ตอนที่ 7
หน้าที่ของพี่เลี้ยง
“หนูตกลงจะทำงานเป็นพี่เลี้ยงคุณหนูทั้งสองคนตามที่คุณหมอบอกค่ะ” น้ำผึ้ง เอ่ยเข้าเรื่องของตนทันทีที่ร่างสูงนั่งลงตรงหน้า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาอีกต่อไป “แต่หนูมีเงื่อนไขที่อยากจะต่อรองกับคุณหมอเพิ่มอีกหน่อยค่ะ”
คิ้วหนาของคุณหมอเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย
“ว่ามา”
“ข้อที่หนึ่งหนูขอเงินเดือนสี่หมื่นบาทต่อเดือน เวลาทำงานไม่เกินแปดชั่วโมงต่อวันตามกฎหมายแรงงาน ข้อสองคือหนูจะทำงานนี้ไม่เกินหนึ่งปีเพราะหนูอยากจะทำงานที่ได้ใช้วิชาชีพของตัวเองที่เรียนมา ข้อสามหนูจะไม่เข้าร่วมขบวนการอะไรของคุณหมอทั้งสิ้น”
ถ้อยคำหนักแน่นนั้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลานิ่งไปสักพัก
“......”
“คือหนูก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเรื่องราวของคุณหมอจะถูกเก็บเป็นความลับไปตลอด คุณหมอไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”
น้ำผึ้งย้ำให้เขาสบายใจ
“ตกลง”
“.....”
ทำไมตกลงง่ายจังหว่า ..ไม่แย้งอะไรเลยเหรอ?
อุตส่าห์เตรียมและคิดคำพูดมาทั้งคืน
“เพราะถ้าคุณไม่ทำผมว่าจะจ้างพี่เลี้ยงที่เป็นแม่บ้านชื่อชื่นจิตตามที่แม่ของคุณแนะนำ ..อีกอย่างเงินเดือนผมให้ห้าหมื่นบาทต่อเดือน เริ่มงานตอนนี้ได้เลย”
ห้าหมื่นบาทต่อเดือน!!!
ทำไมคุณหมอไม่บอกตั้งแต่แรก! จะได้ตกลงให้เรียบร้อยไม่ต้องห่อสังขารมาถึงนี่และคิดตลบไปมาแบบนี้ อีกอย่างถ้าเขาไปจ้างป้าชื่นจิตเธอค่อนข้างห่วงความปลอดภัยของเด็กๆ เพราะเหมือนยัยป้านั่นอารมณ์ค่อนข้างสวิงไม่คงที่
“ค่ะ”
“จะมีสัญญางานให้เซ็นต์ เดี๋ยวคุณวาสนาจะเอามาให้ และวันนี้รอกลับบ้านพร้อมผม จะได้คุยรายละเอียดงานได้”
อะไรจะรวดเร็วทันใจขนาดนั้น!
“เริ่มวันนี้เลยเหรอคะ?”
“มีปัญหาอะไร?”
เขาถามเสียงเข้ม นั่นทำให้หญิงสาวส่ายหน้าไปมา
“เปล่าค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูนั่งแท็กซี่ไปรอคุณหมอที่บ้านนะคะ พอดีมอเตอร์ไซค์หนูเสีย”
ไม่มีปัญหาจ้า! เงินเดือนตั้งห้าหมื่นบาทไม่อยากจะมีปัญหากับเจ้านายหรอก
“เดี๋ยวกลับกับผม ผมขอเคลียร์งานก่อน คุณนั่งรอวาสนาเอาเอกสารมาให้ตรงนี้”
“ค่ะ”
คุณหมอเหยียดกายลุกขึ้น เมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเดรสสีฟ้าสดเดินเข้ามาใกล้ และเมื่อ น้ำผึ้ง เงยหน้าขึ้นมองก็ตระหนักได้ทันทีว่าสาวสวยคนนี้คือ เพียงดาว เป็นคนที่สองคุณหมอคุยถึงก่อนหน้านี้
“เห็นว่าผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แต่เหมือนคุณพ่อยังไม่ฟื้นเลย ตอนนี้ดาวยังไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะพี่หมอ”
น้ำเสียงของหล่อนอ่อนหวานไพเราะ และเรียกคุณหมอว่า พี่หมอ อย่างสนิทสนม ทว่าสายตาที่มองมายัง น้ำผึ้ง นั้นก็แฝงด้วยความฉงนอย่างมากมาย
“คุณชิดชัยพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่คงต้องรออีกสักพัก”
นกุล ขยับห่างออกจากหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงต่ำเมื่อหันมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้ากินขนมกับชาเขียวมัทฉะ จนเหมือนจะมีเศษขนมติดอยู่ข้างแก้มเนียน พลันมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“รอผมอยู่นี่ เดี๋ยวผมมา”
.
.
“คือขอโทษที่รบกวนเวลานะคะ ดาวแค่ไม่สบายใจ”
เพียงดาว เอ่ยเสียงอ่อยลงเมื่อเดินตามคุณหมอรูปหล่อ มาจนเกือบถึงหน้าห้องฟักฟื้นโดยอีกฝ่ายไม่เอ่ยคำใดออกมา
ชิดชัย พ่อของหล่อนเป็นโรคหัวใจตีบต้องทำการผ่าตัดบายพาสโดยเร่งด่วน ทางครอบครัวต่างเลือกที่จะใช้บริการที่นี่และทุกคนเองก็ไว้วางใจให้หมอศัลยแพทย์ที่เก่งกาจที่สุดเป็นผู้ทำการผ่าตัดในครั้งนี้ และทางคุณหมอก็รับปากอย่างง่ายดาย
ไม่เสียแรงที่หล่อนเทียวไล้เทียวขื่อ คุณหมอนกุล มาเนิ่นนานแรมปี ที่แม้เขายังไม่ใจอ่อนรับมิตรไมตรีเชิงชู้สาวกับหล่อน อาจเพราะยังคงห่วงความรู้สึกของลูกสาวแฝดทั้งคู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เพียงดาวหงุดหงิดใจพอสมควร แต่หล่อนก็ไม่ลดละความพยายามแม้แต่น้อย
และการรับการรักษาเป็นเคสคนไข้กับ หมอนกุล ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดีที่หล่อนจะได้ใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น
“รายละเอียดอื่นๆผมได้ให้หมอผู้ช่วยและพยาบาลอธิบายไปเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไงผมจะแจ้งญาติอีกทีครับ”
น้ำเสียงของคุณหมอยังคงนุ่มนวลอ่านไม่ออกว่าคิดเช่นไร
“ละ..แล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ?”
กระนั้นหล่อนก็อดที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้ ความจริงหล่อนมองผู้หญิงคนนั้นมานานแล้ว ตั้งแต่คุณหมอรูปหล่อเดินเข้าไปนั่งคุยด้วย ด้วยที่ผ่านมาไม่เคยเห็น หมอนกุล จะสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษแม้กระทั่งเพื่อนหมอในโรงพยาบาลด้วยกันเองก็ตาม เขาสุภาพก็จริงแต่ค่อนข้างไว้ตัวและเข้าถึงยาก
ทว่ากลับนั่งคุยกับเด็กสาวหน้าตาดีคนนั้นอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง และถ้าหากหล่อนไม่เดินเข้าไปก่อน อาจจะคุยกันอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน
“จะคุยเรื่องเคสคุณชิดชัยไม่ใช่เหรอครับ?”
นกุล ถามกลับเสียงราบเรียบ ไม่คิดใส่ใจที่จะตอบคำถามหล่อนเลยแม้แต่น้อย “ถ้างั้นก็เชิญทางด้านนี้ครับ”
เพียงดาว หน้ามุ่ยลงเล็กน้อย
“ค่ะ”
.
.
คุณหมอรูปหล่อหายไปพร้อมกับสาวไฮโซคนสวยเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงได้กลับมา ก่อนจะพยักหน้าให้เธอเดินตามเขาออกไปยังอาคารจอดรถชั้นสอง น้ำผึ้ง เดินตามไปจนถึงรถพอร์ชคันหรูที่จอดไว้ตรงประตูทางเข้าและยืนลังเลอยู่เล็กน้อย
“ขึ้นมาซิ”
“ค่ะ”
รถหรูฉิบหาย! ไม่กล้านั่งเลย
แต่ทำไงได้ นี่คือคำสั่งของเจ้านาย หญิงสาวจึงเข้าไปนั่งข้างคนขับและเกร็งตัวมาตลอดทาง และเหมือนคุณหมอเองก็ไม่เอ่ยอะไรต่อ เขาเอื้อมตัวมาเปิดเพลงสากลยุค90 หยิบแว่นกันแดดสีชามาใส่ และปลดกระดุมเสื้อออก ก่อนจะพับแขนเสื้อเชิ้ตให้ร่นไปจนถึงข้อศอก
น้ำผึ้ง เหลือบมองนาฬิกาหรูที่อยู่บนข้อมือที่เต็มไปด้วยเส้นเอ็นน่ามองนั้น ก็พลันรู้สึกลำคอเริ่มจะแห้งผาก
คนบ้าอะไร ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
เหมือนคนถูกมองจะรู้ตัว คิ้วหนาของเขาย่นเข้าหากัน ทว่าก็ไม่ได้ลดทอนความหล่อเหลาของใบหน้าขาวสะอาดนั้นเลยแม้แต่น้อย เท่าที่เธอได้ศึกษาข้อมูลมาเหมือนบิดาของเขาจะมีเชื้อสายแขกขาว คุณหมอนกุล เองถึงได้มีรูปร่างหน้าตาสมส่วนน่ามองเช่นนี้
“คือหนูตื่นเต้นที่จะได้ทำงานที่รายได้เยอะแบบนี้”
น้ำผึ้งบอกเขาตามตรง “แต่จริงๆแล้วหนูก็เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนเหมือนกันนะคะ คือบางช่วงถ้าตอนไหนแม่ไม่ได้ขายผลไม้ก็จะรับเลี้ยงเด็กแถวบ้านนั่นแหละ”
“ไหนก่อนหน้าบอกว่าไม่เคยทำงานแบบนี้”
“ก็....”
คนตัวเล็กอึ้งไป ด้วยไม่คิดว่าคำพูดเล็กน้อยของเธอในตอนนั้นเขาจะจำได้
“พลอยสวยกับพลอยใสไม่ใช่เด็กดื้อ ผมว่าผึ้งน่าจะรับมือกับทั้งสองได้” สรรพนามที่ใช้เรียกเธอเปลี่ยนไป
“ค่ะ”
“หน้าที่ของคุณแค่มาดูแลช่วงเช้ากับเย็นในวันธรรมดาก่อนทั้งคู่จะไปโรงเรียนและดูแลเต็มวันในหยุดและวันเสาร์อาทิตย์ เรื่องอาหารการกินจะมีแม่บ้านเตรียมให้ คุณไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น ผมแค่อยากจะให้คุณอยู่เคียงข้างลูกผม อยากให้เขามีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ”
ประโยคตอนท้ายของเขาเหมือนจะแฝงไว้ด้วยความเศร้าอยู่เล็กน้อย ทว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ยังวางสีหน้าเรียบเฉยดั่งฉาบไว้ด้วยน้ำแข็ง
“หนูจะพยายามค่ะ”
.
.
“คุณพ่อขามาแล้วๆๆ”
เด็กหญิงพลอยสวย ปรี่เข้ามารับทันทีที่ร่างหนาก้าวเข้ามาในบ้าน โดยมี พลอยใส เดินตามมา และเมื่อเห็นคนที่มากับผู้เป็นพ่อเด็กหญิงแฝดทั้งคู่ก็ตาลุกวาวอย่างตื่นเต้น
“พี่คนสวยมาด้วย”
พลอยใส เหมือนจะถึงตัวของหญิงสาวก่อนแฝดผู้น้อง และรีบดึงตัวพี่เลี้ยงให้เดินตามมา โดยไม่สนใจสายตาของผู้เป็นพ่อที่มองอยู่ “พี่ผึ้งมานี่ค่ะ หนูจะให้ดูตัวหนังสือที่หนูเขียนไว้”
“มาเร็วค่ะๆ”
“ได้ค่ะ เขียนไปเยอะมั้ยเอ่ย?”
“เขียนได้เกือบยี่สิบคำแล้วค่ะ หนูเขียนชื่อตัวเองได้แล้ว”
“หนูก็เขียนได้แล้วค่ะ”
“ไหนๆ เอามาให้พี่ผึ้งดูหน่อยค่ะ”
นกุล ได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ลูกสาวแฝดทั้งสองของเขา กำลังอวดตัวหนังสือภาษาจีนให้กับพี่เลี้ยงคนใหม่ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ที่เขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว
นั่นทำให้เขาจ้องภาพตรงหน้าราวกับโดนต้องมนต์
.
.
“พี่ผึ้งทานเยอะๆนะคะจะได้โตไวๆ”
พลอยสวย เอ่ยเสียงหวานขณะตักกุ้งอบวุ้นเส้นให้กับพี่เลี้ยงอย่างตั้งใจ วันนี้ทั้งคุณย่านวลอนงค์ คุณพ่อนกุล และพี่เลี้ยงคนใหม่ร่วมทานมื้อเย็นกับเด็กหญิงทั้งสอง เป็นบรรยากาศที่แตกต่างแต่ก็ทำให้ทั้งสองมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“หนูก็เหมือนกันนะคะต้องทานอาหารให้ครบห้าหมู่ร่างกายจะได้แข็งแรงไม่ป่วยง่าย” น้ำผึ้งเอ่ยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหันมาขอบคุณกับผู้สูงวัยที่ตักอาหารให้
แม้ตอนแรกจะรู้สึกเกร็งเล็กน้อยที่คุณหมอแจ้งว่าให้วันนี้ให้เธอร่วมทานมื้อเย็นด้วย แต่พอเด็กแฝดทั้งสองยิ้มแย้มตลอดและคุณนวลอนงค์ที่คอยมองเธอด้วยแววตาเอ็นดู น้ำผึ้งก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
ส่วนคุณหมอนั้น เขาจัดการกับอาหารตัวเองเงียบๆ แทบจะไม่เอ่ยคำใดออกมาด้วยซ้ำ แต่น้ำผึ้งสังเกตว่าเขาคอยชำเลืองมองเธอกับลูกสาวทั้งสองอยู่ตลอดเวลา
“งั้นพี่ผึ้งมาทานมื้อเย็นกับพวกหนูทุกวันนะคะ”
“.....”
ทุกวันอย่างงั้นเหรอ?
“นะคะคุณพ่อขา ให้พี่ผึ้งทานมื้อเย็นกับพวกหนูทุกวันนะคะ แล้วพลอยสวยจะเป็นเด็กดี”
แฝดผู้น้องหันไปมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาอ้อนวอน ทำให้น้ำผึ้งต้องเงยหน้าไปมองด้วย ก่อนจะสบตาคู่สีนิลที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว มุมปากของเขายกโค้งขึ้นก่อนจะตอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ได้ซิครับ ต่อไปพี่เลี้ยงของหนูจะมาทานด้วยทุกวัน”
*************