เสียงลิฟต์เปิดดัง ติ้ง!!
ขณะที่โจฮันกำลังจะก้าวเท้าออกจากลิฟต์ เสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางเข้าคาสิโน
“นายโจฮันครับ!”
เขาชะงัก และหันไปมองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นเทย์เลอร์คนสนิทของพี่ชาย
“มีอะไร”
เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนติดหงุดหงิด เพราะเขากำลังรีบ
เทย์เลอร์ก้าวเข้ามาใกล้ พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินตามหลังมาอย่างเงียบเชียบ ท่าทางสุภาพแต่แข็งแรง เหมือนคนมีชั้นเชิง
“นายโจเซฟให้ผมพาคนมาเพิ่มครับ บอกให้ส่งบอดี้การ์ดฝีมือดีมาให้นายอีกหนึ่งคน”
โจฮันขมวดคิ้ว หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเทย์เลอร์อย่างพิจารณา
รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาคม สีหน้านิ่งเฉย
แม้จะดูอ่อนเยาว์กว่า แต่สายตากลับนิ่งลึกและไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย
“ส่งมาทำไม คนฉันที่นี่ก็เยอะแยะแล้ว” โจฮันถามเสียงขุ่น ปกติบอดี้การ์ดที่ต้องคอยคุ้มกัน
ใช่ว่าจะรับง่ายๆ มีการทดสอบหลายอย่าง แต่นี่อะไรอยู่ๆก็ส่งมา
“นายโจเซฟสั่งมาครับ ผมไม่กล้าถามเหตุผลเหมือนกัน” เทย์เลอร์รีบตอบ พลางเหลือบมองบอดี้การ์ดคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วแนะนำให้รู้จักอย่างนอบน้อม
“ชื่อ ฟาร์เลน ครับ เป็นน้องชายของอาเฟย”
โจฮันเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ อย่างสนใจขึ้นมาทันที
“อาเฟย” เขาทวนก่อนพ่นลมหายใจช้าๆ
“ครับนาย หลังเรียนจบมหาลัย อาเฟยก็ส่งฟาร์เลนเข้าฝึกที่รร.ฝึกบอดี้การ์ดเฉพาะกิจ เพื่อมาคุ้มกันนายโดยเฉพาะเลยครับ
ฟาร์เลนโค้งตัวแล้วก้มหัวเล็กน้อย
“สวัสดีครับ ผมได้รับคำสั่งให้มาประจำกับนายโจฮันครับ”
เสียงเรียบ ท่าทางสุขุม ไร้ความประจบสอพลอใดๆ กล่าวทักทายแค่เล็กน้อย
โจฮันพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเริ่มงานเลย ”
“ครับ” ฟาร์เลนตอบสั้นๆพร้อมเริ่มงานทันที
โจฮันหันกลับไปมองเทย์เลอร์ และฝากคำไปถึงพี่ชาย
“ฝากขอบคุณเฮียด้วย”
“ครับนาย” เทย์เลอร์ตอบรับ แล้วถอยออกไปอย่างรู้งาน
โจฮันเดินนำออกไป โดยมีเงาของฟาร์เลนเดินตามอย่างเงียบๆ อยู่ด้านหลังไม่มีคำพูดใด เสียงเท้าเบาแต่หนักแน่นเดินตามเจ้านาย ในระยะพอเหมาะ
เวอร์เลนส์ คลับ เวลาต่อมา
“เธออยู่ไหน”
พอลงจากรถโจฮันก็รีบถามลูกน้อง ที่เขาสั่งให้ตามเฝ้าพิชชาอยู่ตลอด
“ตอนนี้อยู่หน้าฟลอร์เลยครับ เมาหนักมาก”
ลูกน้องก้มหัวเล็กน้อยรีบรายงาน โจฮันไม่พูดอะไรเดินไปยังห้องvvipที่ลูกน้องจองไว้ ก่อนสายตาคู่คมจะกวาดมองด้านล่างเพื่อหาพิชชา
“นายครับ ให้เรียกเด็กไหมครับ”
คาลอสมือขวาคนสนิทถามขึ้น หลังเห็นเจ้านายดูอารมณ์เสียจนดูไม่ปกติ
“ไม่ต้อง ”
เขาตอบเรียบๆ ตาคมยังจับจ้องที่ร่างบางคุ้นตา
ที่กำลังโยกย้ายหน้าฟลอร์เหมือนคนไม่มีสติ
“ห้ามครายหนีกลับรู้ป่าว!!~~คีรินทร์จองห้องพักให้แล้ววว”
เสียงยานคางของน้ำตาล ตะโกนฝ่าเสียงเพลงบอกเพื่อนในกลุ่ม ตาปรือหยาดเยิ้มแทบลืมไม่ขึ้น
“ออเค๊!! ฉานไม่หนีกลับ แต่ตอนนี้ปายเข้าห้องน้ำก๊อน”
พิชชาตอบตอบเพื่อนตาปรือปรอยแทบไม่มีสติเหมือนกัน
“พิ้ง!!เดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน ”
แดนเหนือรีบอาสาไปด้วย เพราะเห็นพิ้งเมามากแล้ว
“ไอ้แดน ช่วยกูก่อนเรยาคอพับไปแล้ว พาเรยาไปส่งห้องก่อน”
คีรินทร์เรียกไว้พร้อมประคองเรยาในอ้อมแขน
พิชชาไม่ฟังอะไรรู้แค่ปวดฉี่ เลยรีบเดินเซไปยังห้องน้ำ
ปึก!!
“โอ้ยย!! ครายห๊ะ!!! มายืนขวางทางคนเดิน!”
เสียงโวยวายพร้อมแรงปะทะเบาๆ ไม่ทำให้ร่างสูงสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
พิชชาในสภาพชุดเดรสยับย่น ผมเริ่มฟู ยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองพลางหรี่ตามองคนตรงหน้า
ดวงตาเมามัวกวาดจากรองเท้าหนังขึ้นไปยังปลายคางคม กรามเป็นสัน และสายตานิ่งเย็นที่กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน
เธอกะพริบตาถี่ๆ แล้วเอนตัวเข้ามาใกล้ เหมือนพยายามเพ่งให้ชัดขึ้นกว่าเดิม
“หืม~~ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง”
เธอพูดพลางชี้นิ้วไปที่หน้าเขา
“คุณหล่อดีนะ หน้าตาแบบนี้ เคยเป็นดารารึเปล่าอะ หรือว่านายแบบ หรือเป็นแฟนเก่าฉัน”
เสียงหัวเราะในลำคอของคาลอสที่ยืนอยู่ข้างหลังเกือบหลุดออกมา แต่ก็โดนสายตาของโจฮันปรามไว้
โจฮันไม่พูดอะไร แค่มองเธอนิ่งๆ ราวกับกำลังประเมินว่านี่คือความเมา หรือแค่เธอเสแสร้ง
พิชชายังไม่หยุด มือบางเอื้อมไปแตะแขนเสื้อสูทของเขาเบาๆ แล้วเอียงคอถาม
“คุณชื่ออะไรอะ วิน มาร์ค หรือ โอ๊ย! ช่างเหอะ ชื่ออะไรก็ได้ แต่คืนนี้คุณหล่อสุดในผับเลยนะรู้มั้ย”
โจฮันยกคิ้วเล็กน้อย หรี่ตานิดๆอย่างหงุดหงิดปนเอือม
“เมาแล้วเรื้อนชิบหาย”
เสียงทุ้มต่ำที่พูดออกมา ทำให้พิชชาหยุดชะงักเล็กน้อย ดวงตากลมโตเบิกกว้างชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“อู้หู เสียงก็เท่! เฮ้ยย~ ฉันรู้แล้ว! คุณเป็นนักแสดงแน่เลย! ใช่ม่ะ คิกๆ”
น้ำเสียงเธอเริ่มเบาลงเหมือนกำลังเชื่อมโยงอะไรบางอย่าง แต่ก่อนจะพูดต่อ ร่างของเธอก็เซไปเล็กน้อยจนเกือบล้ม
โจฮันยื่นมือไปคว้าแขนเธอไว้ทันโดยสัญชาตญาณ
พิชชาหัวเราะคิก
“โอ๊ยยย ขอบใจนะคุณคนหล่อ ใจดีช่วยฉันด้วย~”
แล้วก็พิงไหล่เขาแบบไม่ได้ตั้งใจจะขยับอีก
โจฮันกัดฟันกรอด พยายามสะกดความหงุดหงิด
คาลอสแอบขยับเข้าใกล้แล้วกระซิบเบาๆ
“นายครับ รถพร้อมแล้วครับ ”
เขาไม่ตอบอะไรแต่มองหน้าเธอนิ่ง
“นี่!!คุณ!!ไปต่อกับฉันป่าว! คุณหล่อเกินต้านจริงๆ”
คนเมายังพึมพำไม่หยุด
“คุณพูดเองนะ ”
เขาพูดเสียงนิ่งก่อนอุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว ท่ามกลางการอำนวยความสะดวกจากลูกน้อง4-5คน