บทที่ ๒
“ฮัลโหล มีอะไร”
“น้องมะลิครับ ยังไม่หายโกรธพี่อีกหรอ”
“ทำไมฉันต้องโกรธ? เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ”
“ไม่เอาสิ พี่มาง้อมะลิแล้วนะ พี่อยู่หน้าห้องเปิดประตูให้พี่หน่อยสิ”
“ไม่ดีกว่า กลับไปเถอะ”
“ไม่เอาน่า อย่างงี่เง่าสิมะลิ ถ้าเราอยากได้อะไรพี่จะพาไปซื้อหมดเลย เปิดประตูให้พี่เถอะนะ”
ติ๊ด!
ฉันวางสายของเขาอย่างเอือม ๆ ก่อนจะเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกไปเปิดประตูให้ธนนท์ เมื่อฉันเปิดประตูออก ก็ทำให้ธนนท์ตาเบิกกว้าง ก่อนจะยกมือปิดตาทันที ใช่แล้ว! นี่แหละสาเหตุที่ทำให้ฉันบอกเลิกเขา คนที่ได้ชื่อว่าแฟนฉัน แต่กลับไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวฉันสักครั้ง แรก ๆ ฉันก็คิดว่าพี่เขาให้เกียรติฉัน ไม่ล่วงเกินฉัน แต่แล้วฉันก็รู้ความจริงว่าไม่ใช่เลย เขาไม่ได้ให้เกียรติฉัน แต่เขาไม่คิดที่จะแตะต้องผู้หญิงเลยมากกว่า
“ทำไมออกมาเปิดประตูด้วยสภาพนี้ละ ไปใส่เสื้อผ้าดี ๆ หน่อย”
ฉันสังเกตเห็นดอกกุหลาบขาวช่อโตที่อยู่ในมือของเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงละลายไปแล้ว เพราะกุหลาบขาวคือดอกไม้ที่ฉันโปรดปรานมากที่สุด แต่ก็นะนั่นมันเมื่อก่อนใช่ตอนนี้ซะที่ไหนละ
“ทำไมต้องใส่คะ พี่ธนนท์ไม่ได้อยากเห็นมะลิในแบบนี้หรอคะ”
“มะลิ เธอเป็นบ้าไปแล้วหรอ”
“พี่ธนนท์ เลิกแอ๊บเหอะ! มะลิรู้เรื่องหมดแล้วค่ะ”
สิ่งที่ฉันพูดออกไปทำให้ธนนท์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลดมือลงแล้วมาจ้องหน้าฉันนิ่ง ๆ แต่แววตาที่ตกใจเล็กน้อยนั้นมันช่างเห็นได้ชัดเสียจริง
“มะลิพูดเรื่องอะไร”
“เรื่องที่พี่ธนนท์ก็รู้ดีไงคะ”
“พี่ไม่เข้าใจ มะลิมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ”
“พี่ธนนท์อยากให้มะลิพูดจริง ๆ หรอคะ”
ฉันยืนมอง ธนนท์ที่ยืนจ้องหน้าอยู่ด้านนอกประตูห้องอย่างไม่สะทกสะท้าน ก็เอาสิ ดูซิจะตอบยังไง ฉันไม่เคยรู้สึกสมเพชตัวเองได้เท่านี้เลย คบผู้ชายที่โคตรจะเพอร์เฟค ทั้งรูปร่าง หน้าตา ฐานะการเงิน มีหน้ามีตาในสังคม แต่มารู้ทีหลังว่าพี่ธนนท์มีแฟนอยู่แล้วซึ่งเป็นผู้ชายด้วยกัน ไม่มีอะไรจะตลกกว่านี้อีกแล้วแหละ แต่ก็ดีเหมือนกันที่มารู้ตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่เสียเวลาชีวิตเท่าไหร่
“ว่าไงคะ อยากให้มะลิพูดจริง ๆ ใช่ไหม”
“พี่ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหม”
“มะลิว่าอย่าดีกว่าค่ะ มะลิไม่สะดวก”
ฉันยืนมองพี่ธนนท์นิ่ง ๆ อีกครั้งด้วยใบหน้าและสายตาที่เรียบนิ่ง และแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับห้องตรงข้าม ที่มีผู้ชายที่สวมแว่นตาหนาเตอะคนนั้น นี่เขาพักอยู่ห้องตรงข้ามนี่เองหรอ ทำไมฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย เหมือนเขาเองก็จะรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ เขาหันมาสบตากับฉันแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้างุดและรีบเดินออกไปทันที ก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจหรอกนะ ขอบอกแบบไม่หลงตัวเองเลยแล้วกัน ไม่ว่าจะหน้าตา ทรวดทรง องค์เอว ทุกอย่างฉันเรียกว่าเพอร์เฟคมาก ๆ คนหนึ่งเลยละ และด้วยตอนนี้ฉันที่สวมแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวคงทำให้คนติ๋ม ๆ แบบนั้นตกใจไม่น้อยก็ไม่แปลกหรอก จริงไหม?
“พี่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี มะลิกำลังจะบอกอะไรกันแน่”
เสียงของพี่ธนนท์ทำให้ฉันละสายตาจากผู้ชายคนนั้น และมาจดจ้องกับผู้ชายตรงหน้าแทน ก่อนจะถอนหายใจดัง ๆ หนึ่งครั้ง
“พี่ธนนท์ ถ้าพี่คิดแค่จะคบมะลิเพื่อหลอกที่บ้านว่าพี่เป็นผู้ชายทั้งแท่ง มะลิว่ามันไม่แฟร์กับมะลินะคะ”
พี่ธนนท์เบิกตากว้างทันที อาจเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่ฉันรู้จะเป็นเรื่องนี้ก็เป็นได้ หรือเขาโกหกอะไรฉันมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่สนแล้วละ และฉันก็ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ด้วยคนสวย ๆ แบบมะลิทำไมต้องมาเสียเวลาให้กับผู้ชายแบบนี้ มันไม่แฟร์เลยจริงไหม?
“กลับไปเถอะค่ะ มะลิไม่บอกใครหรอก ขอแค่..”
“แค่อะไร”
“อย่ากลับมายุ่งกับมะลิก็พอ”
“มะลิ คือพี่..”
“ถือว่ามะลิขอนะคะ ขอตัว”
พูดจบประตูหน้าห้องบานใหญ่ก็ถูกปิดลงด้วยมือฉันทันที โดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้อะไรได้ เมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องนอน สายตาก็ไปจับจ้องบนหัวเตียง ซึ่งมันก็ทำให้ฉันอารมณ์ดีอีกครั้งอย่างบอกไม่ถูก
“คนแบบฉันไม่มีแฟนก็ไม่แคร์หรอกนะ”