ตอนที่ 6
วันที่รอคอย
แล้ววันเสาร์ที่ปณาลีรอคอยมาตลอดทั้งสัปดาห์ก็มาถึง หญิงสาวตื่นนอนแต่เช้าทำอาหารให้น้องชายอย่างเคย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสจนปณวัฒน์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“ผมว่ามันต้องมีอะไรดีแน่ๆ พี่ถึงอารมณ์ดีตลอดทั้งสัปดาห์” ปณวัฒน์พูดพลางมองหน้าพี่สาวด้วยความสงสัยเพราะปกติพี่สาวของเขาบางครั้งก็จะทำหน้าเครียดเพราะงานที่เธอทำนั้นต้องอาศัยความละเอียดและรอบคอบมาก
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“พี่ยี่หวาครับ บอกผมมาเถอะน่า พี่นนท์ขอพี่แต่งงานแล้วใช่ไหม” ปณวัฒน์ยังคงเซ้าซี้
“ยังหรอก แต่วันนี้เขานัดพี่ไปกินข้าว” ปณาลีตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ก็แค่นัดไปกินข้าวเองไม่เห็นจะต้องดีใจขนาดนั้น” เขามองพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ
“แต่มันก็ไม่แน่นะว่าเขาจะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือเปล่า เพื่อนพี่บอกว่าเขาไปซื้อแหวนแต่งงานแล้ววันนี้เขาก็นัดพี่ไปที่ร้านเดิมที่เขาเคยขอพี่เป็นแฟน” ในที่สุดปณาลีก็บอกน้องชายถึงเหตุผลที่เธออารมณ์ดีมาตลอดหลายวัน
“พี่จะตอบตกลงเหรอ” ปณวัฒน์มองหน้าพี่สาวและถามออกมาอย่างจริงจัง
“พี่ว่ามันถึงเวลาแล้วนะ พี่กับพี่นนท์ก็คบกันมานานแล้ว”
“แต่เมื่อวันก่อนอาศิลาก็บอกว่าเรื่องเวลามันก็แค่ส่วนหนึ่งมันยังมีอีกหลายเรื่อง”
“มันก็ใช่แต่พี่คิดว่าเรื่องของพี่ไม่เหมือนเรื่องของอาศิลาหรอกนะ”
“พี่มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่เจอคนที่ดีกว่านี้”
“อือ พี่มั่นใจนะ พี่นนท์เขาเป็นผู้ชายที่นิสัยดี ตั้งใจทำงาน ไม่เจ้าชู้และที่สำคัญเขาเป็นรักแรกของพี่ ถ้าไม่แต่งงานกับพี่นนท์พี่ก็นึกไม่ออกเลยว่าจะแต่งงานกับใคร” ปณาลีตอบน้องชายด้วยความมั่นใจ เธอรักผู้ชายคนนี้มากและคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขากับเธอจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันหลังจากที่คบหากันมานานเกือบจะสามปีแล้ว
“ถ้าพี่ตัดสินใจแล้วผมก็ไม่ห้ามหรอกนะ ขอให้วันนี้เป็นอีกวันที่มีความสุขก็แล้วกัน”
“ขอบใจจ้ะน้องชาย”
“แล้วพี่จะไปยังไงล่ะ พี่นนท์เขาจะมารับพี่หรือเปล่า”
“เขาจะมารับพี่ที่นี่หกโมง ปัณจะออกไปไหนหรือเปล่า รอเจอพี่เขาก่อนไหมจะได้ถามเรื่องคอมพิวเตอร์ด้วยนะ”
“ไม่ละวันนี้ผมว่าจะไปดูหอพักกับ ส่วนเรื่องคอมพิวเตอร์ผมคุยกับอาศิลาแล้วล่ะ เดี๋ยวอาศิลาจะดูราคาให้”
“ถ้าพี่นนท์มารับพี่งั้นผมขอยืมรถไปหน่อยได้ไหมครับพี่ยี่หวา” ปณวัฒน์พูดพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน
“เอาไปสิ แต่ขับดีๆ นะอย่าไปชนใครเขาล่ะแล้วก็อย่ากลับดึกนะ” ปณาลีตอบอย่างใจดีพลางยื่นกุญแจรถให้
“ขอบคุณครับพี่ คืนนี้ผมว่าจะไม่กลับมานะที่นี่นะผมจะนอนที่บ้านเพื่อนถ้าพี่จะพาพี่นนท์มาค้างที่นี่ผมก็ไม่ว่านะ ตามสบายเลยผมจะไม่กวนพี่สองคนแน่นอน ผมให้เวลาพี่อยู่ด้วยกันถึงเย็นพรุ่งนี้เลยนะครับ งั้นผมไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เย็นๆ ครับ” เขารับกุญแจรถมาก่อนจะโบกมือลา
ตลอดทั้งวันปณาลีซ้อมพูดกับตัวเองหน้ากระจกหลายครั้ง เธอฝึกซ้อมสีหน้าและท่าทางที่จะใช้ตอบรับคำขอแต่งงานจากนนทกรเพื่อให้ตัวเองดูสวยและน่าประทับใจที่สุด ทุกครั้งที่เธอมองตัวเองในกระจกความสุขก็เอ่อล้นออกมาทางสายตาจนแทบจะเก็บไว้ไม่อยู่
พอถึงเวลาสี่โมงเย็น ปณาลีก็เริ่มเตรียมตัว เธอจัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างพิถีพิถันและตั้งใจ ชุดที่เธอและเพื่อนสนิทช่วยกันเลือกเป็นชุดเดรสสีขาวความยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เนื้อผ้าพลิ้วไหว ช่วยขับผิวของเธอให้ดูผ่องขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ด้วยโทนสีสว่างเพื่อเน้นดวงตากลมโตที่ดูเปล่งประกาย
ผมที่ชอบมัดไว้เป็นหางม้าก็ปล่อยผมยาวสลวยให้ทิ้งตัวลงมาคลอเคลียใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อทุกอย่างพร้อม เธอก็นั่งรอคอยนนทกรที่ห้องรับแขกด้วยความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาทีที่ผ่านไปช่างยาวนานเหลือเกิน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเป็นระยะๆ และยิ้มกับตัวเองอยู่คนเดียว
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นในเวลาหกโมงเย็นพอดี ปณาลีรีบวิ่งไปเปิดประตูด้วยหัวใจที่เต้นรัว นนทกรในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแลคสีเข้มยืนรออยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย
“สวัสดีค่ะพี่นนท์” ปณาลีทักทายพร้อมรอยยิ้มที่สดใส ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความสุข
“สวัสดีครับยี่หวา ไปกันเลยนะ” นนทกรตอบรับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจจริง สายตาของเขาดูเคร่งเครียดกว่าปกติจนปณาลีสังเกตเห็นได้
“วันนี้ดูสวยเป็นพิเศษเลยนะครับ” เขาเอ่ยชมพลางเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ” ปณาลีตอบรับอย่างเขินอายพลางก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว
นนทกรขับรถออกไปอย่างเงียบๆ ความเงียบภายในรถทำให้ปณาลีรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอจึงพยายามชวนเขาคุยเหมือนทุกครั้ง แต่เขากลับตอบเพียงสั้นๆ และดูเหมือนจะใจลอยอยู่ตลอดเวลา
“พี่นนท์คะ” ปณาลีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ
“ครับ” นนทกรตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาของเขายังคงจดจ่ออยู่กับท้องถนน
“พี่นนท์ดูเครียดๆ นะคะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” เธอถามด้วยความเป็นห่วงพลางยื่นมือไปแตะที่แขนของเขาเบาๆ
“เปล่าครับ พี่แค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย” เขาตอบพลางบีบพวงมาลัยแน่นจนเธอรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด
“ถ้ามีอะไรให้ยี่หวาช่วยได้ก็บอกยี่หวานะคะ” ปณาลีมองหน้าเขาอย่างพิจารณา เธอลูบแขนเขาเบาๆ อีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและให้กำลังใจอย่างจริงใจ
“ขอบคุณนะครับ แต่ไม่มีอะไรหรอก” เขาบอกปัดเหมือนต้องการให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง
แม้เขาจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ปณาลีก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติในตัวเขา แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอพยายามเข้าใจว่าเขาเองก็น่าจะตื่นเต้นกับการขอเธอแต่งงานในค่ำคืนนี้ และอาจจะกำลังคิดถึงเรื่องแผนการที่เขาเตรียมไว้เพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ที่น่าประทับใจที่สุดให้กับเธอ ความคิดนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นอีกครั้ง
เธอเอนหลังพิงเบาะรถและมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยหัวใจที่พองโต คืนนี้จะเป็นคืนที่เธอจะได้รับการขอแต่งงานจากคนที่เธอรักที่สุดหญิงสาวแทบจะรอเวลานั้นไม่ไหว