ในคลาสเรียน
เมื่อเคลียร์กับไทเกอร์รู้เรื่องเราสองคนกลับเข้ามาในคลาสเรียน ระหว่างรออาจารย์มาสอนก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย สังเกตเห็นยี่หวามองบ่อยๆ จนเริ่มเปิดประเด็นถาม
“จ๋ายคอแกเป็นอะไรทำไมมันแดงๆ”
“หือ?”
“ที่คอ ก่อนหน้านี้ยังไม่มีเลยนะ”
ฉันรีบเปิดกล้องในโทรศัพท์เพื่อเช็คว่าที่ยี่หวาพูดมามันจริงหรือเปล่า และมันก็มีรอยแดงจริงๆ ใช้จังหวะที่ไม่มีใครมองเอามือลงมาหยิกขาคนที่ฝากรอยเอาไว้แรงๆ
“โอ้ย!!!” เสียงทุ้มแหกปากร้องลั่นจนเพื่อนคนอื่นๆ หันควับมามองเป็นตาเดียว
“มึงแหกปากเพื่อ?” โอดินที่นั่งข้างๆ ไทเกอร์รีบถาม
“แมวข่วน”
“…….” คำพูดคำจานายคนนี้นะ มันน่าโดนอีกสักที่
“แมวที่ไหนมันจะมาอยู่ในคลาส”
“แถวๆ นี้ แมวของกูเองมันซนมากช่วงนี้ คงต้องหาปลอกคอมาให้ใส่”
“มึงคุยกับกูอยู่ใช่ไหม”
กลัวคนอื่นไม่รู้มั้งว่าหมายถึงใครเพราะตอนพูดเอาแต่มองหน้าฉัน
“แล้วจ๋ายจะตอบได้หรือยังว่าคอไปโดนอะไรมา” ยี่หวาถามย้ำ เพราะมัวแต่สนใจเพื่อนตัวดีที่นั่งข้างๆ จนลืมคิดหาคำอ้างไว้ตอบยี่หวา มันกระชั้นชิดก็เลยรีบบอกไปอย่างไม่ได้คิด
“มดกัดน่ะ”
“มดคงตัวใหญ่น่าดู” คำพูดที่สวนขึ้นทันควันของไทเกอร์ทำให้ฉันหันจ้องเขม็ง เขาทำหน้าตาระรื่นอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้
“ไปโดนมดที่ไหนกัดเนี่ย”
“ในห้องน้ำ” ไทเกอร์ตอบแทน เหมือนตอนนี้เขากำลังเล่นสงครามประสาทกับฉันอยู่ไม่มีผิด
“แล้วมึงรู้ได้ยังไง?” โอดินถาม
“ก็….”
“ฉันให้ไทเกอร์ไปเฝ้าหน้าห้องน้ำน่ะ มันค่ำแล้วน่ากลัว”
“อ๋อ”
“จ๋ายแต่แกแพ้มดไม่ใช่หรอ ทำไมไม่มีผื่นขึ้น”
ให้ตายสิ!! ยี่หวาทำไมความจำดีแบบนี้เนี่ย เรื่องที่แพ้เวลามดกัดมันตั้งแต่เด็กแล้วนะ ทำไมถึงยังจำได้ จริงๆ ไม่ได้แพ้อะไรมากแค่เป็นผื่นขึ้นตามตัว ไม่ได้มีอาการร้ายแรง
“…คงเลิกแพ้แล้วมั้ง”
“ดีนะ ไม่อย่างนั้นผื่นขึ้นกลางคลาสเรียนคงวุ่นวายแน่ๆ”
คุยกันเท่านั้นอาจารย์ก็เข้ามาสอน ใช้เวลาเรียนจนเกือบๆ สองทุ่ม เตรียมตัวจะออกจากห้องไม่รู้ว่าริวจิเดินมาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ทันสังเกต โชคดีที่ไทเกอร์รีบไปเข้าห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นคงได้ปากเสียใส่เพื่อน
“คืนนี้ริวทักไปคุยได้ไหม”
“…….” จะบอกยังไงดี….คือไทเกอร์บล็อกริวไปแล้ว และฉันก็ไม่ได้อยากคุยด้วยแค่แกล้งเพื่อนขี้โมโหเล่นเท่านั้นเอง ลืมคิดไปเลยว่ากำลังดึงคนอื่นให้มารู้สึกแย่กับเรื่องที่คิดจะทำเพียงแค่ความสนุกชั่วคราว
“หรือว่าจ๋ายมีแฟนแล้ว”
“ไม่ๆ ไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้นริวขอทักไปชวนคุยเล่นได้ไหม”
“อื้อได้สิ”
เห็นสายตาอ้อนของริวแล้วไม่เอ็นดูยังไงได้ รู้สึกผิดด้วย คงต้องบอกให้ชัดเจนกว่าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ปฏิเสธไปแบบมีเหตุผลดีกว่าการเงียบหาย แบบนั้นมันดูใจร้ายเกินไปหน่อยนะฉันว่า
“จ๋ายไปได้แล้วถ้าไทเกอร์มาเจอเดี๋ยวก็มีเรื่อง”
“เพื่อนนายเป็นนักเลงตั้งแต่เมื่อไรโอดิน”
“เพื่อนเธอเหมือนกัน”
ฉันเบ้บปากก่อนจะบอกลาริวจิ แล้วรีบเดินออกจากห้องพร้อมยี่หวาและโอดิน
“ดูเพื่อนเรานะเห็นรีบร้อนออกมาเหมือนฉี่จะแตกที่ไหนได้แอบไปยืนคุยหญิงอยู่นู่น” ยี่หวาชี้ให้โอดินและฉันมอง ตรงที่ชี้คือไทเกอร์กำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
“ให้มันมีเมียเหอะ ทุกวันนี้ตัวติดกับจ๋ายจนคนอื่นจะเข้าใจผิดหมดแล้ว”
“จริง ช่วงเรียนมอปลายตัวตัวติดกันแล้ว พอแกย้ายจากปารีสมาเรียนมหาวิทยาลัยที่ไทยเหมือนถูกไทเกอร์มันคุมอะ ตามไม่ห่างเลย”
“หวงยิ่งกว่าพ่อ”
“สองคนนี้เป็นอะไรเอ่ย?” ฉันเอียงคอถามเพื่อนทั้งสองคนที่พูดจาเข้ากันเป็นปี่เป็นขรุ่ย
“ไม่หวงมันบ้างหรอจ๋าย” คำถามของโอดินทำให้ฉันขุ่นคิดมองไปยังภาพตรงหน้า ก่อนจะตอบ “ไม่นะ ทำไมต้องหวงด้วย”
“นั่นสิ เดี๋ยวพอไทเกอร์หันมาเห็นจ๋ายก็รีบวิ่งแจ้นมาหา”
พูดไม่ทันขาดคำ ไทเกอร์ที่ยืนคุยกับผู้หญิงอยู่ไม่ไกลหันมาทางฉัน จากนั้นก็รีบเดินมาหา
“เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้ว” ยี่หวาตบมือดังแปะให้กับคำพูดที่ทายอนาคตของตัวเอง
“กลับเลยไหม?” เดินมาถึงไทเกอร์ก็ถามทันทีฉันพยักหน้าแทนคำตอบแล้วเดินนำออกมาจากตรงนั้น
ปกติเรามาเรียนด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พ่อจะยอมให้มากับไทเกอร์ เราเห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็กๆ บ้านก็รั้วติดกันขนาดนั้น
#ภายในรถ
“ใครหรอผู้หญิงคนนั้น” ฉันหันมาถามคนที่นั่งเบาะคนขับ
“นึกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
“ก็แค่ถาม”
“น้องรหัส”
“ไม่คุ้นหน้าเลย”
“เธอสนใจใครที่ไหน”
ก็จริงฉันไม่ได้ใส่ใจใครขนาดนั้น ให้ความสำคัญแค่เพื่อนๆ ในกลุ่มของตัวเอง เรียนเสร็จก็กลับบ้าน พี่รหัสน้องรหัสฉันคือใครก็ไม่เคยเห็นหน้า เพราะเพิ่งย้ายมาด้วยก็เลยได้พี่รหัสคนเดียวกับใจ๋
“น้องเอาขนมมาให้เฉยๆ ไม่มีอะไร”
“จะมีอะไรก็ไม่ว่าหรอก นายโตแล้ว”
“พูดจริง?”
ไม่ถามเปล่า ไทเกอร์ขยับตัวโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ เมื่อได้สบตาคู่นั้นทำเอาฉันเกือบลืมหายใจ
ไม่ว่าจะถามย้ำกี่ครั้งคำตอบก็ยังเหมือนเดิม “ก็บอกว่าไม่หวงไง”
“หวงหน่อย”
“อยากให้หวงหรอ” ฉันวางมือลงบนท่อนขาแกร่งพร้อมลูบไล้ไปมาอย่างเชื่องช้า คนที่ถูกแกล้งขบกลามแน่นแล้วปัดมือออก
“อย่ามาทำให้มีอารมณ์”
“ฉันรู้ว่านายชอบ”
“รู้ใจขนาดนี้มาเป็นเมียเลยไหม”
“หุบปากไปเลยนะ”
“ปารีสมันสอนอะไรเธอบ้าง กลับมาถึงได้ทั้งดื้อทั้งซนขนาดนี้”
“อยากรู้จริงๆ หรอ ถ้ารู้นะนายต้องร้องซี๊ดแน่ๆ” ฉันทำเสียงซี๊ดปาก แต่เพื่อนสนิทกลับทำหน้าบึ้งใส่เฉยเลย ก็แค่หยอกเล่นเอง ขี้งอนไม่เคยเปลี่ยน
“นี่” พูดพลางยกนิ้วขึ้นมาจิ้มๆ แก้ม “งอนเก่งได้ใครเนี่ย”
“อย่ายุ่งจะขับรถ”
“ชิ!!”