ตอนที่ 4 เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!!

1540 คำ
เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลุ่มลึกเกินคาดเดา อลิศไม่ชอบเขาเอาเสียเลยเพราะตั้งแต่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่เกือบเดือน พบเขาไม่กี่ครั้งและทุกครั้งก็เจอแต่ปัญหาซึ่งเขาก็ไม่เคยให้โอกาสใครได้อธิบาย เพียงแค่ด่า ต่อว่าและเดินออกไป “คุณพูดอะไร ก็ยานี่….” “คุณก็ดูก่อนสิคะแล้วค่อยด่า” “นี่คุณ!! หัดมีมารยาทหน่อย คุณเด็กกว่าผมตั้งกี่ปี” “ก็เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!! กำลังจะพูดอยู่นี่ยังไงถ้าคุณไม่เงียบแล้วฟังจะรู้เรื่องไหมล่ะคะ” หมอภาสโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์มาเกือบสามปียังไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนกล้าตะเบ็งเสียงหรือตะคอกเขาแบบที่เธอกำลังทำมาก่อน “สองนาที” “ก็แค่นั้นแหละ ฟังคนอื่นบ้างจะตายหรือยังไง” “พูดมาได้แล้ว!!” “โอ๊ย!! พูดแล้วค่ะ คุณหมอดูนี่ค่ะ” อลิศวางถุงยาที่เขาบอกว่าผิดลงที่โต๊ะของเขาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขามีโทสะที่รุนแรงขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าเธอต้องการจะพูดอะไร “อะไร โยนถุงยาใส่ผมแล้วคิดว่าผมจะเข้าใจอะไร คุณจะบอกว่าผมเป็นคนใส่ร้ายคุณโดยการใส่ยานี่ลงในถาดหรือไง” “ใช่ค่ะ” “นี่คุณ!! มากไปแล้วนะ!!” “ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ไงล่ะคะ ฟังอะไรก็ฟังไม่จบไม่เคยฟังอะไรเลยและคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกอยู่คนเดียวแต่หมอรู้ไหมคะว่านั่นน่ะ โง่ที่สุด!!” “นักศึกษา!!” “ฉันชื่ออริศรา!! แล้วก็เงียบก่อนฉันกำลังจะเล่า” เสียงหายใจแรงของเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาจะทนฟังเธอได้อีกไม่นานเพราะความไร้มารยาทและไม่มีกาลเทศะของเธอ แต่เธอกลับดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เขาอย่างสงบเมื่อบอกให้เขาเงียบแล้ว “คุณหมอดูนะคะ ถุงยาในถาดนี้คุณตรวจแล้วว่าไม่ผิดปกติใช่ไหมคะ” “ใช่ ผมตรวจแล้วทุกอย่างถูกต้องตามที่เขียน” “มีแค่ถุงนี้ใช่ไหมคะที่ผิด” “อืม แล้วยังไงคุณยังจะ….คุณกำลังจะพูดอะไรนักศึกษา” “อลิศกำลังจะบอกว่า นี่ค่ะ” เธอดึงถุงซิปล็อกที่เธอเตรียมเอาไว้ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอและวางที่โต๊ะของเขา หมอภาสมองถุงซิปล็อกและสลับขึ้นมามองหน้าเธอ เขาจึงหยิบขึ้นมาดูถุงที่เขาแยกเอาไว้ “ถุงนี่…เป็นคนละสีกับ….” “ใช่ค่ะ” “คุณกำลังจะพูดอะไร กำลังจะบอกอะไรกับผม” “อลิศกำลังจะบอกคุณหมอว่าครั้งนี้ไม่ได้ผิดที่อลิศจัดยาให้คุณ แต่มีคนที่จงใจอยากจะกลั่นแกล้งเด็กฝึกงานโดยการเปลี่ยนยาเพื่อให้คุณหมอด่าพวกเราค่ะ” “ว่ายังไงนะ ทำไม…” “หมอน่าจะรู้เหตุผลนี้ดีกว่าพวกอลิศนะคะ นี่คือเหตุผลที่อลิศเองก็อยากถามพวกคุณที่เป็นบุคลากรในโรงพยาบาลเช่นกันว่า ทำไมต้องแกล้งเด็กฝึกงานที่อยากเรียนรู้และหาประสบการณ์อย่างพวกเราด้วย” เป็นครั้งแรกที่หมอภาสนิ่งไปแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะสงสัยตั้งแต่คำที่อลิศพูดตรงทางเดิน ก่อนที่เขาจะทดสอบโดยสั่งให้เธอจัดยาอีกครั้ง และเมื่อคำพูดของเธอที่พูดตรงทางเดินทำให้เขานึกสงสัยมากกว่าเดิม จึงอยากพิสูจน์ก็เลยเดินตามพวกเธอไปที่ห้องยากลับไปพบกับพวกเธอทะเลาะเพื่อแย่งถาดยาเจ้าปัญหานี้แต่นึกไม่ถึงว่า…จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น “หมายความว่า….” “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราถูกกระทำ ก่อนหน้านั้นยาที่ถูกจัดไปให้ผู้ป่วยของคุณหมอ ต้องบอกว่าเฉพาะของคุณหมอภาสเท่านั้นที่มีปัญหาจนเพื่อนของอลิศอยู่แผนกนี้อีกไม่ได้ ถูกสั่งย้ายไปห้องปฏิบัติการ” “คุณกำลังจะบอกว่า…” “อลิศไม่ได้ใส่ร้ายใคร แต่ก็อย่างที่คุณหมอเห็นนะคะ เพราะที่จริงแล้วยาที่อลิศจัดจะใส่ถุงซิปล็อกที่ไปเบิกมาเองเพื่อป้องกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ และจะไม่มีการจัดยาไว้และส่งต่อคุณเภสัชสุดสวยนั่นแต่จะส่งไปที่เค้าน์เตอร์จ่ายยาเลย หลายวันมานี้ก็เลยไม่มีปัญหาค่ะ” หมอภาสนิ่งไปกับสิ่งที่เธอเล่า เขาไม่มีทีท่าอะไรที่แสดงออกมาให้เธอรู้เลยว่าคิดอะไรอยู่ สายตาเขาจดจ้องอยู่กับถุงยาที่ผิดปกติในมือและไม่มองเธอเลย “คุณหมอคะ” “ผมรู้แล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ” “แล้ว…เรื่องนี้” “ผมจะคุยกับทีมงานที่ดูแลพวกคุณอีกที วันนี้กลับไปได้แล้ว” “ก็ได้ค่ะถ้าหมอว่าอย่างนั้นก็…ขอบคุณที่รับฟังปัญหานะคะ” อลิศเดินออกไปอย่างว่าง่ายเพราะในที่สุดเรื่องที่เธออยากพูดมาหลายวันนี้ก็ได้พูดได้บอกไปหมดแล้วว่าสาเหตุที่พวกเธอเจอไม่ได้เกี่ยวข้องกับความไม่เป็นมืออาชีพของพวกเด็กฝึกงานแต่เกิดจากปัญหาภายในต่างหาก เมื่อเธอออกมาก็พบกับคนที่อยากเจอมากที่สุดในโรงพยาบาลนี้พร้อมกับยิ้มที่สดใสของหมอกิตที่ส่งมาให้เธอ “อลิศ ไม่ได้เจอกันนานเลยเป็นยังไงบ้าง” “คุณหมอกิต” “อ้อจริงสิขอบใจนะสำหรับคุกกี้วันก่อน อร่อยมากเลย" “ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจที่คุณหมอชอบนะคะ” “ว่าแต่วันนี้มาทำอะไรที่นี่เหรอ หรือว่าถูกดุอีกแล้ว” “เปล่านะคะ อลิศก็แค่เอารายงานมาให้คุณหมอภาสน่ะค่ะ” “อ้อ เป็นแบบนี้นี่เองงั้นไปกินกาแฟด้วยกันสิ นี่ก็เลิกงานแล้วนี่” “จะ…จริงเหรอคะ” “จริงสิ ตอบแทนเรื่องคุกกี้วันก่อนไง ไปเถอะผมมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวต้องกลับมาตรวจคนไข้ต่อ” “ได้ค่ะ ๆ ขอบคุณค่ะคุณหมอ” “เรียกพี่กิตเหมือนเดิมก็ได้ รวิศสบายดีใช่ไหม” “สบายดีค่ะยังดุเหมือนเดิม” “ไม่มีเวลาไปหาเลย อ้าวหมอภาส!!” อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินมาจากด้านหลังและรอลิฟต์ที่เดียวกับพวกเขา เธอหุบยิ้มและหยุดพูดไปในทันทีเมื่อเขาปรากฏตัวแต่ดูเหมือนว่าหมอภาสจะไม่ได้สนใจเธอ “คุณจะไปไหนเหรอ แวะไปกินกาแฟกับพวกเราก่อนไหม” เขาเหลือบไปมองอลิศที่ยืนก้มหน้า ดูก็รู้ว่าถ้าเขาไปด้วยเธอคงลำบากใจและคงทำให้บรรยากาศเสียแน่นอน “ไม่ล่ะ ผมรีบไปธุระ” “อ่อ ชั้นไหนล่ะ” “ชั้นเดียวกันนั่นแหละ” “อ้อ เอออลิศแล้วรวิศตอนนี้เป็นยังไงมันยังบ้างานจนโสดเหมือนเดิมอีกเหรอ” “เอ่อ….ค่ะ พี่รวิศยังไม่มีแฟน..ค่ะ” “อะไรกันเกร็งทำไม หมอภาสก็เข้า ๆ ออก ๆ บ้านอลิศบ่อย ๆ พวกเราสองคนเมื่อก่อนเป็นแขกประจำของรวิศเลยนะ ทำไมถึงได้เกร็งกับพวกพี่แบบนั้นล่ะ” อลิศจะพูดว่าเธอจำหมอภาสไม่ได้เลยก็เกรงว่าจะทำร้ายความรู้สึกของคนที่ยืนหันหลังเธอมากเกินไปแต่ในความทรงจำของเธอ หมอศุภกิตต์เป็นรักแรกพบของเธอจะอยู่ในความทรงจำมากกว่าจนตอนที่พี่ชายเธอบอกว่า “อ๋อวันนี้ไอ้กิตไม่มาหรอกไปดูหนังกับแฟนมันน่ะ” วันนั้นจำได้ว่าเธอร้องไห้ทั้งคืนเพราะรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ในวันนั้นเหมือนว่าพี่ชายของเธอกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับเพื่อน ๆ อีกสองคนซึ่งเธอไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นใครเพราะเธอจะจำเพียงแค่ศุภกิตต์ที่คุยเก่งและชอบชวนเธอเล่นเกมมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ของพี่ชายเธอ “ อลิศยังชอบกินบลูเบอร์รี่ปั่นอยู่หรือเปล่าล่ะ” “พี่กิตยังจำได้อยู่เหรอคะ” “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ครั้งนั้นจำได้ว่ารวิศลืมซื้อกลับมาให้ อลิศก็เลยงอนไปนานเลยนี่ จน….” “ครับ!! ผมกำลังจะไปครับ เดี๋ยวเจอกันครับ” ลิฟต์ถึงชั้นล่างพอดี หมอภาสเดินออกไปโดยไม่ได้หันมามองทั้งคู่อีกเลยเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคาเฟ่ต์ชั้นแรกของโรงพยาบาล อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินไปยังแผนกประชาสัมพันธ์และเดินตามหมอกิตเข้าไปในร้านกาแฟ เธอพึ่งสังเกตสายตาของคนในร้านที่มองพวกเธอ หมอกิตขึ้นชื่อว่าเป็นหมอที่หน้าตาดีและมีเสน่ห์เพราะเขาพูดเก่งและคุยง่ายกว่าหมอคนอื่น ๆ “อลิศ แล้วอลิศล่ะครับตอนนี้ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ” “คะ อลิศเหรอคะ ยังหรอกค่ะเอาเวลาที่ไหนมาหาแฟนล่ะคะ” “ถ้าอย่างนั้น เราลองคบกันไหมครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม