โซ่ล่ามรัก : ตอนที่ 5
"โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า" มิเกลถามน้ำหวานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ฉันเห็นแกหายไปนานเลยโทรหากลัวว่าจะโดนหนุ่มที่ไหนฉุดไป"
“เรากลับกันเถอะ พอดีฉันอยากกลับแล้ว” เธอพยายามควบคุมเสียงพูดตัวเองไม่ให้สั่นและคาดว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นต้องได้ยินเสียงโทรศัพท์แน่นอน แต่หวังว่าคนด้านในจะไม่ติดใจอะไรขอให้คิดว่าเป็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วมีสายโทรศัพท์เข้าพอดี แต่จะให้อยู่ที่นี่ต่อคงไม่สบายใจ น้ำเสียงที่คุ้นหู การพูดที่เหมือนได้ยิน ยังชัดเจนเสมอ
“อะไรกัน เราพึ่งมากันได้ไม่นานเองนะ”
“พอดีฉันนึกขึ้นได้ว่าลืมล็อกห้อง เอาไว้ครั้งหน้าฉันพาแกมาเลี้ยงแก้มือใหม่"
“แกเป็นขี้ลืมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ถึงจะบ่นเพื่อนแต่ก็เข้าใจทำให้น้ำหวานไม่ได้ยื้อที่จะอยู่ต่อ
“สงสัยคิดเรื่องอื่นเพลินไปหน่อย ไปกันเถอะ” เธอพูดพร้อมกับลากเพื่อนเธอออกไปทันที
“แกกลับเลยนะ เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา” เธอพูดพลางโบกมือเรียกแท็กซี่ที่จอดรอรับคนออกจากผับด้วยอาการร้อนรน
“อะไรของมันวะ” น้ำหวานมองเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความไม่เข้าใจ แค่ลืมล็อกห้องแต่รีบร้อนราวกับห้องถูกไฟไหม้
-บนรถแท็กซี่-
“สวัสดีครับ ต้องการไปที่ไหนครับ” คนขับแท็กซี่พูดขึ้นอย่างเป็นมิตร เขาสวมหน้ากากอนามัยปิดจมูกเผยแค่ครึ่งใบหน้า แต่งกายดูภูมิฐานดีตามสไตล์คนขับรถแท็กซี่
“หอพัก XXX ค่ะ” เธอตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไร แผ่นหลังบางเอนกายพิงเบาะรู้สึกผ่อนคลายกับกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศที่คล้ายกับอยู่ในสปา มันรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกสมองโล่งทั้งที่พึ่งเจอเรื่องราวน่าตื่นเต้น กะว่าก่อนลงจากรถคงสอบถามน้ำหอมกลิ่นนี้กับคนขับ จะได้เอาไว้ที่ห้องเวลามีเรื่องเครียดจากเรียนจะได้ผ่อนคลายแบบนี้
ดวงตากลมโตมองออกไปนอกกระจกรถแต่แล้วคิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปมเมื่อรถแท็กซี่ที่เธอนั่งเลี้ยวมาอีกทางไม่ใช่ทางกลับหอพักตามที่บอก
“พี่คะ พี่พามาผิดทางหรือเปล่า ไม่ใช่ทางนี้นะคะ พี่ต้องเลี้ยวไปอีกทางค่ะ”
“ไม่ผิดนะครับ เจ้านายของผมรอคุณอยู่”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของคนขับ ดวงตากลมโตมองไปที่กระจกมองหลังที่คนขับรถใช้มองทำให้เห็นแววตาที่น่ากลัวของผู้ชายคนนี้ หัวใจดวงน้อยตกไปที่ตาตุ่มเธอไม่รู้ว่าเจ้านายของผู้ชายคนนี้คือใคร แต่ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ และตอนนี้เธอมั่นใจว่าตัวเองกำลังถูกลักพาตัว
“นี่มันอะไรกัน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อยฉันลง แกมาจับฉันทำไม ฉันจะแจ้งตำรวจให้เอาพวกแกเข้าคุก”
“ฉันบอกให้ปล่อยไง!! ปล่อ....”
มิเกลโวยวายเสียงดังลั่นรถ และทุบตีคนขับแท็กซี่หวังให้เขาจอด แต่มันกลับไม่เป็นผล ภาพทุกอย่างเริ่มเลือนรางลงเต็มที จนเธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือ ไม่มีแม้แต่แรงที่จะเอาตัวเองออกจากรถคันนี้ และแล้วภาพทุกอย่างได้ดับสนิทพร้อมกับร่างบางที่ล้มคอพับไปกับเบาะ
โชเฟอร์หนุ่มมาดเข้มที่ขับรถแท็กซี่มองกระจกมองหลังเพื่อเช็คให้มั่นใจว่าเธอสลบไปแล้ว ด้วยฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยที่ผสมกับยาสลบเป็นกลิ่นชนิดพิเศษ ต้องใส่หน้ากากปิดปากปิดจมูกและปิดทับด้วยหน้ากากอนามัยทั่วไปอีกชั้นถึงจะเอาอยู่
รถแท็กซี่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางตามที่นายสั่ง
________________
-เช้าวันต่อมา-
เปลือกตาที่หนักอึ้งพยายามเปิดออกเพราะความรู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรมัดตัวเธออยู่ สายตาที่พร่ามัวพยายามปรับสายตาให้ชัดขึ้น และมองไปรอบๆห้องด้วยความหวาดกลัว มองสภาพตัวเองที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้กลางห้องที่มืดสลัว ในห้องมีเพียงไฟสีเหลืองนวลดวงเดียวที่ส่องสวาทอยู่บริเวณมุมห้อง พยายามมองไปรอบๆแต่ไม่รู้เลยว่าที่นี่ที่ไหน อีกทั้งไม่รู้เลยว่าตอนนี้กลางวันหรือกลางคืน กลิ่นอับ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนเธอรู้สึกสะอิดสะเอียน นัยส์ตากลมโตร้อนผ่าวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ แต่แล้วเมื่อมองไปอีกมุมของห้องเห็นเงาตะคุ่มเหมือนกำลังจ้องมองมา
“แกเป็นใคร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” มิเกลพูดพร้อมกับน้ำตาไหลลงอาบสองข้างแก้ม อาการหวาดผวาเข้าครอบงำจนตัวสั่นเทา “ขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาหาเธอเรื่อยๆ เงาดำนั้นเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อแสงไฟสีเหลืองอ่อนกระทบกับร่างกายกำยำและใบหน้าคมคาย จนสามารถเห็นร่างสูงนั้นได้อย่างชัดเจน
“คริสเตียน” มิเกลเรียกชื่อชายหนุ่มที่ยลโฉมอยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เคยเจอ และเสียงที่ได้ยินตอนอยู่ที่ผับทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่านั่นคือเสียงเขาจริงๆ
“จำชื่อฉันได้แม่นดีนิ”
ในเพียงพริบตา ร่างสูงก็เข้าประชิดตัวหญิงสาวและเอื้อมมือไปบีบคอด้วยสีหน้าและแววตาเรียบนิ่งแต่มือหนาเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆจนคนที่นั่งอยู่เริ่มดิ้นทุรนทุราย เขาสามารถฆ่าเธอได้ในมือเปล่า แต่อยากทรมานพวกสัตว์สกปรกให้มันทุรนทุรายก่อนที่จะตาย
“ได้ยินอะไรบ้าง”
"อื้อ...อ่อย(ปล่อย)" ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อถูกบีบเต็มแรง เธอไม่มีแม้แต่มือช่วยเหลือตัวเอง เหมือนตัวเองกำลังชูคอให้เขาบีบจนกว่าจะพอใจ ลมหายใจเริ่มถดถอยลงไปทุกที
"หึ...ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย!”
พรึบ
มือหนาสะบัดออกจากลำคอระหงจนหญิงสาวแทบล้มลงไปกับพื้น
อึก แค่กๆ เสียงไอ เสียงสำลัก ดังกึกก้องไปทั่วห้อง ดวงตากลมโตแดงก่ำ ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
"ฉันถามว่าได้ยินอะไรบ้าง" คริสเตียนตวาดลั่นอย่างเหลืออด รู้สึกรำคาญตาที่เห็นผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ
"ฉันได้ยินแค่ว่านายเอาศพไปทิ้งทะเลประมาณนั้น แต่ฉันสัญญาฉันจะไม่บอกใคร" มันเป็นหนทางเดียวที่คิดว่าการยอมรับผิดจะพ้นโทษทั้งที่ท่าทางของเขาเหมือนอยากให้เธอตายมากกว่า
“แก้มัด” คริสเตียนออกคำสั่งเสียงดังลั่น
ชายฉกรรจ์เดินเข้ามาแก้มัดตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่มและถอยกลับไปตามเดิม ไม่ได้สงสารหรือเห็นใจที่ผู้หญิงแบบเธอกำลังจะตาย วงการมาเฟียความตายคือเรื่องปกติ
พอได้รับความอิสระ มิเกลรีบลุกหนีและถอยหลังไปติดกำแพงทันที เธอไม่รู้ว่าจะต้องออกไปทางไหน เธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ดวงตากลมโตมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างหวาดระแวงเมื่อเขาวางปืนลงบนเก้าอี้ที่เธอเคยนั่ง
“ฉันมีทางเลือกให้เธอ จะใช้ปืนกระบอกนี้ยิงฉัน หรือจะเป็นฉันเองที่ยิงเธอให้ตายในห้องนี้”
"มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่ฉันจะฆ่านาย ลูกน้องนายยืนอยู่แบบนี้แค่ฉันเล็งไปที่นาย คนพวกนี้จะยิงฉันทันที"
"เธอมีโอกาสเลือกนะมิเกล" ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มในความฉลาดของหญิงสาวที่มองเกมออก แต่เขายังต้องการข่มขู่ให้เธอหวาดกลัว
คำพูดของเขาทำให้เธอนิ่งไป ดวงตากลมโตมองปืนกระบอกนั้นด้วยอาการหวาดผวา
ความใจกล้าของตัวเองทำให้รีบวิ่งไปหยิบปืนมาถือไว้ และเล็งปืนไปที่ชายหนุ่มร่างสูงทันทีเธอรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมามันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะถ้าเธอยิงเพียงแค่นัดเดียวลูกน้องของคริสเตียนที่อยู่ด้วยจะฆ่าเธอทันที หวังแค่ว่านัดเดียวที่เธอจะยิงเขาจะแม่นพอที่จะทำให้โดนจุดสำคัญ ต่อให้เธอยิงปืนไม่เป็นก็อยากให้การพลาดยิงมั่วครั้งนี้ทำอะไรร่างกายคนเลือดเย็นอย่างเขาได้บ้าง
“ปล่อยฉันออกไป” มิเกลยังพูดข่มขู่ มือที่สั่นเทาแทบจะจับปืนเอาไว้ไม่อยู่แต่ยังใจสู้เสือมุ่งไปที่จุดหมาย
“ถ้าเธอแน่จริงก็ยิงเลยสิ่” คริสเตียนไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวในการกระทำของเธอต่อให้ปลายกระบอกปืนนั้นกำลังเล็งมาที่ตัวเอง สายตาคมมองหญิงสาวไม่วางตา
“ปล่อยฉันออกไป ไม่งั้นฉันยิงนายแน่ๆ” เธอสติหลุด ตัวเริ่มสั่นจนควบคุมอาการไม่ได้ ความกลัวทำให้เธอร้องไห้ออกมาจนควบคุมสติไม่อยู่
ปัง
เสียงปืนหนึ่งนัดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งห้อง กลิ่นเขม่าดินปืนลอยคละคลุ้ง แต่เมื่อนิ้วเรียวยาวพยายามเหนี่ยวไกลยิ่งอีกครั้งกลับไม่เป็นผล ดวงตากลมโตเบิกตาโพลงมองปืนในมือด้วยแววตาวูบไหว มือที่สั่นเทาควบคุมเอาไว้ไม่อยู่จนปืนกระบอกสีดำล่วงหล่นลงพื้น
ปั่ก
เขาใส่ลูกกระสุนไว้เพียงนัดเดียว และนั่นแปลว่าเธอไม่มีโอกาสที่จะรอดจากห้องนี้ ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้เป็นอย่างดี เขาหลอกให้เธอยิงทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงเธอไม่มีทางรอด
"ผิดเป้าไปนิด แต่ก็ถือว่าใช้ได้" คริสเตียนชอบใจในความกล้าของเธอ
“แกอย่าเข้ามานะ กรี๊ดดด~ กรี๊ด” เสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อร่างกายกำยำเข้ามาประชิดตัว
“ใจกล้ากว่าที่คิดนะ เธอทำให้ฉันสนใจซะแล้วสิ” คริสเตียนลากตัวเธอออกไปจากห้องมืดนั้นเพราะรู้สึกถูกใจผู้หญิงคนนี้ที่ใจกล้ากว่าที่คิด ต่อให้เธอพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้ เขาลากเธอผ่านลูกน้องนับสิบที่ยืนอยู่ทั่วบริเวณ มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเศษสวะจะถูกทารุณแบบนี้
ไม่นานคริสเตียนลากเธอออกมาจากห้องใต้ดินของคฤหาสน์หลังใหญ่ พาเธอขึ้นไปข้างบนชั้นสองด้วยสภาพที่ลากถูไปกับพื้นพร้อมกับเสียงร้องไห้โอดครวญของหญิงสาวแต่ไร้ซึ่งความเห็นใจจากชายหนุ่ม ไม่มีใครกล้าหยิบยื่นมือมาช่วย
มิเกลร้องขอความเห็นใจ เนื้อตัวถูกลากคล้ายกับเธอไม่มีความรู้สึก กระแทกขอบนั้นที กระแทกขอบนั้นทีจนเจ็บไปทั้งตัว และถูกบีบรัดข้อมือด้วยฝ่ามือหนาจนปวดร้าวไปถึงกระดูก แต่เขากลับไม่สนใจเธอเลยสักนิดและยังลากเธอเข้ามาในห้อง
พรึบ ตุ๊บ
“โอ๊ย…” มิเกลร้องออกมาเสียงหลงเมื่อถูกเหวี่ยงอย่างแรงทำให้ตัวเธอล้มลงไปบนเตียงขนาดใหญ่ อาการจุกแทรกผ่านไปทั่วร่างกายจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงนี้ได้ มือบางกุมหน้าท้องตัวเองไว้และงอตัวกับอาการจุกที่หน้าท้อง
“ถ้าเธอรอดคืนนี้ไปได้ ชีวิตเธอก็จะเป็นอิสระ”
แคว่ก~
มือหนาจัดการกระชากเสื้อผ้าเธอออกจนขาดวิ่นจนเผยในเห็นบราเซียและแพนตี้สีดำลายลูกไม้ที่ปกปิดจุดสงวนเอาไว้ ถือว่าเป็นครั้งที่สองที่ได้เห็นร่างกายของเธอแต่ยังน่าสนใจไม่น้อยถ้าได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านในแบบเต็มตา
“ไอ้สารเลว นายมันไม่ใช่คน อึก...อย่า…” น้ำตาไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่าไม่มีท่าทีว่าคนตรงหน้าจะหยุดลง เธอพยายามปัดมือของเขาออก เอามือปิดจุดสงวนตามร่างกาย แต่การกระทำของเขาไร้ความปรานี
แคว่ก...
คริสเตียนจัดการกระชากชุดชั้นในของเธอจนขาดติดมือ ไม่เหลือชิ้นดีที่จะใส่กลับไปแบบเดิมได้
กรี๊ด...
“นี่แค่เริ่มต้นก็ด่าฉันสารเลวแล้วเหรอ แล้วหลังจากนี้ละ ไอ้เวร ไอ้ระยำ หรือไอ้อะไรดี” ทันทีที่พูดจบร่างกายกำลังโผลเข้าจูบริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วง เป็นจังหวะที่เธอกรีดร้องทำให้สอดลิ้นสากเข้าไปตักตวงน้ำหวานจากปากเธอ เวลาเหยื่อดิ้นพล่านยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นและอยากสยบเธอให้แน่นิ่งคาเตียง
“อ่อยอะไออั่ว” (ปล่อยนะไอ้ชั่ว)
ฟันอันแหลมคมกัดเข้าที่ลิ้นเล็กจนส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วทั้งปาก ยิ่งเพิ่มความกระสันในตัวเพิ่มมากขึ้น
"อื้อ...อี๊ดดด(กรี๊ดดด)"เขาจูบเธอแสนป่าเถื่อนจนแทบหายใจไม่ทัน เธอพยายามผลักตัวเขาออกแต่ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้เลย เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่มันอ่อนแอเกินไปที่จะต่อสู้กับเขา
มือบางพยายามข่วนไปตามลำตัวของเขาหวังให้เขาหยุดการกระทำที่ทุเรศ แต่กลับไม่เป็นผล เขายังฉกชิงริมฝีปากของเธอด้วยความดิบเถื่อน ขบริมฝีปากของเธออย่างหนัก จนปวดร้าวไปทั่ว