เวหาปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระพร้อมกับหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาสวมเข้าที่ศีรษะของตัวเขาเองแล้วขึ้นไปคร่อมบนรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำของตัวเอง
“เราเป็นเพื่อนกัน ขึ้นมาสิเดี๋ยวไปส่งที่บ้าน” ชายหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวให้ขึ้นไปนั่งบนรถคู่ใจทำเอาเชอรีนรีบปฏิเสธเสียงแข็งมือไม้โบกสะบัดพัลวันเพราะเธอไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แบบนี้มาก่อนอีกทั้งเธอก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นที่ไปไหนมาไหนด้วยกันได้
“ไม่เป็นไรเรากลับเองได้” เชอรีนยิ้มแห้งอย่างไม่รู้จะพูดปฏิเสธเช่นไรเธอไม่สะดวกที่จะนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แบบนี้อีกทั้งชุดกระโปรงนักเรียนที่เธอสวมใส่นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอไม่กล้าที่จะนั่งรถไปกับเขา
ร่างบางหลุบตามองลงไปยังกระโปรงนักเรียนของตัวเองแล้วจึงหันมองไปทางอื่นคิดๆๆว่าพูดปฏิเสธอย่างไรดี เวหาที่มองดูการกระทำของเธออยู่จึงได้เปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น
“ใส่กางเกงซับในหรือเปล่า” คำพูดของเขาทำเอาเชอรีนตะลึงดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เชอรีนพยักหน้าด้วยท่าทางเลิ่กลั่กยกมือขึ้นเกาหัวอย่างเหนียมอาย
“ห๊ะ! ก็ใส่”
“งั้นก็ขึ้นมาเถอะน่า ถือว่าตอบแทนที่เธอช่วยฉัน” ชายหนุ่มยื่นมือเพื่อรอรับมือเล็กของหญิงสาวแต่เชอรีนยังคงปฏิเสธพูดอ้างนั่นนี่ไปเรื่อย
“เราไม่ได้ช่วยอะไรนายเลย” ชายหนุ่มเริ่มเหนื่อยใจไปกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าที่มัวแต่กลัวเขาจนไม่ยอมขึ้นมานั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ของเขาสักทีและท้ายที่สุดเวหาจึงยกเรื่องที่เธอและเขาเป็นเพื่อนกันนำหัวข้อสนทนานี้ขึ้นมาเชื้อเชิญเธอให้ขึ้นมานั่งบนรถมอไซค์ของเขา
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันยังไงเดี๋ยวเล่าให้ฟังตอนขับไปส่งเธอ”
“งั้นก็ได้แต่ว่าเราขึ้นรถนายไม่เป็น มันสูงมากเราจะขึ้นยังไง” เมื่อโดนบอกให้ขึ้นไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ไม่หยุดสุดท้ายเชอรีนก็จำต้องยอมพยักหน้าตกลง เธอติดปัญหาสำคัญซึ่งนั่นก็คือวิธีการขึ้นรถคันใหญ่ๆแบบนี้เนี่ยมันต้องขึ้นยังไงกันนะ หนุ่มนักเรียนมัธยมปลายไม่รีรอรีบบอกวิธีการขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ในแบบฉบับของเขา
“จับไหล่ฉันแล้วเหยียบที่ ที่เหยียบนั่นออกแรงยกตัวขึ้นนั่งและทรงตัวดีๆ ลองดูไม่ยากอีกหน่อยเผื่อเธอติดใจแล้วจะอยากนั่งมอไซค์ฉันอีก” เสียงทุ้มพูดบอกพลางยื่นมือให้เชอรีนได้จับเพื่อยึดหลัก
“ชิ ไม่มีทาง!”
เชอรีนลองทำตามวิธีที่เวหาบอกจนสุดท้ายเธอก็ขึ้นมานั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ของเขาได้จนสำเร็จ หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวเพราะตัวรถมันค่อนข้างสูงและดูน่ากลัว เธอกลัวว่าเธออาจจะหล่นในตอนที่รถเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็ว
“กอดเอวฉันแล้วเธอจะไม่ตก” เวหาที่เหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของเชอรีนก็พูดขึ้นพร้อมทั้งเริ่มสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์จนเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง
“ทำไมต้องกอดด้วย ไม่!!” เชอรีนรีบยกมือขึ้นกอดอกเรื่องอะไรที่เธอต้องโอบกอดผู้ชายคนนี้ด้วย เธอเป็นผู้หญิงนะจะให้ไปกอดผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงไม่มีทาง
“ก็แล้วแต่นะ ตกไปอย่าหาว่าไม่เตือน!!” เขาถือว่าเตือนเธอแล้วนะ เวหาเริ่มออกแรงบิด สองล้อเริ่มหมุนเคลื่อนที่ออกตัวด้วยความเร็วทำเอาร่างบางที่นั่งอยู่ข้างหลังแทบจะหงายไปข้างหลังโดยทันที
“กรี๊ด~ เดี๋ยวรอแปบ” เชอรีนส่งเสียงกรีดร้องพร้อมทั้งเขย่าท่อนแขนแกร่งไปมาเพื่อเป็นการขอร้องให้เขาหยุดจอดรถเดี๋ยวนี้ เวหาหยุดตามที่เธอขอมือเล็กเริ่มโอบกอดเอวของเขาเอาไว้พร้อมๆกับแผ่นหลังที่รู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มนิ่มแถมยังหอมละมุน
เมื่อเธอกอดเขาแล้วเวหาจึงเริ่มบิดแล้วขับออกไปด้วยความเร็วในระดับหนึ่งเชอรีนที่ไม่เคยนั่งมอไซค์แบบนี้มาก่อนก็เกิดอาการกลัวเธอซบใบหน้าเข้าหาแผ่นหลังเสื้อนักเรียนของชายหนุ่มจนแนบชิด
ซ่า~
จู่ๆก็เกิดเม็ดฝนร่วงหล่นลงมาทำเอาสองร่างที่กอดกันแน่นเปียกปอนไปด้วยความชุ่มฉ่ำและด้วยความที่เกรงว่าหญิงสาวจะเปียกจนไม่สบายจึงทำให้เขาหันหน้าบอกเธอเพียงนิดก่อนที่จะขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดที่อยู่ไม่ไกลของตัวเอง
“ฝนตกแวะไปหลบฝนที่ห้องฉันก่อนแล้วกัน”
“เดี๋ยว! นายจอดรถเลยนะ เราลงตรงนี้ได้ นี่จอดรถสิ” ร่างบางที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักผละออกจากแผ่นหลังหนา เธอตะโกนบอกให้เขาช่วยจอดรถตรงฝั่งข้างทางแต่เวหาที่ไม่คิดที่จะจอดอยู่แล้วก็เลือกที่จะไม่สนใจเธอ เขามุ่งหน้าขับตรงไปยังคอนโดของตัวเองอย่างคนที่เอาแต่ใจ
คอนโดเวหา
ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
“เข้าไปหลบฝนห้องฉันก่อน” ทันทีที่ทั้งคู่ได้ลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วเวหาก็เอ่ยชวนคนตัวเล็กให้ขึ้นไปยังห้องของเขา เชอรีนรีบส่ายหน้าใบหน้าบึ้งตึงยังคงโกรธเคืองที่เขาไม่ยอมจอดรถให้เธอได้ลงในก่อนหน้านี้
“ไม่! เราไม่ได้รู้จักกัน แล้วจะพามาที่นี่ทำไม นี่!”
เวหาเลือกที่จะจับแขนเรียวเล็กของคนตรงหน้ากึ่งลากกึ่งจูงพาเธอเข้าไปในลิฟท์ด้วยความยากลำบากเพราะเชอรีนไม่ยอมให้ความร่วมมือเลยสักนิด ลิฟท์ได้ขึ้นมาถึงยังชั้นที่ 18 ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ของเขาแล้ว
ชายหนุ่มดันร่างบางออกจากลิฟท์แล้วพาเธอเดินไปตามทางเดินจนมาหยุดอยู่หน้าห้องของตัวเองนั่นก็คือห้อง 1808
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า อย่างเธอไม่ใช่สเปค!” เวหาหันไปพูดบอกเธอว่าไม่ใช่สเปคแต่ความจริงแล้วมันช่างสวนทาง เชอรีนตรงสเปคแถมยังถูกใจเขาเป็นอย่างมาก ประตูห้องถูกเปิดออกหลังจากที่เวหาใส่รหัสปลดล็อคเป็นที่เรียบร้อย
ไม่รอช้าเขาดันแผ่นหลังของหญิงสาวให้เดินเข้าไปในห้องจนเมื่อทั้งสองได้ผ่านพ้นประตูด้วยกันทั้งคู่แล้ว เวหาก็รีบกดปิดประตูทันที
ปัง!!
“ฮึ่ย~ รู้แล้วน่า แล้วพาคนไม่รู้จักเข้าห้องแบบนี้ได้ยังไง” เชอรีนหันหน้ามาทำท่าจะเอาเรื่องแต่พอเห็นว่าเวหากำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าชุดนักเรียนของตัวเองอยู่เธอจึงรีบหันมองไปทางอื่นใบหน้าสวยเห่อร้อนขึ้นฉับพลันผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้ทำอะไรไม่ระวังบ้างเลยไม่ได้อยู่ลำพังในห้องนี้สักหน่อย
“ก็บอกอยู่ว่าเป็นเพื่อนกับเธอ” เวหาที่เห็นว่าเชอรีนมีท่าทางเขินอายในตัวของเขาจึงคลี่ยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดบอกเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง เขาย้ำบอกเธอถึงความสัมพันธ์ที่เป็นเพื่อนของพวกเขา
“แต่เราจำนายไม่ได้” เชอรีนที่มองเวหายังไงก็จำไม่ได้สักทีจึงทำหน้าบึ้งตึงออกมา ทำไงได้อะก็คนมันจำไม่ได้นี่นา เวหาที่ถอดเสื้อนักเรียนออกจากร่างกายขาวเนียนของเขาไปแล้วก็เดินขยับเข้ามาใกล้ร่างเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ
“ลองนึกดีๆ”
“แล้วจะเขยิบเข้ามาทำไม ถอยออกไปหน่อยก็ได้”