“ทำไมล่ะคะ หนูว่าสวยออก คุณหญิงเองก็น่าจะใส่แบบหนูบ้างนะคะ” เพราะเธอเชื่อว่า การแต่งตัวสวยแต่งหน้างามเพื่อมาดูแลคนป่วย ก็อาจเป็นยาดีที่ทำให้คนป่วยรู้สึกสบายใจมากกว่าชุดพยาบาล ซึ่งตอกย้ำตลอดเวลาว่าเขาหรือเธอกำลังป่วยอยู่ "หนูว่าถ้าคุณหญิงใส่เสื้อลายดอกหรือลายฮาวายสีเหลืองหรือสีฟ้าอ่อน ๆ คุณหญิงต้องดูสวยสาวและน่ารักมากแน่ ๆ เลยค่ะ เพราะผิวของคุณหญิงขาวเหลืองเหมือนสีน้ำผึ้ง...”
“หล่อนไม่ต้องมาทำเป็นสู่รู้ ฉันไม่มีวันใส่เสื้อผ้าลายดอกลายฮาวายอะไรนั่นแน่ เชิญหล่อนบ้าไปคนเดียวเถอะ ไม่ต้องมาชวนให้ฉันไปบ้าด้วย!”
แต่เธอรู้ว่าคุณหญิงแอบสนใจ เพียงแต่ปากแข็งไปเท่านั้นเอง...
หนึ่งสัปดาห์มาแล้วที่เธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ถึงแม้ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่เธอก็ตื่นเต้นและมีความสุขดีที่ได้พบประสบการณ์แปลกใหม่เกือบทุกวัน จากการได้ดูแลรับใช้คุณหญิงอารมณ์ร้ายและอยู่ในบ้านใหญ่โต ที่มีห้องหับมากมายอย่างกับโรงแรม เธอรู้สึกเหมือนกำลังผจญภัยอยู่ในปราสาทเทพนิยายอย่างไรอย่างนั้น
และตั้งแต่เธอมาอยู่บ้านหลังนี้ เธอยังไม่ได้เจอกับลูกชายคนไหนของคุณหญิงเลยสักคน เหล่าลูกชายของท่านรู้เพียงแค่ว่ามีพยาบาลคนใหม่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้าน เพื่อทำงานที่ไม่มีใครอยากทำ พวกเขาชินชาจนไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรแล้ว
“พยาบาลคนใหม่มาแล้วนี่พี่ใหญ่ ได้คุยบ้างรึยัง” ธารวรา หรือคุณวัง ลูกชายคนรองของบ้านเดินคุยมากับคุณปิงพี่ชายคนโตผู้เคร่งขรึม ซึ่งทั้งคู่พักอาศัยอยู่ที่ชั้นสามของบ้าน ส่วนของคฤหาสน์ที่ถูกออกแบบในลักษณะเพนท์เฮ้าส์หรูหราที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ต้องใช้คีย์การ์ดถึงจะผ่านนประตูเข้าไปได้
“ไม่จำเป็นต้องไปทำความรู้จักหรอก...ผู้หญิงคนนั้นคงอยู่ได้ไม่นานหรอกวัง เสียเวลาเปล่า”
“แต่เธอเป็นหลานของคุณแม่บ้านนี่ครับ บางทีเธออาจถูกฝึกความอดทนมาอย่างดี...”
“ไม่มีทาง ไม่มีใครทนคุณแม่ได้หรอก” ธารเทพไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะมีพยาบาลคนไหนอยู่รองรับอารมณ์มารดาของเขาได้นานเกินสามเดือน “ขนาดพวกแกยังไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ท่านเลย นับประสาอะไรกับคนอื่นวะ”
“นับวันท่านยิ่งอารมณ์ร้ายมากขึ้นทุกวัน”
“และเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ”
“แต่พี่ก็ยอมท่านเรื่องคู่หมั้นนี่ครับ ทำไมถึงยอม”
“ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าต้องแต่งเพื่อธุรกิจหรือหน้าตาทางสังคม พี่ก็ไม่ขัดหรอก แต่พี่ไม่ยอมให้ความสุขส่วนตัวหายไปแน่ เราต้องอยู่อย่างฉลาดนะวัง คุณแม่ท่านอยากได้อะไรก็ยอมไปเถอะ ทำให้ท่านสบายใจ ส่วนลับหลัง...ก็เป็นเรื่องของเรา”
“แต่มันก็ดูไม่ให้เกียรติผู้หญิงของเรานะพี่”
“พวกเธอก็ต้องรับให้ได้สิ พวกเธอต้องอยู่ให้เป็น ต้องรู้สิว่าควรทำยังไง เพราะถ้าไม่รู้ มันก็ต้องจบ ว่าแต่ผู้หญิงของแกเหอะ ยังพยายามให้ข่าวอยู่รึเปล่า บางทีแกน่าจะสอนเธอบ้าง สอนให้เธออยู่เป็น”
สองหนุ่มเดินคุยกันมาตามประสาพี่น้องที่ค่อนข้างสนิทสนมรู้ใจเพราะทำงานใกล้ชิดกัน ดังว่าแม่ทัพใหญ่กับขุนศึกมือขวาที่ช่วยกันบริหารบริษัทจนสำเร็จลุล่วง โดยไม่รู้ว่ามีคนไร้มารยาทแอบฟังอยู่อย่างตั้งใจราวกับไส้ศึกที่ถูกส่งมาสืบข้อมูลความเคลื่อนไหว
จนเมื่อสองหนุ่มเดินขึ้นชั้นสามไปแล้ว เธอถึงขยับตัวออกจากมุมอับใกล้ทางเดิน ซึ่งใช้กำบังตัวได้ดีจนใครก็จับไม่ได้
“ชิ! ผู้ชายพวกนี้ถือดีอวดเก่ง เห็นแก่ตัวจัง คิดเอาแต่ได้ เป็นพวกฉลาดแต่ไร้คุณธรรม แล้วยังกล้ามาวิจารณ์ฉันเนี่ยนะ...ผู้หญิงคนนั้นคงอยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ไป ไม่จำเป็นต้องไปทำความรู้จักให้เสียเวลา ! คอยดูไปเหอะ เพราะฉันไม่ได้มาเล่นๆโว๊ย!”
เธอสแหยะปากทำหน้าล้อเลียนใส่สองหนุ่มก่อนจะหันขวับ แล้วชนเข้ากับอะไรบางอย่างอย่างแรงจนทำให้เธอหงายหลังล้มตึง!