีด้วยนะ ฉันกินไปตั้งสองจาน ส่วนคุณอเล็กซ์กินไม่ค่อยได้เพราะเขาเผ็ด