"รถกูเอากลับไปเลย"
ผมทำเพียงแค่พยักหน้าและมองตามหลังไอ้สิบที่รีบก้าวเดินขึ้นหอพักของน้องมายด์แฟนของมัน ดูมันดิหอบของมาง้อเมียแบบโคตรจะพะรุพะรัง ผมยกยิ้มก่อนจะถอยรถออกจากตัวหอ จริงๆผมคิดว่าผมก็ดูดีแล้วนะ ผมดูทางและคนดีแล้วจริงๆผมจึงเหยียบคันเร่งแต่ก็ต้องเบิกตากว้างพร้อมร้องลั่นเมื่อเห็นคนกำลังวิ่งเข้ามาตัดหน้ารถ!
"เชี้ย!"
"กรี๊ด!!"
เอี๊ยด!!
ทั้งผมและเธอต่างร้องเสียงหลงพร้อมกับร่างบางที่ล้มลงไปกองกับพื้นตรงหน้ารถ ผมเบิกตากว้างนึกถึงภาพเมื่อกี้ที่จู่ๆก็มีผู้หญิงวิ่งปิดหูเหมือนหนีอะไรสักอย่างมาและวิ่งตัดหน้ารถจนล้มลงไป
ดีที่ผมเบรกทันและผมโคตรจะมั่นใจว่ามันไม่ได้โดนเธอ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ต้องลงไปดู
"เป็นอะไรไหม?"
ซอยทางเข้าหอน้องมายด์มันค่อนข้างจะมืดเพราะเป็นซอยเล็กและเปลี่ยวนั้นคงทำให้เธอไม่ทันระวัง แต่คนบ้าที่ไหนจะมาวิ่งปิดหูตามถนนวะ?
"เธอ เป็นไรไหม?"
ผมเอ่ยถามอีกครั้งเพราะเธอยังคงนั่งนิ่งคล้ายคนกำลังขวัญเสียนั้นทำให้ผมต้องนั่งยองๆลงกับพื้นพร้อมเอื้อมมือไปจับไหล่เธอเบาๆ
"เฮ้ ไหวไหมครับ?"
พรึ่บ!
สัมผัสจากเรียวแขนที่ตวัดขึ้นโอบรัดต้นคอทำให้ผมชะงักด้วยความตกใจ เธอไม่ตอบแต่กลับขยับตัวขึ้นมากอดคอผมไว้แน่นพร้อมซบใบหน้าลงบนซอกคอผมแถมยังเอาแต่พร่ำว่า น่ากลัว...น่ากลัวมาก..
"คุณเป็นอะไร?"
ผมอดจะถามไม่ได้ก่อนจะมองนัยน์ตาโศกที่เหลือบขึ้นมาสบตากับผมก่อนเธอจะเหลียวมองทางด้านหลังที่เต็มไปด้วยป่ารกทึบ
"จะตอบผมได้ยัง?" ผมถามอีกครั้งนั้นทำเธอสะดุ้งพร้อมถอยออกจากตัว "หนีใครมา รึโดนใครตาม?"
"มะ ไม่ๆ"
เธอรีบปฏิเสธพร้อมขยับลุกยืนแต่นั้นกลับทำให้เธอเซจนผมต้องขยับลุกไปจับแขนเธอไว้เพราะหัวเข่าเธอแตกจนเลือดไหลเป็นทางยาว คือมันคงแสบน่าดูอ่ะ
"เมื่อกี้โดนชนไหม?"
ผมถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจส่วนเธอก็ส่ายหน้าและขยับออกห่างผมจนผมต้องปล่อยมือจากแขนเธอ
"ไม่โดนค่ะ ฉันไม่เป็นไร"
"แต่หัวเข่าคุณแตก" เธอก้มมองที่เข่าข้างขวาพร้อมกับเบ้ปากเหมือนเพิ่งรู้สึกว่ามันเจ็บ "ไปทำแผลที่คลินิกเถอะ"
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันทำเอง"
"อย่างน้อยก็ไปเพื่อความสบายใจของผมเถอะผมไม่อยากมีอะไรติดค้างในใจ"
ผมขัดเสียงเรียบพร้อมกับเดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับพร้อมพยักหน้าให้เธอที่กำลังยืนลังเลมาขึ้นรถ
"ไม่ต้องกลัวผมไม่คิดจะทำไรคุณหรอก"
ดูเธอโคตรจะระแวงผมเลยเอาจริง ไม่สิ...เธอดูระแวงทุกอย่าง ทุกฝีก้าวแม้แต่ตอนจะขึ้นรถเธอก็ขยับโน้มตัวลงไปส่องดูภายในรถก่อน เอาจริงคือกูน่ากลัวขนาดนั้น?
"โอเคนะ?"
"รถคันนี้ไม่เคยเอาไปให้พระเจิมเลยหรอคะ"
ผมขมวดคิ้วพลางส่ายหน้าปฏิเสธ รถไอ้สิบอ่ะผมไม่รู้หรอกว่ามันเอาไปเจิมไหมแต่..น้ำหน้าอย่างมันคงไม่
"ไม่อ่ะ"
"เอ่อ งั้นฉันกลับไปทำแผลที่ห้องเองดีกว่าค่ะ"
ผมขมวดคิ้วมองผู้หญิงตรงหน้าที่โคตรจะดื้อเพราะเธอดันไม่ยอมขึ้นรถเพียงเพราะรถไอ้สิบยังไม่เคยเจิม เธอยิ้มให้ผมและถอยหนี
"อย่าน้อยผมควรรับผิดชอบสิ"
"เอาเป็นว่าฉันทำแผลเองได้และคุณไม่ต้องคิดว่าเราติดค้างอะไรกัน อีกอย่างมันก็ผิดเองที่ฉันวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือ”
"ดื้อด้าน"
และแน่นอนว่าผมตั้งใจติเพื่อให้เธอได้ยินส่วนเธอก็ทำแค่ยิ้มแห้งก่อนจะก้มหัวให้ผมและหันหลังเดินหนีออกไปไปทางหอเดียวกับหอน้องมายด์ ผมยืนมองเธอจนแน่ใจว่าเธอจะไม่ไปวิ่งใส่รถคันไหนอีกก่อนจะเดินอ้อมมาที่ประตูฝั่งคนขับ
แกร๊ง..
ผมชะงักและหันมองไปทางพุ่มไม้ทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังออกมา มันเหมือนลมพัดแล้วหญ้ามันลู่ตามลมแต่...เมื่อกี้มันไม่มีลมมันไม่รู้สึกเย็นด้วยซ้ำ ผมขมวดคิ้วและเดินไปทางหน้ารถเพื่อมองหาสิ่งต้นเสียงแต่กลับไม่เจออะไรผิดสังเกตนอกจากกระเป๋าใบเล็กที่ตกอยู่ปลายเท้า
"เกษสุดา"
ผมอ่านชื่อจริงจากบัตรประจำตัวนักศึกษาของเธอคนเมื่อกี้เบาๆพร้อมกับไล่มองชั้นปีและคณะ เธออยู่ปีสามปีเดียวกับผมแต่คนล่ะคณะ กระเป๋าเธอไม่ต่างจากของผู้หญิงทั่วไปนอกจากแผ่นสีทองตรงกลางมียันต์แปลกๆที่สอดใส่อยู่ในช่องที่คนทั่วไปเอาไว้ใส่รูป
"วันหลังไม่เอาพระใส่ด้วยเลยวะ อย่างขลัง"
ผมพับกระเป๋าตามเดิมพร้อมยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนเดินขึ้นรถ..ยังไงก็คงจะได้เจอกันอีกแหละ
.....ถ้าเธอยังต้องการของขลังในกระเป๋าเงินตัวเองน่ะนะ