ตอนที่ 1
เพื่อนบ้านคนใหม่
ในหมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมืองที่ดูเงียบสงบที่ศิลา ชายหนุ่มวัย 36 ปี ยืนอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น
บ้านหลังนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากย่านธุรกิจเพราะเขาต้องการ ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายมานาน ศิลาทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังรวมทั้งเรื่องข่าวลือเกี่ยวกับเขาและอดีตภรรยาที่มีมาไม่หยุดแม้จะหย่าขาดจากกันมาสองปีแล้วก็ตาม
เสียงรถบรรทุกคันใหญ่จอดที่หน้าบ้าน ตามมาด้วยเสียงผู้คนกำลังขนย้ายเฟอร์นิเจอร์และกล่องใบใหญ่ลงจากรถ ศิลายืนกอดอกมองการทำงานของพนักงานขนส่งด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยและแววตาที่เย็นชาจนน่าเกรงขาม ไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ หลายคนมักจะมองว่าเขาเป็นคนเย็นชาและหยิ่งยโส แต่คนที่รู้จักจริงๆ เท่านั้นจะรู้ว่านั่นก็แค่กำแพงที่เขาสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดในอดีต
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชีวิตของเขาผูกติดอยู่กับคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีและความวุ่นวาย แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจที่จะซื้อบ้านที่นี่ หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ ไม่มีเสียงรถราดังรบกวน ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน ศิลาคิดว่านี่แหละคือชีวิตที่เขาตามหามาตลอด ชีวิตที่เรียบง่ายและไม่ต้องแข่งขันกับใครอีกแล้ว
ศิลาคือเจ้าของธุรกิจนำเข้าสินค้าไอทีรายใหญ่ที่กำลังไปได้สวยในตลาดเมืองไทย ชายหนุ่มไม่เคยสนใจเรื่องความรักอีกเลยหลังจากความผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิตคู่ที่ผ่านมา เขาเชื่อว่าความรักก็เป็นแค่เกมที่ต้องรู้จักเล่นให้ฉลาดก็พอ ถ้าอยากได้ใครเขาก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา และไม่เคยปล่อยเหยื่อให้หลุดมือไปได้ง่ายๆ
มีข่าวลือว่าเขากับอดีตภรรยาเลิกกันเพราะเรื่องบนเตียง หลายคนมองว่าหน้าตาเย็นชาแบบเขา บนเตียงก็คงไม่ต่างกัน แต่ความจริงมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาตัดสินใจหย่าคือการที่ภรรยามีชู้กับรุ่นน้องของเธอในบริษัทเอง และความเจ็บปวดในครั้งนั้นก็ทำให้เขามองความรักเป็นแค่เรื่องไร้สาระ แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆ แล้วเขาก็ยังโหยหาอยู่
“สวัสดีครับ เพิ่งย้ายมาเหรอครับ”
เสียงทักทายสดใสจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากรั้วบ้านข้างๆ ทำให้ศิลาละสายตาจากกล่องใบโต หันไปมองตามเสียงนั้น เด็กหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวสะอาดที่มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างกำลังมองเขาอยู่ด้วยสายตาเป็นมิตร
“สวัสดี” ศิลาตอบรับสั้นๆ
“ผมชื่อปณวัฒน์ครับ เรียกปัณก็ได้แล้วคุณอาล่ะครับ”
“อาชื่อศิลา ย้ายมาอยู่ใหม่” ศิลาตอบเรียบๆ โดยเลือกใช้สรรพนามว่าอาตามที่ถูกเรียก
“ดีใจจังเลยครับที่ได้เพื่อนบ้านใหม่ อามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมแข็งแรงนะ” ปณวัฒน์พูดพร้อมกับเบ่งกล้ามแขนให้ดูอย่างอารมณ์ดี
ศิลามองการกระทำของเด็กหนุ่มก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น แต่มันก็ปรากฏขึ้นเพราะท่าทางไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มคนนี้
“ไม่เป็นไร อาให้บริษัทขนย้ายจัดการแล้ว ขอบใจนะ” ศิลาตอบปฏิเสธ แต่ก็รู้สึกเอ็นดูเด็กหนุ่มคนนี้ไม่น้อย
“อาศิลาย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ดีเลยครับ ผมจะได้มีเพื่อนคุยเพิ่มอีกคนปกติก็เหงาจะแย่” ปณวัฒน์พูดพลางพยักหน้าไปทางบ้านของตัวเองเซ็งๆ
“อยู่บ้านคนเดียวเหรอปัณ” ศิลาถามอยากแปลกใจเพราะบ้านหลังที่เขาเห็นถึงแม้จะหลังไม่ใหญ่มากแต่ถ้าอยู่คนเดียวก็คงจะเหงาเพราะยังเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่ต่างจากเขาที่ต้องการความเงียบ
“ผมอยู่กับพี่สาวครับแต่คุยกับผู้หญิงไม่เหมือนคุยกับผู้ชายนะครับอาศิลา บางที่พี่สาวก็ไม่เข้าใจว่าผมพูดเรื่องอะไร” ปณวัฒน์ส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงเวลาที่ตัวเองกับพี่สาวคุยกัน
“อายุห่างกันมากเหรอถึงไม่เข้าใจกันน่ะ”
“พี่ผมอายุ 24 ครับ ผมชอบคุยเรื่องเกม เรื่องคอมพิวเตอร์แต่พี่สาวผมชอบพูดเรื่องตัวเลข เลยคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง” ปณวัฒน์ส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อถึงเวลาที่ตัวเองกับพี่สาวคุยกัน
“ชอบคอมพิวเตอร์เหรอ”
“ชอบครับ เปิดเทอมนี้ผมก็จะเข้าปีมหาลัยปีหนึ่งคอมพิวเตอร์กราฟิก ผมชอบงานออกแบบ งาน 3D ครับ ผมกับเพื่อนรับงานออกแบบด้วยนะครับ ทำได้หมดเลย พวกโลโก้สินค้า ใบปลิวโฆษณาและออกแบบเว็บไซต์ผมก็ทำนะครับ บอกไว้ก่อนเผื่อว่าอาศิลาอยากหาคนทำงานด้านนี้”
“ถ้าอามีงานอาจะบอกนะ”
“ได้เลยครับ อาศิลาถือเป็นเพื่อนบ้านผมทำให้ฟรีก็ได้นะครับ แต่แค่ครั้งแรกนะครับ
“อาก็นึกว่าฟรีตลอด” ศิลาหัวเราะเบาๆ ซึ่งทำให้ปณวัฒน์ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“แหมเด็กอย่างผมถ้าทำให้ฟรีแล้วจะเอาตังที่ไหนกินขนมละครับ” ปณวัฒน์ตอบอย่างอารมณ์ดี
“อาจะหาลูกค้าให้นะ” เขาเห็นปณวัฒน์แล้วนึกถึงตอนเองสมัยที่ยังเรียนที่รับทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน
“อาศิลาครับ ถ้าจัดบ้านเสร็จแล้ว มาทานข้าวที่บ้านผมนะ ผมจะเลี้ยงต้อนรับเพื่อนบ้านคนใหม่”
“ไม่เป็นไรอาเกรงใจ” ศิลาตอบปฏิเสธ เพราะไม่อยากไปรบกวน
“อย่าเกรงใจเลยครับ พี่าสาวผมทำกับข้าวอร่อยมากที่สุดเลยนะครับ” ปณวัฒน์รับรองด้วยท่าทางจริงจัง
“แล้วบ้านเรากินข้าวกันกี่โมงล่ะ” เขาถามอย่างสนใจ
“ประมาณหกโมงครึ่งครับ มานะครับผมจะบอกพี่สาวทำอาหารสุดฝีมือเลย”
“งั้นก็ได้ เดี๋ยวหกโมงครึ่งเจอกันนะ”
“ครับ ผมไปบอกพี่สาวก่อนนะครับ” ปณวัฒน์ยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าบ้านของตัวเอง