นั่งดื่มกันไปซักพักสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นไปทุกที ทุกคนเอาแต่นั่งดื่มกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยซักคำ ออสตินก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ปรึกษาอะไรเพื่อนเลย จนฉันเองทำตัวไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉัน เหตุการณ์มันก็เลยแย่แบบนี้
“กูกลับก่อนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่จะลุกขึ้น ทุกคนต่างก็มองก็มาที่ฉันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ฉันก็จะกลับแบบนี้
“นั่งลง” ออสตินบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม (อยู่ๆ ใจฉันก็สั่นขึ้นมาซะงั้น นานแล้วนะที่ออสตินไม่ได้แตะตัวฉันแบบนี้) ฉันมองหน้าออสตินด้วยความแปลกใจ (นี่มันไปกินยามาผิดรึป่าววะเนี่ย!)
“มึงจะกลับทำไม กลับไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาหรอก” ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ จนฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามอะไร
“งี่เง่าอีกแล้วเหรอวะ” อยู่ๆ ไอ้วินก็หันมาถามออสติน จนฉันงงไปหมดแล้ว ฉันก็นั่งของฉันอยู่เฉยๆ นี่จะมาว่าฉันงี่เง่าหรอ!
“อืม” นี่ก็อีกคน ตอบสั้นๆ ไปแบบไม่คิดอะไรเลยซักนิด แล้วยังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ฉันไม่ทนหรอกนะจะมาว่าฉันงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้!
“กูไม่ได้งี่เง่านะ” ฉันหันไปสะกิดแขนไอ้วิน แล้วพูดกับมันให้รู้เรื่อง
“อะไร มึงเป็นอะไร ใครไปว่ามึง” ไอ้วินตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยซักนิด
“ก็ที่มึงพูดกับไอ้ตินอะ” ฉันยังคงถามต่อ เพราะยังไงฉันก็คิดว่ามันหมายถึงฉันแน่ๆ ที่ว่างี่เง่า
“ก็ไม่ได้ว่ามึง กูหมายถึงแฟนไอ้ตินมันนู้น”
เพล้ง! หน้าแตกแบบที่หมอไม่รับเย็บเลยฉัน สำคัญตัวผิดนึกว่าหมายถึงตัวเอง อายไอ้วินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วเนี่ย แต่เดี๋ยวนะ มันใช้คำว่า ‘งี่เง่าอีกแล้ว’ แบบนี้ก็แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเป็นแบบนี้สินะ หรือว่าออสตินมันจะเคยปรึกษาเรื่องแฟนกับพวกผู้ชายมาแล้ว
“กูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” ยัยฮันน่าพูดขึ้นอย่างจริงจัง นี่มันจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย
“ดีอะไรของมึงอีก” ไอ้เกอร์ที่อยากรู้ก็ถามขึ้นมา
“ก็เมื่อก่อนตอนที่ไอ้ตินมันยังไม่มีแฟน พวกเราก็ไปเที่ยวไปดื่มกันจนเมาอย่างสนุก ไม่ต้องมามัวคอยคิดถึงความรู้สึกใคร” ยัยฮันน่าพูดขึ้นทำเอาฉันคิดถึงตอนนั้นเลย ไปไหนไปกันสนุกกันสุดๆ
“ก็จริงนะ เมื่อก่อนเมาจนกลับห้องไม่ได้ แต่ก็โคตรมีความสุขเลยว่ะ” ยัยเดียก็พูดเสริมยัยฮันน่าตลอด เข้ากันได้ทุกเรื่องเลยจริงๆ
“กูก็ว่างั้นแหละ” ตามด้วยเสียงไอ้เกอร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล
ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องอดีตเป็นเสียงเดียวกัน ทำเอาฉันอดคิดไม่ได้ เมื่อก่อนฉันกับออสตินสนิทกันมาก มากจนทำเอาฉันเผลอคิดไปไกล ออสตินชอบมานอนค้างที่ห้องฉันบ่อยๆ จนคนอื่นคิดว่าฉันกับออสตินเป็นแฟนกัน แต่เราก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันซักครั้ง คงจะมีแค่ฉันนี่แหละที่คิดเกินเลยไปไกลคนเดียว
“กูไปห้องน้ำก่อนนะ” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย” ยัยเดียหันมาถามฉันด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” ฉันตอบไปสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไป
อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา ดื่มทีไรทำเอาฉันคิดมากทุกทีเลย ระหว่างทางเดินก็ทำให้ฉันคิดไปถึงเหตุการณ์หลายอย่างตอนที่สนิทกับออสตินมากๆ ตอนนั้นออสตินเคยถามคำถามฉันเอาไว้ว่า…
‘ถ้าวันนึงกูมีแฟน มึงจะทำยังไง’ ออสตินถามขึ้นในวันที่มานอนค้างที่ห้องฉัน
‘กูก็ยินดีกับมึงไง’ ตอนนั้นฉันตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าออสตินคงจะถามเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
‘จริงเหรอ’ แต่ออสตินก็ยังคงถามย้ำอีกครั้ง อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
‘จริงสิ เรื่องแบบนี้กูก็ต้องยินดีด้วยอยู่แล้ว’ ฉันตอบไป เพราะไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
ความคิด ความรู้สึกเก่าๆ ต่างก็ผุดเข้ามาในหัวฉัน แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้คิดอะไรต่อก็มีคนถามฉันขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาฉันหลุดจากภวังค์ความคิดทันที
“โอเคมั้ย” ยัยรินถามฉันด้วยความเป็นห่วง คงจะกลัวฉันคิดมากมั้งก็เลยเดินตามฉันมาเข้าห้องน้ำ
ฉันมีเพียงความเงียบให้กับคำถามของยัยริน ถ้าจะบอกไปว่าไม่โอเค ฉันก็กลัวว่าเพื่อนจะหมดสนุก เพราะมัวแต่มาเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน ฉันก็เลยทำได้เพียงแค่เงียบ
“เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับคริส คริสไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องไปคิดมากหรอก” อยู่ๆ ยัยรินก็พูดขึ้นมา ทำเอาฉันแทบจะร้องไห้ ไม่คิดเลยว่ายัยรินจะพูดปลอบใจและเข้าข้างฉันขนาดนี้ คงจะมีแค่ยัยรินนี่แหละที่คิดแบบนี้
“ขอบใจมึงมากนะ แต่กูจะกลับแล้ว” นับวันฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาเข้าไปทุกที อยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
“เรื่องนี้มันไม่มีใครผิด มันไม่มีใครเป็นตัวปัญหาหรอก คริสก็ไม่ผิดที่รักติน” ยัยรินยังคงพูดปลอบใจฉันต่อ ฉันซึ้งจนแทบจะร้องไห้
“จริงเหรอ” ฉันถามกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่ฉันไม่ผิดจริงๆ เหรอ
“ถ้าจะผิด ก็คงจะผิดที่ไม่บอกทุกอย่างให้เร็วกว่านี้” ยัยรินยังคงพูดต่อ
“บอกให้เรื่องทุกอย่างมันแย่เหรอ” ฉันอยากจะร้องไห้ หมดกันสภาพฉันตอนนี้
“ที่เรื่องมันแย่ เพราะว่าตินแคร์คริสมากไง มันก็เลยทำให้ตินมีปัญหากับแฟน”
ฉันตกใจกับคำพูดของยัยริน ตอนนี้ตาฉันโตอย่างกับไข่ห่าน ปกติยัยรินเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ทำไมอยู่ๆ ยัยรินถึงได้พูดแบบนี้หรือว่ายัยรินจะไปรู้เรื่องอะไรมานะ แบบนี้มันต้องถามให้รู้เรื่อง!
“พูดมาให้หมดเลยนะ มึงไปรู้เรื่องอะไรมา” ฉันรีบถามกลับพร้อมกับจ้องหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ ยัยรินก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไร
“เสร็จรึยัง ไปต่อห้องไอ้ตินกัน” ยังไม่ทันที่ยัยรินจะได้พูดอะไร เสียงยัยฮันน่าก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาฉันอยากจะพายัยรินวิ่งออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันก็ติดตรงที่ฉันทำไม่ได้
“อะไรกันอีก” ฉันหันไปถามอย่างหงุดหงิด
“ก็พวกนั้นชวนไปต่อห้องไอ้ติน” ยัยเดียที่เดินมาด้วยกันก็พูดขึ้น คงจะหมายถึงพวกผู้ชายละมั้ง
“ไปกันเถอะ” เป็นยัยรินที่รีบตอบก่อนใคร คงจะกลัวที่ฉันถามค้างเอาไว้ละมั้ง
“ไปๆ เดี๋ยวอีกหน่อยผับปิดคนจะวุ่นวาย” ยัยฮันน่าพูดก่อนจะเดินนำออกไป
ฉันมองหน้ายัยรินด้วยสายตาที่คาดโทษสุดๆ ไปรู้อะไรมาทำไมไม่บอกฉันให้หมดนะ แล้วที่บอกว่าออสตินแคร์ฉัน สรุปแคร์ยังไงฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย คิดแล้วก็ปวดหัว