“บางที...ฉันอาจจะต้องพาเธอไปพบจิตแพทย์ เผื่อหมอจะช่วยให้เธอลืมเรื่องเลวร้ายไปได้บ้าง”
“หนูไปมาแล้วค่ะ แต่...มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ไม่งั้นหนูคงไม่ต้องใช้ยานอนหลับ” เธอพยายามตั้งสติแล้วดันตัวเขาออกเมื่อรู้ตัวว่าเผลอกอดเจ้านายของตัวเองอย่างน่าละอาย
“หมายถึงยานอนหลับที่เธอกินคราวก่อนน่ะเหรอ”
“ค่ะ ความจริงหมอเค้าไม่ได้อยากให้หนูใช้ยา แต่หนูขอร้องหมอเพราะหนูนอนไม่หลับจริงๆ เค้าก็เลยจัดยามาให้กินสำหรับสิบวันและให้ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น”
“แต่เธอก็กินมันทุกวันจนหมดเลยสินะ”
“ค่ะ” เธอยอมรับแต่โดยดี
“แต่เดี๋ยวนี้ก็พอจะนอนหลับได้แล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ พอได้มีงานให้ทำ มีหนังสือให้อ่าน หนูก็พอจะนอนหลับได้เองค่ะ ถึงจะหลับๆ ตื่นๆ แต่ก็ยังดีกว่าตอนแรกที่นอนไม่หลับเลย”
“แล้วเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เธอเหนื่อยรึเปล่า”
“ไม่เหนื่อยค่ะ หนูมีความสุขดี ยิ่งมีอะไรให้ทำทั้งวันก็ยิ่งดีเลยค่ะ”
ดูเหมือนว่าพอเขาชวนคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับฟ้าร้องก็พอจะทำให้เธอลืมเสียงที่ดังครืนๆ อยู่ด้านนอกนั้นได้ เขาจึงเริ่มปิ๊งไอเดียบางอย่างที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะเข้าท่าหรือยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม
แต่เผอิญว่าเขาเป็นพวกชอบเสี่ยง งานนี้ก็เลยต้องลองของดูสักหน่อย และเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องดังเปรี้ยงอีกครั้ง เขาก็โน้มตัวเข้าหาแล้วโอบเธอด้วยสองแขนก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนปากเล็กแล้วจูบเธออย่างดูดดื่มโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
ปณิสราลืมเสียงฟ้าร้องที่ดูน่ากลัวไปชั่วขณะ เมื่อริมฝีปากเล็กถูกจู่โจมและครอบครองจากปากหนา ดวงตาคู่งามนั้นเบิกโพลงด้วยความตกใจก่อนที่เธอจะดันตัวเขาออกเมื่อแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝันและไม่รู้ว่าเขาจูบเธอทำไม
กุลวุฒิยอมผละจากริมฝีปากแสนหวานอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะมองสบตากับเธอนิ่ง
“ทะ...ทำไมคุณ...”
“จากนี้ไปทุกครั้งที่ฟ้ามันร้องก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องในวันนั้นแล้วนะ ให้จำแค่จูบของฉันก็พอ” บอกแล้วเขาก็ประคองใบหน้าหวานให้แหงนเงยขึ้นรับจูบดูดดื่มอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ไม่คิดจะผลักไสเขาอีกแล้ว
นั่นเพราะเธอเข้าใจในเหตุผลของเขา เข้าใจว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะรังแกเธอ แต่เขาแค่อยากสร้างความทรงจำใหม่เพื่อทดแทนความทรงจำอันเลวร้ายในวันนั้นไปเท่านั้นเอง
และความทรงจำนี้ก็ช่างอบอุ่นและอ่อนโยนกับหัวใจดวงน้อยมากมายเหลือเกิน...
หลังจากฝนตกหนักอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าก็เริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง กุลวุฒิเหลือบตามองคนที่นั่งก้มหน้างุดอยู่ตรงโซฟาเพราะไม่กล้าสบตากับเขาหลังจากจูบเร่าร้อนผ่านไป แต่นั่นก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จเพราะหลังจากที่จูบกันแล้ว ไม่ว่าฟ้าจะร้องกี่ครั้งก็ดูเธอจะไม่รู้สึกตกใจหรือหวาดกลัวอีก จะมีแค่อาการหน้าแดงซ่านเพราะความรู้สึกกระดากอายเท่านั้นและเขาก็ชอบเวลาที่ได้เห็นแก้มเนียนๆ นั้นแดงเรื่อเสียด้วยสิ
น่ารักเป็นบ้า!
“เอ่อ...ฝนหยุดตกแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เธอพูดขึ้นหลังจากที่เอาแต่นั่งเงียบมานานนับจากที่เขาจูบเธอแล้วก็กลับไปนั่งทำงานต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังบอกให้เธอรอจนฝนหยุดแล้วค่อยกลับด้วย
“จะกลับยังไง”
“ว่าจะนั่งรถเมล์กลับค่ะ”
“แล้วตอนมา มายังไง”
“นั่งแท็กซี่มาค่ะ เพราะป้าเค้าบอกว่าคุณรีบใช้ของ”
“งั้นรอเดี๋ยว ค่อยกลับกับฉันละกัน รอฉันเคลียร์งานอีกสักชั่วโมง”
“แต่ว่า...”
“กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่ว่าหนูต้องกลับไปช่วยป้าทำงานนะคะ”
“ถ้าอยากทำงานมากก็ขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอนฉันข้างบนละกัน วันนี้แม่บ้านเค้าลาพอดี”
“งั้นก็ได้ค่ะ แล้วต้องขึ้นบันไดทางไหนคะ” เพราะมาที่นี่เป็นครั้งแรก เธอก็เลยไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
“ตามมา”
บอกแล้วเขาก็เดินนำเธอออกไปด้านนอกและเมื่อทุกคนเห็นเจ้านายกับสาวน้อยหน้าสวยเดินออกมาหลังจากเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง พวกเขาก็หันมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“ขึ้นห้องแต่หัววันเลยเหรอครับเสี่ย วู้...”
เสียงโห่แซวของไอ้พวกที่ถนัดแต่ใช้กำลังดังขึ้นตามหลัง กุลวุฒิจึงได้หันกลับไปมองตาขวางแล้วเอ่ยถ้อยคำที่เล่นเอานักมวยตัวจริงถึงกับขนลุกไปตามๆ กัน
“หยุดคิดอกุศลไม่งั้นพวกมึงโดนกูตื้บเรียงตัวแน่!”
ปณิสราเดินตัวลีบตามหลังเขาไปตามบันไดทางเดินติดกับห้องทำงานเพราะคิดว่าคนเหล่านั้นคงจะเข้าใจเธอผิดไปแล้วแน่ๆ แต่ทำไมเขาไม่อธิบายให้คนอื่นฟังไปเลยนะว่าเธอเป็นแค่สาวใช้ ไม่ใช่นักศึกษาไซด์ไลน์ที่คิดจะหารายได้พิเศษ
ตั้งแต่เข้าเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้เธอได้เปิดประสบการณ์ใหม่หลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่เธอได้รับรู้ว่านักศึกษาหลายคนก็ทำอาชีพเสริม ทั้งอาชีพที่ทำงานกลางวัน และอาชีพที่ทำกลางคืนซึ่งเธอก็ไม่เคยดูถูกใครเพราะเชื่อว่าแต่ละคนต่างก็ต้องการดิ้นรนในการมีชีวิตรอดบนโลกที่โหดร้ายใบนี้ด้วยกันทั้งนั้น โชคดีแค่ไหนที่เธอไม่ต้องทำงานขายเรือนร่างเพื่อหาค่าเล่าเรียนเหมือนคนอื่น