ไนต์คลับ
"ชื่อมิลล่า งั้นก็แปลว่าเป็นลูกครึ่ง ผมหมายถึงหน้าตาคุณไม่เหมือนคนไทยเท่าไหร่" พีย์เอ่ยถามขึ้น ระหว่างที่ทั้งสองนั่งดื่มอยู่ในโซนวีไอพีของไนต์คลับหรูหรา เพราะมิลล่าตัดสินใจมาดื่มเป็นเพื่อนชายหนุ่ม แม้จะยังไม่ยอมบอกค่าจ้างที่ตนต้องการก็ตาม
"ใช่ค่ะ คุณพ่อเป็นอเมริกัน แต่ว่าพ่อกับแม่มิลหย่ากันแล้ว ตอนนี้คุณแม่แต่งงานใหม่แล้วก็อยู่ที่อังกฤษค่ะ" เธอเรียกชื่อตัวเองแทนสรรพนามที่เรียกก่อนหน้านี้ ทำให้พีย์คลี่ยิ้มออกมา เขายังคงจ้องมองมิลล่าไม่ยอมละสายตา
"เสียใจด้วยนะ เรื่องพ่อแม่ของมิล"
"ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้พวกท่านต่างมีความสุขดีกับความรักครั้งใหม่ สำหรับมิลแล้วเรื่องหย่าร้างเลิกรามันปกติมาก มิลไม่ได้ถึงกับรู้สึกแย่กับการตัดสินใจของพ่อแม่ค่ะ" ราวกับว่าเธอกำลังพูดปลอบใจเรื่องการหย่าร้างของพีย์ แม้พอจะมองออกว่าชายหนุ่มยังคงเสียใจอยู่ก็ตาม
"ครับ งั้นผมขอถามเรื่องส่วนตัวได้ไหมครับ?"
"ได้สิคะ ถามได้ทุกอย่างเลย" มิลล่าบอกด้วยรอยยิ้ม เขาจึงทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถามออกมา
"ทำไมมิลถึงต้องทำงานพาร์ทไทม์หลายงานแบบนี้ครับ พ่อแม่ท่านไม่ได้ส่งเสียหรอกเหรอ?"
"คะ?" คิ้วเรียวขมวดยุ่ง มันช่างเป็นคำถามที่เหนือความคาดหมาย
"ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร ผมหมายถึงว่าถ้าเกิดพวกท่านไม่ได้ส่งเสีย ผมจะขอเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูมิลเอง" เป็นคำตอบที่ทำให้มิลล่ายิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ พีย์เป็นคนประเภทไหนกันแน่ เพิ่งพบเจอกันวันแรกแต่กลับยื่นข้อเสนอที่จะเลี้ยงดูเสียอย่างนั้น
"เอ่อ...พวกท่านไม่ได้ส่งเสียหรอกค่ะ พ่อแม่ต่างก็มีครอบครัวใหม่ มิลเลยไม่เคยบอกพวกท่านเรื่องที่มิลเรียนต่อมหาวิทยาลัย มิลเลือกที่จะใช้ชีวิตของตัวเองแล้วก็อยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง ก็เลยต้องทำงานหนักอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ" เธออธิบายออกไปตามความเป็นจริง และรู้สึกภาคภูมิใจที่ส่งเสียงตัวเองเรียนมาจนกระทั่งเกือบจะขึ้นปีสี่แล้ว
"ว้าว ผมเจอคนเก่งเข้าแล้วสิ" พีย์คลี่น้อยๆ และกระดกบรั่นดีเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว จากนั้นจึงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยประกายวาวของมิลล่าอีกครั้ง
"คนเก่งคือคนที่มีความพยายามค่ะ" เธอถ่อมตัว
"ครับ หลังจากที่ได้คุยกับมิลแล้วก็ทำให้ผมเชื่อเรื่องนี้ ว่าแต่รู้หรือยังครับว่าผมต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้มิลเท่าไหร่?" พีย์ยังคงค้างคาใจในเรื่องนี้ จึงตัดสินใจถามขึ้นมาอีกครั้งเพราะเกรงว่ามิลล่าจะไม่กล้าถาม
"มิลว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่านะคะ มิลเปลี่ยนใจแล้วว่าจะไม่รับเงินจากคุณ คิดซะว่ามิลมาดื่มเป็นเพื่อน แล้วคุณก็เลี้ยงเครื่องดื่มมิลก็แล้วกันนะคะ" ตอนแรกที่ตกลงรับข้อเสนอ เธอเพียงคิดว่าเงินก้อนนี้อาจจะทำให้ตนสบายขึ้นมาบ้าง ทว่าหลังจากได้พูดคุยกับพีย์แล้วกลับเปลี่ยนใจโดยไร้เหตุผล
"ได้ยังไงกัน ไหนมิลบอกว่าจะต้องเสียงานนี้ไปตลอด?"
"ไว้มิลค่อยไปคุยกับเขาก็ได้ค่ะ หรือไม่มิลก็อาจจะเปลี่ยนไปทำงานอื่น"
"แล้วที่ผมถามไปก่อนหน้านี้ล่ะ เรื่องที่ผมจะขอส่งเสียเลี้ยงดู"
"มิลไม่เข้าใจความหมายที่คุณพูดค่ะ ส่งเสียงเลี้ยงดูในฐานะอะไรคะ?" แววตาเป็นประกายทว่าตอนนี้กลับฉายแววใสซื่อ ทำให้พีย์รับรู้ได้ว่าหญิงสาวไม่เข้าใจความหมายที่ตนสื่อออกมาจริงๆ
"ก็...ประมาณว่าเราอาจจะเจอกันบางครั้ง หรือตอนที่ผมอยากให้มิลไปหาที่บ้าน หรือเวลาที่ผมอยากไปหามิลที่บ้าน ประมาณนี้ครับ"
"อืม...ไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ คุณพีย์ช่วยพูดให้มันตรงกว่านี้ได้ไหมคะ?" มิลล่าคลี่ยิ้มเจื่อน พีย์เอาแต่จ้องมองใบหน้าสวยคมด้วยแววตาแสนเอ็นดู
"มิลมีแฟนหรือเปล่า?" ตากลมโตเบิกโพลงเมื่อโดนถามเรื่องส่วนตัวอีกครั้ง อยู่ๆ ใบหน้าสวยกลับเห่อร้อนขึ้นมา เธอคิดว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป
"เอ่อ...ไม่ค่ะ มิลไม่เคยมีแฟน"
"ว้าว งั้นไว้คราวหน้าเมื่อเราเจอกันอีก ผมจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังอีกที" พีย์คลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม จากนั้นจึงรินเหล้าลงแก้วใบใส แล้วยกมันขึ้นมากระดกเข้าปากอึกใหญ่ราวกับน้ำเมาไร้รสชาติ ในขณะที่มิลล่ายังคงจิบไวน์หวานแก้เก้อเขิน และเอนไหวร่างกายไปกับเสียงดนตรีครื้นเครง
ทว่าทันใดนั้น สายตาของพีย์กลับเหลือบไปเห็นดารารัตน์ ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของเขานั่นเอง หล่อนควงคู่มากับบุรุษคนหนึ่ง แลดูคุ้นหน้าคุ้นตาในแวดวงธุรกิจ และพวกเขายังมองมาที่ตนอีกด้วย
"ดารารัตน์..." พีย์เอ่ยชื่ออดีตภรรยาในจังหวะที่เสียงดนตรีเงียบลง ทำให้มิลล่าแปลกใจเมื่อเห็นเขาจับจ้องมองไปยังใครคนหนึ่ง เธอหันมองไปตามทิศทางสายตาของชายหนุ่ม จึงเห็นว่ามีผู้หญิงหน้าตาสะสวยกำลังเดินตรงเข้ามา
"บังเอิญจังเลยนะคะที่ได้เจอพีย์ที่นี่" ดารารัตน์เอ่ยทักทายอดีตสามี ทว่ากลับหลุบเปลือกตาต่ำลงมองมิลล่าที่ยังคงนั่งอยู่ตรงข้ามพีย์
"นั่นน่ะสิ" เขาพูดพลันกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง มิลล่ารู้สึกอึดอัด เพราะเธอไม่รู้เรื่องในอดีตของทั้งสองแม้แต่น้อย และการเผชิญหน้ากันของพวกเขา ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไหร่
"รัตน์ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะเปลี่ยนรสนิยมมาควงนักศึกษาแบบนี้" หล่อนยังคงจ้องมองคู่ควงของอดีตสามีด้วยแววตาดูถูกดูแคลน ราวกับกำลังหวงของที่ตนทอดทิ้งไป
"นั่นน่ะสิ ผมน่าจะเปลี่ยนรสนิยมตั้งนานแล้ว เพิ่งรู้ว่านักศึกษาสาวๆ สวยๆ มีอะไรดีกว่าคุณตั้งเยอะ" พีย์พูดประชดประชัน
"พีย์! กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นได้ยังไงคะ?" ดารารัตน์แผดเสียงด้วยความโกรธ เป็นจังหวะที่แฟนใหม่ของหล่อนเดินตามหลังเข้ามา แต่สายตาของเขากลับเอาแต่จ้องมองมิลล่า แม้เธอกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ ทว่าผิวพรรณผุดผ่องกลับสะดุดสายตาของอธิป จนเขาเกิดอารมณ์เสน่หาตามประสาผู้ชายที่มักหลงใหลในสิ่งงดงาม
"ยินดีที่ได้พบกันครับคุณพีย์" อธิปเอ่ยทักทายพีย์ เพราะต่างฝ่ายต่างอยู่ในแวดวงธุรกิจที่รู้จักกันดี
"ครับ ไหนๆ ก็มาแล้ว งั้นผมแนะนำให้พวกคุณรู้จักผู้หญิงคนนี้เลยก็แล้วกัน นี่คือมิลล่า...แฟนใหม่ผมเอง" เพราะรู้สึกเหมือนว่าตนกำลังถูกย่ำยีหัวใจ พีย์จึงพูดโกหกออกไปโดยลืมคิดถึงความรู้สึกของมิลล่า อีกอย่างคงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้ชายหนุ่มพูดประชดประชันอดีตภรรยาไปเช่นนั้น
"คุณพีย์..." มิลล่าจ้องมองชายหนุ่มด้วยสีหน้างุนงง
"ไม่ต้องพูด" เขาสั่ง แล้วจึงหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมทั้งถือวิสาสะคว้าข้อมือเล็กของมิลล่ามากุมไว้
"คิดว่ารัตน์ไม่รู้เหรอคะว่าคุณกำลังพูดประชดรัตน์ พวกนักศึกษามันก็หวังแค่เงินคุณเท่านั้นล่ะค่ะ" มิลล่าหันขวับมาจ้องมองดารารัตน์ และตระหนักดีว่าสิ่งที่หล่อนพูดออกมามันก็ไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริง เพราะหากไม่ใช่เรื่องเงิน ตนก็คงไม่มีทางมานั่งอยู่ตรงนี้กับพีย์ ผู้ชายที่เพิ่งพบเจอกันวันแรก
"ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกค่ะ" มิลล่าตัดสินใจพูดออกไปเช่นนั้น และได้แต่ตั้งปณิธานในใจ โดยการพิสูจน์ให้อดีตภรรยาของพีย์ได้เห็น ว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนต้องการเพียงแค่เงินโดยปราศจากความรัก
"แล้วฉันจะคอยดู" ดารารัตน์แค่นเสียงพูด หล่อนต้องพยายามข่มอารมณ์หึงหวงอดีตสามีไว้เพราะเกรงว่าอธิปจะจับได้
"กลับ" พีย์บอกเสียงดุ เขาเอนกายเข้าหามิลล่าเพราะทรงตัวยืนแทบไม่ไหว เธอจึงขยับวงแขนเล็กขึ้นมาโอบกอดเอวของชายหนุ่มไว้ จากนั้นจึงประคองคนตัวโตเดินออกจากไนต์คลับไป
เรื่องนี้พระเอกของเราจะค่อนข้างอ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษคล้ายๆ ท่านประธานอคิราห์ในเรื่อง"ปรารถนาของท่านประธาน" นะคะ อ่านจบแล้วฝากส่งกำลังใจมาให้ปันยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ