ทางด้านของไอ้สองเกลอที่กำลังคิดจะทำไม่ดีกับบ้านของพ่อหมอสมิงตามคำสั่งของลูกพี่ แม้จะกลัวเพียงไหนก็ต้องยอมทำเพื่อลูกพี่ที่ตัวเองรัก
สายลมเย็นๆ พัดวูบมากระทบที่ต้นคอของทั้งสองราวกับว่ามีบางอย่างลอยผ่านไปตามลมวูบนั้น เล่นเอาขนลุกวาบ จ๊อยรีบมองรอบๆ กายที่มืดมิดนั้นด้วยความกลัว ก่อนจะหันไปเร่งเกลอรักที่กำลังก้มหน้างุดอยู่กับพื้น
"รีบๆ เผาสิวะไอ้ยม!"
"เดี๋ยวก่อนดิ กูหาเชื้ออยู่ไอ้นี่"
"บ้านพ่อหมอสมิงนี่น่ากลัวฉิบหายเลยว่ะ ยิ่งมาอยู่ใต้ถุนเรือนแบบนี้แล้ว กูรู้สึกแปลกไปหมด" ว่าแล้วไอ้จ๊อยก็ลูบแขนปาวๆ มันยังคงมองรอบๆ ตัวเองเหมือนระแวงไม่หยุดเลย
ไอ้ยมกำลังหาเชื้อไฟ เพราะลำพังแค่คบไฟที่ถือมาไม่พอให้เป็นไฟกองใหญ่โหมขึ้นบนเรือนได้หรอก อย่างน้อยก็ต้องมีไม้ฟืนหรือเชื้อจากหญ้าแห้งมากพอจะเป็นชนวนนำทาง
"อะไรวะ แม่งทำไมหายากงี้" ขณะที่กำลังมองหาไอ้ยมก็บ่นพึมพำไปด้วย
"เร็วๆ สิวะไอ้ยม"
"มึงก็หยุดเร่งกู แล้วมาช่วยกันหาดิไอ้จ๊อย"
"เออๆ"
ที่ไม่ได้ช่วยตอนแรกเพราะต้องคอยดูต้นทาง เพราะอาจจะมีชาวบ้านมาเจอได้
ส่วนไอ้นนท์ที่กำลังยืนมองอยู่ไกลๆ นั้นก็เริ่มจะเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา เพราะไม่เห็นไฟลุกโชนตามที่คาดไว้สักที เห็นแต่เสียงไฟจากคบวูบวาบอย่างกับผีกระสือ
"พวกมันมัวทำอะไรกันอยู่วะ!"
อยากจะเดินเข้าไปแต่ก็อย่างว่าแหละ มันกลัวเหมือนกัน เลยให้ลูกน้องทำแทน ครั้นจะตะโกนแหกปากถามลั่นป่า คนในบ้านคงได้ตื่นกันหมดพอดี
แต่เพราะพวกมันเอาแต่ชักช้าลีลาอยู่แบบนี้ ก็เลยหงุดหงิดหัวเสียไปหมด
สุดท้ายก็ทนไม่ไหวรีบสาวเท้าก้าวยาวเดินเข้าไปตรงจุดที่ลูกสมุนสองคนนั้นยืนอยู่
"ไอ้จ๊อย ไอ้ยม พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันอยู่!?"
"เฮือก!! พะ พี่นนท์ ฉันตกใจหมด!" ไอ้จ๊อยที่ระแวงอยู่แล้วก็ตกใจแบบสุดขีด แต่ก็หายโดยฉับพลันเพราะเสียงนั้นเป็นเสียงของลูกพี่ตัวเอง จะเหลือก็แต่หัวใจที่เต้นรัวผิดจังหวะเนี่ยแหละ
"มานี่กูทำเอง พวกมึงนี่ไม่ได้เรื่องสักคน!"
ไอ้นนท์แย่งคบไฟในมือของไอ้ยมไปก่อนจะเอาจ่อไปตรงเสาไม้ที่คิดว่าจะติดไฟดี แต่ไม่ว่าจะทำยังไงของที่อยู่ใต้ถุนเรือนก็ไม่ติดไฟเลยสักอย่าง
เป็นอย่างนี้แล้วไอ้นนท์ที่มีอาการหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็หัวเดือดปุดๆ มากกว่าเดิมอีก
"อะ เอาไงดีพี่" ไอ้จ๊อยถามเสียงสั่นๆ
"กูจะเผา!" ไอ้นนท์มันยังคงไม่ล้มเลิกความคิดของตัวเอง ก่อนจะเดินหากิ่งไม้เล็กๆ มาสุมกองวางรวมกับของอื่นๆ ที่อยู่ใต้ถุนเรือน จากนั้นก็ใช้วิธีการเดิม นั่นก็คือใช้คบไฟจุดเศษซากของที่ตัวเองเก็บมา แต่ทว่ามันก็ยังคงเป็นแบบเดิม
"พวกมึงคิดจะเผาเรือนกูรึ!"
เป็นเสียงของคนแก่ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักที่ แต่น่าจะอยู่ใกล้ๆ เพราะทั้งสามได้ยินชัดเหมือนอยู่ข้างกาย พยายามมองหาต้นตอของเสียงด้วยอาการตื่นตระหนก
และก็ได้เจอเข้าอย่างจัง ทั้งสามเพิ่งจะรู้ก็วันนี้ไอ้อาการที่เขาเรียกว่า อาการกลัวจนขาแข็งวิ่งไม่ออกมันเป็นยังไง จะร้องก็ร้องออกมาไม่ได้ซ้ำร้ายมือและขามันยังแข็งเกร็งไปหมด เพราะสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้าคือ มันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ น่าเกลียดน่ากลัว นัยน์ตาแดงก่ำเป็นสีเลือด มีเขี้ยวแหลมยาวออกมา แถมมีกลิ่นตุเหม็นเน่าเหมือนซากสัตว์ที่ตายอยู่ในป่า เหม็นสาบจนแทบจะอ้วกออกมาให้ได้
มันไม่มีเต็มตัว จะว่าเป็นผีกระสือที่ชาวบ้านโจษจันกันก็ไม่รู้ว่าตัวมันเป็นยังไงกันแน่ มันมีแค่ท่อนบนที่มีเนื้อในทะลักออกมาเหมือนถูกบั่นจนตัวขาดครึ่งไป ร่างมันลอยเหนือพื้นมีแสงสีแดงจางๆ อยู่ในตัวของมันด้วย
มันจ้องไปที่ทั้งสามด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ราวกับว่าจะพุ่งเข้ามาเอาชีวิตให้ได้ แต่ถึงจะไม่ได้ทำอย่างนั้นก็เล่นเอาทั้งสามถึงกับเสียเส้นไปแล้ว
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านล่วงเลยไปกี่ชั่วยามที่ทั้งสามเกลอนั้นยืนจ้องอยู่กับผีที่ว่า
มารู้ตัวมีสติกันอีกทีก็กลับมาถึงบ้านแล้ว ซ้ำยังพากันจับไข้หัวโกร๋นขาวโพลนร่วงจนเหลือแค่ด้านข้าง กลางกระหม่อมนั้นร่วงลงจนหมด จนเห็นหัวล้านไปแล้ว
"พวกมึงไปไหนกันมาวะ ทำไมเป็นอย่างนี้" ตาชุดเอ่ยถามขึ้นมา
เพราะชาวบ้านไปเห็นทั้งสามคนนอนตัวสั่นจับไข้อยู่ตรงชายป่า จึงได้ช่วยกันหามมาไว้ที่บ้านของตาชุดพ่อของไอ้นนท์
"อาการมันเหมือนคนโดนผีหลอกเลยนะ" พ่อหลวงเจิดพูดขึ้น แต่พวกมันจะไปโดนผีหลอกจากที่ไหนได้ล่ะ
"ตามพ่อหมอสมิงมาดูอาการพวกมันหน่อยไหม?" ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น แต่พอทั้งสามได้ยินชื่อนี้ก็ถึงกับสั่นกลัวมากกว่าเดิม
"ไอ้นนท์มึงไปที่ไหนกันมา?" ตาชุดเอ่ยถามลูกชายของตัวเอง ที่ดูเหมือนว่ามันจะมีสติมากกว่าลูกสมุนสองคนของตัวเอง คงเพราะมีของดีติดตัวเลยไม่ได้หนักเหมือนกับอีกสองคนที่เจอมาเหมือนกัน
"ผะ ผี ผีบ้านหมอสมิง บ้านนั้นมันมีผี มันเลี้ยงผี มันจะฆ่าพวกเรา"
พอชาวบ้านได้ยินแบบนั้นก็พากันตกใจยกใหญ่ ทุกคนรู้ดีกันอยู่แล้วว่าพ่อหมอสมิงนั้นเลี้ยงผีไว้เป็นบริวาร แต่ก็ไม่เคยเห็นพวกผีที่พ่อหมอสมิงเลี้ยงเอาไว้มารบกวนชาวบ้านเลย
"ผีงั้นรึ?"
"ชะ ใช่ น่ากลัวด้วย ตัวมันมีแค่ครึ่งนึง ไส้ทะลักเหม็นเน่า มันจ้องจะเอาชีวิต พะ พวกเราสามคน" ไอ้นนท์ยังพูดไม่เป็นประโยคเป็นคำเลย แต่มันก็พยายามพูดให้ชาวบ้านเข้าใจมากที่สุด
"แล้วเอ็งไปทำอะไรมา ทำไมถึงโดนผีบริวารของพ่อหมอสมิงเล่นงานเอาได้" พ่อหลวงเจิดเอ่ยถามขึ้น
พอเจอคำถามนี้แล้วไม่มีใครกล้าตอบเลยซักคน เพราะรู้กันดีว่าเมื่อคืนนั้นไปทำอะไรมา ขืนพูดออกไปชาวบ้านก็คงได้รู้กันพอดีว่าคิดจะเผาเรือนพ่อหมอสมิง ก็เลยโดนผีบริวารเล่นงานมาจนจับไข้หัวโกร๋นกันแบบนี้
"พะ พ่อ พ่อช่วยฉันด้วยนะ พ่อหมอสมิงน่ะเล่นของต่ำเลี้ยงผี คิดจะเอาชีวิตฉันกับไอ้พวกนี้ ถ้าฉันไม่หนีออกมาฉันตายแน่"
"....." ตาชุดมองไปที่ลูกชายของตัวเอง ถึงจะเคารพนับถือพ่อหมอสมิง แต่หากมาทำลูกชายของตัวเองจนเป็นแบบนี้แล้ว เห็นทีคงเคารพกันต่อไม่ลงแล้วสิ
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยังไงพ่อแม่ก็ย่อมรักลูกหวงแหนลูกเป็นธรรมดาอยู่แล้วล่ะ ลูกเป็นแบบนี้จะให้คนเป็นพ่อแม่นิ่งนอนใจได้ยังไงกัน