เกวียนวัวของเจ้ารึ

1493 คำ
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ นางหูซื่อก็เดินมาถึงเรือนตระกูลกวน ด้วยก่อนหน้านี้ปู่กวนให้หลานชายไปตามนางมาพบ "อิงเออร์ เซินเออร์” นางเห็นหลานทั้งสองนั่งอยู่ภายในห้องโถงตระกูลกวน ก็รีบเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งสวมกอดทั้งสองด้วยความคิดถึง “ท่านย่า/ท่านย่า” เยี่ยนอิงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความรักที่นางหูซื่อมีต่อเจ้าของร่างเดิมและน้องชายของนาง “พวกเจ้าได้กินอันใดหรือไม่ เหตุใดถึงได้ผอมเช่นนี้” นางมองหลานทั้งสองอย่างปวดใจ หากผู้เป็นสามียังมีชีวิตอยู่ บุตรชายคนโตคงไม่กล้ารังแกหลานทั้งสอง เป็นเพราะนางอ่อนแอเกินไป จึงไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดพวกเขาได้ “ท่านย่า ท่านไม่ต้องห่วงข้ากับเซินเออร์เจ้าค่ะ เมื่อสองวันก่อนข้าขึ้นเขาไปกับป้าตู้แล้วพบของดีเข้า ได้เงินมาไม่น้อย จึงคิดจะนำเงินมาตอบแทนท่านเจ้าค่ะ” “ตอบแทนอันใดกัน ข้าไม่เคยช่วยเหลือพวกเจ้าได้เลย” พอนึกถึงเรื่องในหนเก่า นางหูซื่อก็ร้องออกมาอย่างปวดใจ บุตรชายคนรองของนางและลูกสะใภ้ ต่างตกตายกันไปสิ้น เหลือเพียงหลานทั้งสองให้ดูต่างหน้า แต่นางก็ไม่อาจดูแลพวกเขาได้ คนที่อยู่ในห้องโถง ต่างมองย่าหลานพูดคุยกันด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ “เอาเถิด ที่เรียกเจ้ามาก็ด้วยเรื่องนี้ อิงเออร์นางนำเงินมาฝากข้าไว้ เพื่อให้เจ้าใช้จ่ายทุกเดือน ข้าจะมอบให้เจ้าเดือนละห้าตำลึงเงิน เจ้าเห็นเป็นเช่นใด” ปู่กวนเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน ที่นางหูซื่อจะร้องคร่ำครวญไปมากกว่าเดิม “อิงเออร์ เงินที่เจ้าหามาได้ เจ้าควรจะเก็บไว้ ย่ามิได้ลำบากอันใด” “ท่านย่า ผู้ใดจะไม่รู้บ้าง ที่นาของท่านเหลือเพียงกี่หมู่กัน แล้วต่อไปผลผลิตที่ได้ ท่านลุงใหญ่จะไม่นำไปขายหมดรึ แล้วท่านจะเอาอันใดกิน” เยี่ยนอิงถอนหายใจออกมา เมื่อก่อนอู๋หยวน เป็นผู้คุ้มกันสินค้าไปส่งต่างเมือง รายได้ดีไม่น้อย เขาจึงซื้อที่นาเก็บไว้หลายสิบหมู่ แต่นับตั้งแต่ที่เขาตายลง อู๋หย่งก็แบ่งขายที่นาออกไปตลอด พอมาโดนหอพนันตามมาทวงถึงที่เรือน นางหูจึงได้ยอมตัดใจแบ่งขายที่นาออกไปเพื่อแลกกับชีวิตหลานทั้งสองคน จนตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่หมู่เท่านั้น “เจ้าฟังอิงเออร์เถิด นางฝากไว้ที่ข้าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ข้าเขียนสัญญาขึ้นมาแล้ว เหลือเพียงเจ้าประทับนิ้วมือก็เป็นอันเสร็จสิ้น หากอาหย่งรู้เรื่อง เขาก็ไม่อาจจะมาขอเบิกเงินที่ข้าได้ อิงเออร์นางให้ข้าเขียนระบุในสัญญา จะมอบให้เจ้าได้เพียงเดือนละห้าตำลึง หากไม่เจ็บป่วยก็ไม่อาจเบิกไปได้มากกว่านี้” “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านผู้นำหมู่บ้านมากเจ้าค่ะ เงินก้อนนี้ข้าคงเก็บไว้ทำศพของตนเอง จะไม่นำมาใช้เด็ดขาด” ซานเซินกอดแขนท่านย่าแน่น เมื่อนางเอ่ยว่าจะเก็บเอาไว้ทำศพตนเอง “ท่านย่า ท่านอย่าได้พูดเช่นนี้ เงินก้อนนี้ข้าให้ท่านใช้จ่าย ซื้อของที่ท่านอยากกิน หากต่อไปท่านลุงใหญ่ไม่ต้องการท่านแล้ว ข้าจะมารับท่านไปอยู่ด้วย” เยี่ยนอิงจ้องมองใบหน้าของนางหูซื่ออย่างจริงจัง “ขอบใจเจ้ามากอิงเออร์” นางสวมกอดหลานทั้งสองไว้แน่น หลังจากที่นางหูซื่อ ยอมตัดขาดหลานทั้งสองให้ออกไปอยู่กันลำพัง นางก็โดนนางหงซื่อถากถางตลอดทุกวัน บุตรชายที่รับปากสามีก่อนตายจะดูแลนางอย่างดี ก็เริ่มไม่สนใจการกินอยู่ของนาง ด้วยที่นางทำให้เยี่ยนอิงและซานเซินออกไปจากเรือน งานเรือนทั้งหมดก็ตกเป็นของนางหงซื่อและบุตรสาวของนาง เช่นนี้แล้วนางจะพอใจได้อย่างไร กว่าที่เยี่ยนอิงจะจัดเรื่องของนางหูเสร็จ เกวียนวัวหน้าหมู่บ้านรอบเช้าก็ออกไปนานแล้ว “อิงเออร์ เจ้าจะไปที่ใด” ป้าตู้เอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสองพี่น้องกำลังยืนปรึกษาเรื่องเกวียนวัวกันอยู่ “ข้าจะเข้าเมืองเจ้าค่ะ” “สวรรค์ เจ้าจะพาน้องเจ้าไปด้วยรึ เซินเออร์เจ้าหายดีแล้วรึ” ป้าตู้มองซานเซินอย่างเป็นห่วง “ดีแล้วขอรับ ได้ยาหมอเว่ยเข้าไปไม่กี่มื้อ ร่างกายของข้าก็ดีเหมือนไม่เคยล้มป่วยมาก่อน” ซานเซินมองป้าตู้ด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ “หึ เจ้าอยากจะออกไปเที่ยวเสียมากกว่าถึงได้พูดออกมาเช่นนี้” ป้าตู้ถลึงตามองสองพี่น้องอย่างตำหนิ “ข้าหายแล้วจริงๆ ขอรับ” ซานเซินยังเอ่ยออกมาไม่ยอม เมื่อตอนนี้เขาหายแล้วจริงๆ “เซินเออร์” เยี่ยนอิงต้องเรียกน้องชายเพื่อเตือนสติเขา ไม่ให้พูดต่อ “ท่านป้า ท่านรู้หรือไม่ว่าเกวียนรอบต่อไปจะมาเมื่อใด” “เหลือรอบยามเว่ย (13.00 – 14.59 น.) หากเจ้าเข้าเมือง ก็คงต้องนอนในเมืองแล้ว” “ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงพาซานเซินกลับไปที่เรือนพร้อมกับป้าตู้ ไว้ใกล้ถึงเวลานางค่อยออกมาใหม่ สองพี่น้องเข้าไปอยู่ในมิติ เพื่อรอเวลา ซานเซินกลับไปนั่งคัดตำราและอ่านตำรา ส่วนเยี่ยนอิง นางออกไปนั่งเดินลมปราณอยู่ที่แท่นหินใต้ต้นไม้ ด้านหลังของเรือน พอถึงเวลาที่เกวียนวัวใกล้จะออก สองพี่น้องก็พากันเดินไปที่หน้าหมู่บ้าน แต่โลกช่างกลมนัก เมื่อด้านในเกวียนที่เยี่ยนอิงกำลังจะพาซานเซินขึ้นนั่ง มีอู๋ซวงนั่งอยู่ด้วย พอเขาเห็นสองพี่น้องขึ้นเกวียนมา ก็ปรายตามองอย่างดูแคลน ด้านข้างยังมีตู้เฉียวสหายของเขาอยู่ด้วย “พวกเจ้ามีเงินขึ้นเกวียนด้วยรึ” เขายิ้มเยาะออกมา เมื่อมองเสื้อผ้าที่ทั้งสองสวมใส่ แม้จะเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ แต่ก็เป็นเพียงผ้าฝ้ายเนื้อหยาบที่ไว้ใช้ใส่สำหรับทำงานหนัก ทั้งเนื้อตัวของทั้งสองก็ดูผอมราวกับว่าลมพัดมาแรงๆ ก็คงจะปลิวไปตามแรงลม “อาซวง เจ้าพูดสิ่งใด บัณฑิตที่ดีไม่สมควรจะดูแคลนผู้อื่นเช่นนี้” ตู้เฉียวที่รู้ดีว่าสองพี่น้องมีเงินมากเพียงใด ทั้งเงินที่ท่านปู่ท่านย่าของตนได้มายามนี้ ก็ด้วยความมีไมตรีที่สองพี่น้องยื่นมาให้ “เหอะ หรือว่าเจ้าชอบนางกันอาเฉียว แล้วอย่าได้คิดตีสนิทกับข้าเด็ดขาด” เขามองซานเซินอย่างรังเกียจ เมื่อก่อนยามที่เขานั่งคัดตัวอักษร ซานเซินมักจะเดินมาเลียบๆ เคียงๆ มองอย่างสนใจ “พอได้แล้วอาซวง!!! ข้าขออภัยแทนสหายด้วย หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา” ตู้เฉียวหันมามองเยี่ยนอิงและซานเซินอย่างรู้สึกผิด “ข้าจะถือสาคนโง่ได้อย่างไรกันเล่า” เยี่ยนอิงกดยิ้มที่มุมปากมองอู๋ซวงอย่างไม่กลัว แววตาของเยี่ยนอิงเช่นนี้ เขาเคยเห็นเสียที่ไหน อู๋ซวงในตอนแรกก็ตกใจ แต่พอได้สติเขาก็โมโหเสียจนแทบจะลุกขึ้นไปทุบตีเยี่ยนอิง “ผู้ใดโง่ คงต้องเป็นเจ้าเสียมากกว่า ข้ามิอยากเดินทางพร้อมเจ้า ลงไป!!!” เขาลุกขึ้นมาชี้หน้าเยี่ยนอิงอย่างโกรธแค้น “เกวียนวัวของเจ้ารึ” นางมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ ก่อนจะหันไปร้องถามคนขับเกวียนวัวที่วันนี้เป็นคนตระกูลกวน (หมู่บ้านกวนเฟิ้ง คนในหมู่บ้านส่วนมากจะใช้แซ่กวน) “ท่านลุง เกวียนวัวหลังนี้เป็นของท่านหรือว่าของตระกูลอู๋เจ้าคะ ข้าไม่แน่ใจนัก” “จะ เจ้า” อู๋ซวงกัดฟันจนแทบแตกมองเยี่ยนอิงอย่างโกรธแค้น “เกวียนจะออกแล้ว พวกเจ้าจะเลิกเถียงกันได้หรือยัง” คนขับเกวียนร้องถามออกมา ด้วยชาวบ้านคนอื่นก็เริ่มจะรำคาญพวกเขาแล้ว “พี่หญิง” ซานเซินดึงแขนเสื้อของเยี่ยนอิง เพื่อขอร้องให้นางเงียบลง เยี่ยนอิงจึงหลับตาลง เลิกสนใจสีหน้าของอู๋ซวง ด้วยเห็นแก่สายตาที่มองมาอย่างขอร้องของตู้เฉียวและซานเซิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม