โซ่ล่ามรัก : ตอนที่ 2
สองชั่วโมงผ่านไป
แอลกอฮอล์ชนิดแรงเข้าสู่ร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างกายเริ่มไม่เหมือนเดิม อีกอย่างเมื่อดื่มน้ำเข้าไปเยอะทำให้รู้สึกปวดเข้าห้องน้ำ
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แกอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” ถึงเธอจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิมแต่ยังทรงตัวได้ดีกว่าเพื่อนสาวคนสนิท
“อึก ได้สิ ฉันอยู่คนเดียวได้ ”
“แกไหวแน่นะยัยหวาน”
“แกไปเข้าห้องน้ำเถอะ ฉันอยู่ได้ ยังไม่เมาเท่าไหร่ยังมีสติมากพอ”
มิเกลชั่งใจอยู่สักพักมองสภาพเพื่อนสาวที่ไม่ได้เมามากอย่างที่ปากพูดและมองรอบๆผู้คนไม่ได้สนใจโต๊ะเราเลยด้วยซ้ำยังสนุกสนานกับเสียงเพลงทำให้เธอตัดสินใจปลีกตัวออกไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้เพื่อนสาวนั่งดื่มอยู่คนเดียว
ฝีเท้าเรียวเล็กหยุดชะงักเมื่อเงยมองขึ้นไปด้านบนที่เป็นโซนวีไอพีเป็นจังหวะที่มีชายหนุ่มร่างสูงเดินลงมาพอดี การแต่งกายของผู้ชายคนนั้นดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ร่างกายกำยำนั้นดูน่าเกรงขามจนเสียวสันหลัง ความนิ่งของเขาน่ากลัวจนแทบหยุดหายใจ ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกทำเอาคนที่เผลอจ้องมองอย่างลืมตัวหายใจไม่ทั่วท้อง
“ขะ ขอโทษค่ะ” เพราะมัวแต่มองเขาเพลินทำให้รู้ตัวอีกทีก็ตอนทีก็ตอนที่ชายหนุ่มร่างสูงนั้นมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ถึงจะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบสายตาคมคู่นั้นแต่รับรู้ถึงความแข็งกร้าวอยากจะเข้าใจความหมาย เท้าเรียวเล็กรีบก้าวหลบให้ห่างที่สุด
ฟู่ว
ทันทีที่กลุ่มชายฉกรรจ์ชุดนั้นเดินห่างออกไป มิเกลถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ คล้ายกับก่อนหน้านี้ยืนกลั้นหายใจจนแทบขาดอากาศหายใจ
“คนอะไรน่ากลัวชะมัด” มิเกลพึมพำกับตัวเองเบาๆ และเปลี่ยนความสนใจไปยังห้องน้ำตามเดิม
ใบหน้าคมคาย ดวงตาเฉี่ยวคมคู่นั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจำเลยสักนิดแต่กลับจำได้ดี
ใช้เวลาไม่นานมิเกลเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม ด้วยความห่วงเพื่อนที่ต้องอยู่คนเดียวเลยรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ แต่ระหว่างที่เข้าห้องน้ำยังคงมีความสงสัยเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น
“หวานฉันถามอะไรหน่อยสิ ผู้ชายร่างสูงมีลูกน้องคอยคุ้มกันนั่นคือใครเหรอ ฉันเผอิญเจอเขาในระยะใกล้ตอนไปเข้าห้องน้ำดูน่ากลัวยังไงไม่รู้”
“ที่ออกไปพร้อมกับลูกน้องนั่นนะเหรอ เขาคือ…คริสเตียน เจ้าพ่อใหญ่ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลเลยก็ว่าได้ เปลี่ยนจากดำให้เป็นขาวได้ง่ายมาก ฉากหน้าคือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ฉากหลังคือแก๊งมาเฟียออกแนวไม่สนใจกฎหมาย ฉันก็พอรู้มาบ้างแต่ไม่ได้สนใจว่าแต่อย่าบอกว่าแกสนใจ”
“จะบ้าเหรอ ไม่มีอะไรให้น่าสนใจเลย น่ากลัวมากกว่า” มิเกลสวนกลับทันควัน ผู้ชายคนนั้นไม่มีอะไรให้สนใจเลย น่ากลัวยิ่งกว่าผีด้วยซ้ำ
“ความรู้สึกแกใช้ได้นะ หลายๆคนต่างบอกว่าเขาคือบุคคลอันตราย อย่างว่าแหละเป็นมาเฟียจะให้ใจดีได้ยังไงกัน แต่อย่าไปวุ่นวายดีที่สุด คนพวกนี้มองความตายเป็นเรื่องปกติ”
มิเกลพยักหน้ารับรู้และไม่ได้ถามอะไรต่อ เลือกที่จะสนใจแสงสีเสียงมากกว่าจนใจคนแบบนั้น ถ้าเป็นไปได้ขออย่าได้เจออีกเลย
_____________
หญิงสาวร่างเล็กเดินยิ้มร่ามาแต่ไกลเมื่อมาถึงร้านกาแฟที่ตัวเองได้ทำงานพาร์ทไทม์ หลังจากคืนนั้นที่ไปเที่ยวกับน้ำหวานเมื่อถึงเวลาผับปิดเราได้แยกย้ายกันกลับ ทันทีที่มาถึงห้องฉันล้มตัวลงนอนและหลับยาวยันช่วงสายของวันใหม่ ถึงจะมีอาการแฮ้งจากการดื่มแต่ต้องตื่นมาทำหน้าที่ของตัวเองนอกเหนือจากเรื่องเรียน นั่นคืองานที่ทำให้ฉันมีเงินกินเงินใช้ ถึงจะไม่มากแต่ยังดีกว่าไม่ได้เงินเลยสักบาท
“สวัสดีค่ะพี่นัททิว” มิเกลกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้เจ้าของร้านกาแฟที่เธอทำงานอยู่
“ว่าไงเรา สอบบัญชีเป็นไงบ้าง” นัททิวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเด็กสาวชอบมาบ่นให้ฟังเรื่องการสอบเก็บคะแนน
“ เซ็งค่ะ มันยากจริงๆค่ะ”ใบหน้าหวานแสร้งทำสีหน้าเศร้า สื่อถึงความผิดหวังจนคนที่ถามเห็นยังรู้สึกผิดไปด้วยที่ถามแทงใจ
“เอาหน่าไม่ต้องเศร้าไปเราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกวิชา แค่เอาตัวรอดได้ก็คือว่าเก่งแล้ว งั้นวันนี้พี่ให้เราเลิกเร็วได้ พี่ไม่หักเงิน ถือซะว่าปลอบใจ”
“จริงเหรอคะ พี่นัททิวพูดแล้วนะ” หน้าตายิ้มแย้มขึ้นมาทันตาเห็น ใบหน้าหวานสลัดคราบความเศร้าหมองออกทันที
“ดะ เดี๋ยวนะ อย่าบอกว่าเธอโกหกพี่”
“เกลได้ท็อปของกลุ่มเลยละค่ะ” เธอพูดพร้อมยักคิ้วเอามือกอดอกแสดงความภูมิใจในตัวเอง
“นิ เด็กแสบ กล้าโกหกพี่เหรอ” นัททิวยกมือขึ้นมาจะโขลกหน้าผากมนของเด็กสาว แต่แล้วเธอหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ดีที่ตอนนี้ร้านยังไม่เปิด เลยไม่มีลูกค้าในร้าน ทำให้นัททิวสามารถหยอกล้อกับรุ่นน้องคนสนิทได้
“วันนี้พี่นัททิวพูดแล้วนะคะว่าให้เกลกลับเร็วได้”
“แสบนักนะยัยตัวแสบ พี่พูดคำไหนคำนั้นแต่อย่าหวังว่าต่อไปพี่จะหลงกล” ริมฝีปากหนาระบายยิ้มบางๆ และจ้องมองรุ่นน้องคนสนิทด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขต่อให้ตัวเองจะโดนแกล้ง
หลังจากหยอกล้อกันเสร็จทั้งสองคนรีบช่วยกันเตรียมของเพราะใกล้จะถึงเวลาเปิดร้านแล้ว
ตกเย็นของวันเดียวกัน
มิเกลขอออกจากงานก่อนเพราะมีนัดคุยงานกับเพื่อนสนิท ก่อนหน้านี้น้ำหวานได้โทรมาชวนให้เธอไปทำงานแทนเกี่ยวกับงานถ่ายแบบ เธอเลยเออออไปตามแรงยุของเพื่อนที่เห็นลู่ทางการหาเงิน ทำให้ตอนเย็นเราทั้งคู่นัดกันที่ร้านแม็คโนนัลใกล้ๆกับมหา'ลัย ด้วยที่วันนี้เราไม่มีเรียนเธอเลยออกมาทำงานส่วนน้ำหวานคงพึ่งจะตื่นได้ไม่นาน
ดวงตากลมโตสาดส่องไปทั่วร้านและเห็นเพื่อนสาวนั่งอยู่ไม่ไกล
“รอนานไหม"
"พึ่งถึงเหมือนกัน ฉันสั่งเบอร์เกอร์เพื่อแกอันหนึ่งคิดว่าทำงานจนไม่มีเวลาหาอะไรกิน" น้ำหวานเลื่อนเบอร์เกอร์ร้อนๆมาตรงหน้าเพื่อนสาว
“ขอบใจนะรู้ใจฉันเหลือเกิน งั้นขอรายละเอียดเรื่องงานระหว่างที่ฉันกินไปด้วยเลย" มิเกลพูดพลางแกะกระดาษที่ห่อเบอร์เกอร์และจัดการกัดคำโตเพราะความหิวที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาทั้งวัน"
"พี่นัททิวปล่อยให้ลูกน้องหิวโซขนาดนี้ได้ยังไงกัน" น้ำหวานส่ายหัวกับความหิวโหยของมิเกลและอมยิ้มก่อนจะพูดคุยเรื่องงานกัน
"พอดีฉันเห็นในกลุ่มนางแบบนายแบบต้องการคนแทนงานและเป็นบริษัทที่ฉันรู้จักตอนแรกก็อยากหาเงินอีกทางเพื่อจะได้ดังเป็นซุปเปอร์สตาร์กับเขาแต่พออ่านรายละเอียดของงานทำให้ฉันนึกถึงแก ถ่ายแบบแนวเซ็กซี่นิดๆขยี้ใจหน่อยๆ ไม่รู้ทำไมภาพแกถึงลอยเข้ามาในหัว เลยถือโอกาสส่งรูปแกไปให้พี่เขาทางอินบ็อกผลสรุปคือพี่เขาสนใจและนัดคุยงานกับแกพรุ่งนี้
แค่ก แค่ก...
มิเกลสำลักหน้าแดงกับคำพูดของเพื่อนที่ปุบปับแบบไม่ทันตั้งตัว และรีบหาน้ำมาดื่มพร้อมกับทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ
"ไหวไหมเนี่ยยัยเกล"
"แกทำฉันเกือบติดคอตาย นี่ไม่ได้เรียกว่าคุย นี่เรียกว่ายัดงานให้ฉันแล้ว"
"แต่มันคืองานที่ทำให้แกได้เงินดีกว่าทำงานพาร์ทไทม์นะ เท่าที่คุยรายละเอียดต่องานแค่ยืนสวยก็หลักพันปลายๆถึงหลักหมื่น และถ้าโมเดลลิ่งถูกใจการทำงานของแกเขาอาจจับแกเซ็นสัญญาเป็นนางแบบในสังกัดเลย และแนวโน้มเป็นแบบนั้นเมื่อพี่เขาเห็นรูปแก อีกอยากบริษัทนี้ดังเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ฉันว่าแกรุ่งทางนี้แน่นอน"
มิเกลทำสีหน้าเป็นกังวลและครุ่นคิดอยู่สักพักทั้งที่เพื่อนสาวยังอยู่ในสาย มันก็จริงว่านี่คือโอกาส และคนจนแบบเธอคำว่าโอกาสไม่ได้มีเข้ามาง่ายๆ ถ้ามันแค่ยืนโพสต์สวยๆไม่กี่ชั่วโมงแล้วได้เงินหลักพันก็น่าสนใจ
"บริษัทอะไร แล้วฉันจะไม่ไปเอ๋อให้เขาด่ากลับมาหรอกนะ"
บริษัทเคทีกรุ๊ปแกน่าจะผ่านๆตามาบ้าง ส่วนรายละเอียดพี่โมเดลลิ่งจะคุยกับแกเองแค่ไปตามนัดก็พอ"
"ปุบปับได้งานเฉย ฉันจะลองไปตามที่แกบอกดู แต่ถ้าไม่โอเคฉันคงไม่ตัดสินใจทำแกอย่าว่าฉันนะ และขอบใจที่แกช่วยฉันหางาน"
"ฉันหาให้ตัวเองหรอกย่ะ แค่ไม่อยากแบเงินขอพ่อแม่ก็เท่านั้น เวลาว่างของลูกคุณหนูไม่รู้จะทำอะไร"
“จ้า ยัยคุณหนูวายร้าย" มิเกลหัวเราะร่ากับคำพูดของเพื่อนสาว คนที่มีเพียบพร้อมอย่างน้ำหวานยังอยากทำงาน คนจนแบบเธอจะขี้เกียจได้ยังไงกัน ไม่ลองก็ไม่รู้
หลังจากพูดคุยงานกันเสร็จ เธอกับน้ำหวานนั่งพูดคุยเรื่องอื่นกันไปเรื่อยเปื่อย ไหนๆก็ออกมาเจอกันแล้วเลยนั่งเมาท์ตามประสาเพื่อนสนิท