ยังมีความสงสัยจากประโยคสั้น ๆ ของเขาเมื่อคืนหลงเหลือในหัว แม้กระทั่งตื่นนอนมาหลายชั่วโมง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วยังขจัดมันออกไปไม่ได้สักที ที่เขาบอกว่าอย่าหยิบจับอะไรเข้าปากมั่วซั่วมันคืออะไรกันนะ ไม่ว่าจะพยายามตีความยังไงก็ไม่สามารถรู้ความหมายของมันได้เลย
“คุณพร้อมแล้วหรือยัง ผมจะให้คนพาไปซื้อเสื้อผ้า”
ตาเถรตก! ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบมาเงียบ ๆ กัน ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงฝีเท้าเขาด้วยซ้ำ หากว่าเป็นแมวหรือผีฉันยังจะเชื่อเลย
“ตกใจอะไรของคุณ” เขากอดอกเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
วันนี้คุณบีสต์อยู่ในลุกสบาย ๆ ด้วยเสื้อยืดขาวครีมกับกางเกงขาสั้นสีดำจากแบรนด์ดัง ผมยาวสีอ่อนสวยถูกมัดรวบลวก ๆ ไว้ที่ท้ายทอย ไม่ปล่อยเซอร์เช่นเมื่อวาน
ดูดี…ใช่ ดูดีมาก และฉันไม่คิดว่าเพราะเขาใส่เสื้อผ้าราคาแพงอะไรหรอกนะ แต่ตัวเขาสูงโปร่ง ไหล่กว้าง ไม่ล่ำ ไม่ผอม มันเลยใส่อะไรก็ออกมาสวยเหมือนนายแบบบนปกนิตยสาร
“นี่บัตรเครดิต อยากใช้เท่าไหร่ก็ใช้ไป ไม่ต้องใส่ใจเรื่องวงเงิน” พอเห็นว่าฉันมัวแต่อ้าปากตกตะลึง เขาจึงยัดบัตรเครดิตสีดำใส่ปากที่อ้าไม่ยอมหุบ
ผู้มีพระคุณบ้า ทำเหมือนฉันเป็นหมาเลย
“อะไร มัวแต่จ้อง ผมไม่ได้มีพลังพิเศษอ่านใจคนได้นะ มีอะไรก็พูด”
ท่าทีเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเล็กน้อย แต่แค่นิดเดียวจริง ๆ เพราะวันนี้เขาดูอารมณ์ดีกว่าเมื่อวานเยอะ เมื่อวานคุณบีสต์ชอบทำหน้ายักษ์ไม่ก็ทำหน้านิ่ง ๆ ใส่เหมือนคนเก็บกด มาวันนี้เขาดูผ่อนคลายแปลก ๆ สงสัยเพราะเริ่มคุ้นชินกับคนแปลกหน้าที่บังเอิญเข้ามาอาศัยด้วยหรือเปล่า ไม่ก็คงเพราะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับเขา
“คือฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นน่ะค่ะ ที่ตลาดไม่น่าใช้บัตรแบบนี้ได้” ฉันตั้งใจจะไปซื้อแค่เสื้อผ้าราคาถูกตามตลาดแถวประตูน้ำ แน่นอนว่าบัตรเครดิตไม่มีทางใช้รูดได้
“ไปซื้อที่ห้าง เอาตัวสวย ๆ คุณภาพดี ๆ ไม่ใช่ของที่ใช้เพียงไม่กี่ครั้งแล้วทิ้ง เลือกซื้อในสิ่งที่เหมาะสมกับคุณค่าของตัวเองซะ”
สายตาที่มองมาไม่มีแววตำหนิ แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเขากำลังด่านะ
อาจเพราะชายตรงหน้าดูมีอำนาจ เขาวางท่าข่มฉันทุกครั้งที่มีโอกาส เขามักจะออกคำสั่งแกมบังคับไม่รู้ว่าตั้งใจหรือแค่เผลอ และด้วยขนาดตัวสูงใหญ่เหมือนยักษ์ (ในสายตาฉัน) มันเสริมให้ทุกอย่างดูน่ากลัวไปหมดก็ได้
“ค่ะ” คงต้องรับคำไปก่อน ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสามารถขัดขืนคำสั่งใครได้ในตอนนี้
“ไปได้แล้ว ผมมีเรื่องต้องทำ”
“คุณบีสต์จะไม่ออกไปด้วยกันเหรอคะ”
ได้ยินเสียงถอนหายใจลอยผ่านอากาศมา ร่างสูงกว่าฉันก้าวเข้าหากระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมและสัมผัสถึงไออุ่นจากตัวเขา คุณบีสต์ก้มลงต่ำจนริมฝีปากแตะใบหูฉันเบา ๆ แล้วพูด
“บอกว่ามีเรื่องต้องทำ แสดงว่าไม่ว่าง หรือถ้าอยากจะรอก็ตามใจ แต่เสียงอาจจะดังหน่อยนะ”
เขาผละออกไปพร้อมความร้อนผะผ่าวตรงใบหูที่ยังหลงเหลืออยู่ พลันสมองประมวลคำพูดเขาได้ หน้าฉันจึงเริ่มร้อนขึ้นไม่ต่างจากหูเลยสักนิด
ทำเหมือนเป็นเด็กสาวแรกรุ่น มาเขินอะไรกับเรื่องธรรมชาติของมนุษย์กันน่ะ
“คุณใช้เวลานานไหมคะ”
คือฉันไม่อยากเอาบัตรเขาไปใช้มั่วซั่ว ทางที่ดีให้เจ้าของมันตามไปควบคุมค่าใช้จ่ายจะดีสุด จากเมื่อวานเขาบอกว่าไม่มีงานทำ เขาน่าจะมีเวลามากพอไปเดินข้างนอกกับฉัน ดีไม่ดีคงว่างทั้งวันเลย
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คุณบีสต์มองฉันด้วยสายตาแกมอึ้ง “จะรอ?”
“ถ้าคุณให้รอฉันก็จะรอค่ะ แต่ถ้าคุณไม่อยากให้รอ ฉันก็จะไป”
เขาเงียบ ใช้นิ้วชี้เกาคางเบา ๆ อย่างคนใช้ความคิด ก่อนเดินหายไปในห้องถัดจากห้องฉัน ไม่นานก็กลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ
“นี่แอร์พอด” เขายัดมันใส่มือฉัน “คงรู้วิธีเชื่อมต่อมันใช่ไหม”
“คุณจะให้ฉันรอใช่ไหมคะ”
“ถ้าอยากรอก็แค่รอ จะพยายามทำไม่นานแล้วกัน ระหว่างนี้เข้าไปอยู่ในห้อง สวมนี่ไว้ มันเก็บเสียงได้ดี”
ฉันยิ้ม แน่นอนว่ารู้สึกดีที่เขาอุตส่าห์ใส่ใจหาอะไรมาอุดหูให้ระหว่างทำเรื่องอย่างว่า
“ใช้เวลามากไหมคะ ฉันจะได้ไม่ออกมาขัดจังหวะ”
“สักหนึ่งชั่วโมง จะนอนไปเลยก็ได้ถ้าอยาก เดี๋ยวผมไปปลุกเองในห้อง”
“ค่ะ คุณบีสต์” พยักหน้าให้เขาสองสามที “ไวท์จะรอนะคะ”
“...” ดวงตาคู่คมสวยเบิกกว้างเล็กน้อย มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวฉัน หรือจะเรียกว่าขยี้ด้วยความเอ็นดูคงได้ “เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อก็ดีนะ น่ารัก”
หากความร้อนบนพวงแก้มทั้งสองคือเขิน ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองกำลังมีอาการเช่นนั้นอยู่ ปกติแล้วใช่ว่าตนเป็นคนอ่อนไหวง่าย แต่ฉันคิดว่าหัวใจตัวเองตอนนี้ค่อนข้างบอบบาง ยิ่งคนเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อวันวานทำดีด้วย ฉันยิ่งหวั่นไหวง่ายเข้าไปใหญ่
ใจง่ายจังเลยนะไวท์ เขาเป็นใครเธอยังไม่รู้เลย
ทว่าก่อนความคิดจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เสียงเรียกจากออดหน้าประตูได้ดึงฉันออกมาจากเทพนิยายในจินตนาการ คุณบีสต์ยังรีรอลูบหัวฉันเล่น ส่วนตัวเองก็ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยสักที
“คุณบีสต์คะ มีแขก…”
“อืม ได้ยินแล้ว”
ได้ยินแต่ยังคงลูบผมฉันต่อ ทำเหมือนชื่นชอบมันเสียยิ่งกว่าของขวัญล้ำค่า
“ให้ไวท์ไปเปิดประตูนะคะ”
เหมือนได้ยินเสียงจิ๊ปากไม่พอใจเบา ๆ ถึงกระนั้นเขายังพยักหน้าอนุญาตให้ไปเปิดประตูต้อนรับแขกของเขา
ฉันคิดว่าผู้หญิงที่อยู่หลังบานประตูนี้คงดูดีมาก พอก้มลงมองดูสภาพตัวเองแล้วเริ่มรู้สึกไม่อยากเปิดต้อนรับเธอเลย ไม่อยากโดนชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องเปรียบเทียบรูปร่างหน้าตากับผู้หญิงของเขา มันคงเจ็บใจไม่น้อยหากเขาหรือเธอพูดใส่หน้าตรง ๆ
“บีสต์ ช้าจังคะ” ทันทีที่บานประตูเปิดออก เธอในชุดเดรสรัดรูปสีดำก็โผเข้าหาทำท่าจะกอดฉัน พอเห็นว่าเป็นผู้หญิงเปิดประตูให้ หล่อนจึงชะงักแล้วถอยห่างไปไกล “เธอเป็นใคร”
“อะ เอ่อ…”
สวยจัง สวยจนพูดไม่ออก เพราะมัวแต่ตะลึงงันกับรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ
“ถามว่าเป็นใคร ทำไมมาอยู่ห้องนี้ได้”
“เชิญข้างในก่อนดีไหมคะ”
เธอไม่ถามอะไรต่อ เพียงเดินเข้ามา ถอดรองเท้าส้นสูงออก ก้าวยาว ๆ ไปเกาะแขนคุณบีสต์ ทำท่าอ้อร้อกับเขาประหนึ่งคนรัก
เป็นคนรักเขาจริง ๆ ใช่หรือเปล่า…
แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกผิดหวังด้วยนะ
“เด็กคนนี้ใครคะบีสต์” พูดทั้งยังมองมาที่ฉันด้วยสายตาไม่เป็นมิตรมากนัก รู้สึกได้เลยว่าโดนเกลียดเข้าให้แล้ว แม้จะยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตามที
คุณบีสต์ก้มมองมือที่เกาะแขนตน เขาส่งสายตาตำหนิให้เธอคนนั้นเล็กน้อย แต่ไม่สะบัดหรือปัดการเกาะกุมนั่นออก
“อยู่ในสถานะที่มีสิทธิ์ถามเหรอ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ”
เธอหน้าม้านไป ทว่ายังทำใจดีสู้เสือออดอ้อนเขาต่อ “แหม แพรวก็แค่อยากรู้น่ะค่ะ ปกติมาที่นี่ไม่เคยเห็นบีสต์อยู่กับใคร โดยเฉพาะผู้หญิงหน้าตาน่ารักแบบนี้”
“คุณเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียว” เขาดึงแขนออกจากเธอ กวักมือเรียกฉันที่กำลังยืนก้มหน้าทำตัวไม่ถูกตรงมุม “ไวท์ มานี่มา”
ฉันเดินเข้าไปหาเขาเชื่องช้าโดยมีสายตาอาฆาตจากผู้หญิงคนนั้นมองตลอด ยิ่งคุณบีสต์ยกมือลูบหัวฉัน เธอคนนั้นยิ่งทำท่าเหมือนอยากจะฆ่ากันให้ได้
“เข้าไปในห้องนะ ถ้าเสร็จแล้วจะเรียก”
“ค่ะ”
“อย่าลืมสวมหูฟังที่ให้ไว้”
“ค่ะ”
“คนเก่ง”
คำชมครั้งที่สองจากปากเขาทำหัวใจสั่นไหวอีกรอบ ฉันเงยหน้ามองรอยยิ้มแสนหวานของคุณบีสต์แล้วยิ้มตอบ
“ขอบคุณค่ะ”
เหมือนลูกหมา…ใช่ ทำตัวเหมือนลูกหมาที่เขากำลังฝึกให้เชื่อฟังคำสั่ง พอฉันทำตามทุกอย่างจะได้รับรางวัลเป็นคำชม ไม่ก็ของกินอร่อย ๆ
“แป๊บเดียว”
ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกเหมือนคุณบีสต์กำลังถ่วงเวลาเล่นกับฉันเพื่อให้เธอคนนั้นหัวเสีย ซึ่งมันได้ผลชะงัด เมื่อเธอเริ่มกำหมัด เม้มริมฝีปากแน่นแล้ว
“ขอตัวก่อนค่ะ”
ต้องรีบจ้ำก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงแปลงร่างเป็นนางมารขย้ำหัวฉันแบบไม่เกรงใจผู้ชายแน่ ยังดีที่คุณบีสต์ไม่ได้รั้งไว้ ปล่อยฉันเดินเข้าห้องไปแต่โดยดี